ยอดหญิงอันดับหนึ่

บทที่ 6 ท่านอ๋องจำเป็นต้องแสร้งบ้าขายโง่



บทที่ 6 ท่านอ๋องจำเป็นต้องแสร้งบ้าขายโง่

ประตูถูกผลักออกในทันที

ตงฟางอ้าวก้าวเข้ามาอย่างเนิบๆ

หลิงหลงมองไปยังชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นภายในห้อง แม้ว่าตนเองจะหวาดกลัวเพียงใด ทว่าขอแค่คุณหนูปลอดภัย จึง ได้แสร้งกล่าวขึ้นอย่างดุร้าย

“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงได้ใจกล้าเช่นนี้ บุกเข้ามาถึงในห้อง หอของพระชายาหวั่น? ไม่ต้องการชีวิต ใช่หรือไม่?

“หลิงหลง อย่าได้เสียมรรยาท “โอวหยางหวั่นเอ๋อหลังจาก

มองคนที่มาอย่างชัดเจน รีบร้อนกล่าวยับยั้ง แต่สุดท้ายก็ช้าไป

หนึ่งก้าว

มือหนึ่งของตงฟางอ้าวบีบไปที่ลำคอของหลิงหลง แววตา ฉายแววเหี้ยมโหด เอ่ยปากกล่าวขึ้น

“เจ้ากำลังถามข้าว่าไม่ต้องการชีวิตแล้วใช่หรือไม่? ดี ข้าจะ บอกเจ้า สุดท้ายแล้วผู้ใดที่ควรมีชีวิตอยู่ ขณะที่ตงฟางข้าวกล่าว มือก็ได้เริ่มออกแรงมากขึ้น

ส่งผลให้หลิงหลงเริ่มไอและหายใจอย่างลำบากติดขัด

“ท่านอ๋อง หวั่นเอื้อมีสาวใช้เพียงผู้เดียว นับถือได้เป็นพี่น้อง ขอท่านอ๋องโปรดปล่อยมือด้วยเพคะ”
โอวหยางหวั่นเอ๋อมองไปยังหลิงหลงที่ต่อสู้ดิ้นรนอย่างลำบาก เช่นนั้น คุกเข่าลงต่อหน้าตงฟางอ้าวอย่างไม่ลังเล สีหน้าเต็มไป ด้วยความขอร้องอย่างวิตกกังวล

“โอวหยางหวั่นเอ๋อ ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นอย่างไรข้าไม่สนใจ แต่ ว่า บัดนี้ จดจําฐานะพระชายาหวั่นของตนไว้ ผู้ใดให้เจ้าคุกเข่า กัน คุกเข่าอย่างง่ายดายเช่นนี้ จะสมกับที่เป็นพระชายาของข้าได้ อย่างไรกัน? ”

ตงฟางอ้าวขมวดคิ้วกล่าวอย่างเด็ดขาด มือกลับได้คลายออก

และมิได้ออกแรงกับหลิงหลงต่อไป

หลิงหลงไออยู่ข้างๆอย่างรุนแรง มองไปยังชายหนุ่มที่ราวกับ โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก และมองไปยังเจ้านายของตนเรียก ขานชายหนุ่มผู้นี้ ดวงตากลิ้งกรอกไปมา มองตงฟางอ้าวอย่าง ตกตะลึง หลุดปากพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว

“ท่านคืออ๋องอันเล่อ? มิใช่กล่าวกันว่าอ๋องอันเล่อเป็นคนโง่ หนึ่งมิใช่หรือ? “หลิงหลงเบิกตากว้างมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ เอ่ยถามอย่างสงสัย

“ดูแล้วเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ผู้ใดกล่าวว่าข้าเป็นคน โง่กันเล่า? ขายอมรับแล้วหรอกหรือ?

ตงฟางอ้าวจ้องหลิงหลงที่อยู่ด้านข้างอย่างเหี้ยมโหด

“ท่านอ๋อง ขอท่านอย่าได้โกรธไปเพคะ” โอวหยางหวั่นเอ๋อตา แหลมมือไวขวางอยู่ด้านหน้าของหลิงหลง กลัวว่าตงฟางข้าวจะ โกรธและระบายอารมณ์ลงที่โอวหยางหวั่นเอ๋ออีกครั้ง
“โอวหยางหวั่นเอ๋อ จดจำฐานะให้ดี พระชายาหวั่นของข้าง ฟางอ้าวกัดฟันกล่าว สีหน้าไม่อาจจักเก็บความโกรธไว้ได้ เขา โดยปกติแล้ว เกลียดผู้ที่เรียกตนเองว่าคนโง่เป็นอย่างมาก ผู้ใด ที่กล่าวเช่นนั้น ล้วนแต่ถูกเขาฆ่าไปหมดแล้ว สาวใช้ที่ไม่ ระมัดระวังผู้นี้กลับดีนัก กล่าวขึ้นมาอย่างตรงๆ

“ท่านอ๋อง หวั่นเอ๋อทราบฐานะของตนเองเป็นอย่างดีเพคะ แต่ หญิงผู้นี้ติดตามหวั่นเอ๋อราวกับพี่น้อง หวังว่าท่านอ๋องจะระงับ อารมณ์ หวั่นเอ๋อยินดีรับโทษเพคะ”

โอวหยางหวั่นเอ๋อเงยหน้าขึ้น มองไปยังตงฟางอ้าว กล่าวทีละ ประโยค ส่วนสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความดื้อรั้น

วันนี้ ตนเองจะต้องปกป้องสาวใช้ข้างกายที่ติดตามนางมา เนิ่นนานให้จงได้

นางไม่มีวันลืม วันเวลาที่อยู่ในจวนโอวหยาง เกรงว่าแม้แต่ คนรับใช้ผู้หนึ่ง ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์และดูถูกดูแคลนตนเอง ได้อย่างตามใจชอบ

แรกเริ่มเดิมทีหลิงหลงสามารถที่จะไปจากนางได้หลายครั้ง หลายครา ทว่านางกลับละทิ้งโอกาสนั้น

ครั้งนั้น หลังจากที่ทำให้หลิงหลงต้องถูกโอวหยางเหยียน เสี้ยวตบ แม้ว่าโอวหยางหวั่นเอ๋อไม่ได้กระทำการอันใด แต่ได้ ลอบจดจําในใจไว้แล้ว และในเวลาเดียวกันก็ยังได้สาบานอีกว่า ตนเองจักต้องไม่ทำให้สาวใช้ที่มีจิตใจที่ดีงามเช่นนี้ต้องได้ถูก ทําร้ายเพราะตนเองได้อีก
นี่คือคํามั่นสัญญาของตนเองที่มีต่อนาง และเป็นเรื่องที่จำเป็น ต้องทำให้ได้ด้วยเช่นกัน

“ยอมรับโทษ? เหอะ โอวหยางหวั่นเอ๋อ มิใช่ว่าเจ้าให้ความ สําคัญกับตนเองมากไปหรอกหรือ การลงโทษของข้า ไม่ใช่เรื่อง ที่เจ้าจะรับไหว “ตงฟางข้าวมองไปยังหญิงสาวผู้ดื้อรั้นที่อยู่ตรง หน้า ผิวขาวที่ราวกับกระเบื้องเคลือบรับกับริมฝีปากที่ถูกทาด้วย สีแดง มองไปแล้วช่างดูงดงามเยือกเย็น และสง่างามเสียจนน่า ประทับใจ

“หวั่นเอ๋อยินดีรับโทษเพคะ”

โอวหยางหวั่นเอ๋อยังคงมองไปที่ตงฟางข้าวด้วยสายตาที่แน่ว แน่ และยังคงดื้อรั้น

“ดี เจ้ามิใช่กล่าว่าสามารถเย็บปักถักร้อยได้มิใช่หรือ? ข้าก็ จะไม่ทำให้เจ้าลำบาก เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าเป็นต้นไป ปักภาพ วิหคค่านับหงส์ ปักเสร็จถึงสามารถกินข้าวได้ นี่ถือเป็นสิ่งที่พระ ชายาถนัด สําหรับพระชายาแล้ว คงไม่มีปัญหา ใช่หรือไม่?

ตงฟางอ้าวมองไปยังสตรีที่สงบนิ่งเฉกเช่นเดิม แทบอยากจะ ทําลายความสงบเยือกเย็นของหญิงสาวผู้นี้

“จะเป็นไปได้อย่างไร ปักภาพวิหคค่านับหงส์แล้วเสร็จ อย่าง เร็วก็ใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ คุณหนูจะทำสำเร็จได้อย่างไร เล่า? “หลิงหลงฟังโอวหยางหวั่นเอ๋อที่ออกหน้าแทนตนเองอย่าง ซาบซึ้งใจ เดิมทีคิดว่าอ๋องอันเล่อบุรุษผู้นี้จะมีความเมตตาให้แก่ คุณหนู ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ได้นึกถึงสายสัมพันธ์ของสามีภรรยาเลยไม่แต่น้อย จึงได้ยื่นข้อเสนอที่คุณหนูมิอาจทำได้

“เพคะ ท่านอ๋อง หวั่นเอ๋อยินดีรับโทษเพคะ”โอวหยางหวั่นเอ๋อ ส่งสายตาบอกให้หลิงหลงอย่าได้กล่าวอันใดออกมา และย่อ กายคารวะตงฟางอ้าว มองไปยังหลิงหลงที่มีท่าทีไม่ยินยอมเช่น เดิมทั้งยังอยากที่จะกล่าวอันใดอีก จึงกล่าวเสียงต่ำออกไป

“หลิงหลง เจ้าออกไปก่อนเถิด ใจข้านั้นรู้ดี

“แต่ว่า…”

“หลิงหลง ถอยออกไปก่อน

มองหลิงหลงที่มีท่าทีสองจิตสองใจ โอวหยางหวั่นเอ๋อจึงทำได้ เพียงทําหน้าขรึมและออกคำสั่งแก่หลิงหลง

มองไปยังหลิงหลงไปถอยออกไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ โอ

วหยางหวั่นเอ๋อได้ปิดประตู และมองไปยังตงฟางข้าวที่คล้ายกับ

มองมาที่ตนด้วยความสนอกสนใจ

ย่อกายคารวะต่อตงฟางอ้าว และเอ่ยปากกล่าว “หากท่านอ๋องไม่มีเรื่องอันใด หม่อมฉันเหนื่อยแล้วเพคะ”

โอวหยางหวั่นเอ๋อกล่าวอย่างเงียบสงบ ทว่าความหมายในน้ำ เสียงกลับกระจ่างชัดว่าเป็นการส่งแขก

โอวหยางหวั่นเอ๋อผู้นี้ ใจกล้ายิ่งนัก พบชายหนุ่มที่ทำให้อกสั่น ขวัญแขวนขนาดนี้ ยังสามารถสงบนิ่งเช่นนี้ได้อีก

“จริง? พอดีข้ากำลังเหนื่อยอยู่พอดี ปรนนิบัติข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย”ตงฟางอ้าวกลับแสร้งทําเป็นไม่เข้าใจในความหมาย ของโอวหยางหวั่นเอ๋อ เอ่ยปากขึ้นกล่าว ยังได้ยื่นมือออกมา เตรียมให้โอหยางหวั่นเอ๋อปรนนิบัติผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าของตน

“ท่านอ๋อง โปรดระมัดระวัง” โอวหยางหวั่นเจ๋อขมวดคิ้ว และ ถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว ก้มศีรษะมองไปที่พื้น ไม่ได้มองไปที่ สีหน้าท่าทางของตงฟางอ้าว

“โอวหยางหวั่นเอ๋อ เกรงว่าเจ้าจะลืมฐานะของตนไปเสียแล้ว พระชายาหวั่นของข้า”ตงฟางอ้าวกลับมิได้โกรธ มองไปที่โอว หยางหวั่นเอ๋อที่มีท่าทีขัดเขิน เลิกคิ้วเล็กน้อย ทว่าน้ำเสียงกลับ เหน็บแนมและเย็นชา

“หวั่นเอ๋อมิบังอาจเพคะ หวั่นเอ๋อจะปรนนิบัติท่านอ๋องเปลี่ยน เสื้อผ้าเพคะ”

โอวหยางหวั่นเอ๋อกัดฟัน ราวกับกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดในใจ ชัดเจนว่ามีความลังเลเป็นอย่างมาก

ตงฟางอ้าวเหยียดแขนออกอย่างเป็นธรรมชาติ รอให้โอว หยางหวั่นเอ๋อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตนเอง โดยไม่มีความขัดเขิน แม้แต่น้อย

โอวหยางหวั่นเอ๋อมองไปยังตงฟางข้าวที่สูงกว่าตนอยู่หนึ่ง ช่วงศีรษะยืนอยู่ด้านหน้าของตน กลืนน้ำลายอย่างประหม่า และ จัดการปลดกระดุมตรงหน้าอกของตรงฟางอ้าวอย่างเพลิดเพลิน

ชายผู้นี้ สูงกว่าที่ตนจินตนาการไว้เป็นอย่างมาก
โอวหยางหวั่นเอ๋อพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ ตนเองให้ความสนใจกับกระดุมเม็ดสีดำที่บนชุดของตงฟางอ้าว

เพียงแค่ได้กลิ่นอายบุรุษที่ลอยมาจากตัวของตงฟางข้าวก็อด ที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้

ตั้งแต่เล็กยันโต โอวหยางหวั่นเอ๋อไม้พบเห็นชายหนุ่มมาบ้าง พอที่จะนับนิ้วได้เลย หากนับที่ใกล้ชิดสนิทสนม กลับไม่มีแม้แต่ผู้ เดียว

บัดนี้ ตนเองช่วยสามีผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตนเอง ทำให้โอว หยางหวั่นเอ๋อรู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง

“เหตุใดจึงได้ช้าเช่นนี้ ทำให้เร็วอีกหน่อย”ตงฟางข้าวขมวด คิ้ว มองไปมือที่คล่องแคล่วว่องไวที่ต่อสู้อยู่นานมากกับกระดุมที่ คอเสื้อของตนเอง ก็อดที่จะเลิกคิ้วและเร่งรัดไม่ได้

หญิงสาวผู้นี้ ใช่ว่าตั้งใจหรือไม่?

นิ้วมือนั้นแท้จริงเจตนาหรือไม่เจตนาเสียดสีไปที่ผิวตรงต้นคอ ของตนเอง หญิงสาวผู้นี้ อยากที่จะเล่นกับไฟ

ตงฟางอ้าวในใจคิดเช่นนี้ แต่มองไปยังท่าทีที่เขินอายไม่ เหมือนกับการเสแสร้งของโอวหยางหวั่นเอ๋อแบบนั้น จึงได้มั่นคิ้ว

ตงฟางอ้าวก้มศีรษะลง มองไปยังโอวหยางหวั่นเอ๋อ ที่ตั้ง อกตั้งใจปลดกระดุม ใบหน้าเล็กๆนั้นแดงราวกับเป็นไข้ก็มิปาน

ในใจอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ มุมปากกระตุกขึ้นมา และ มองไปยังโอวหยางหวั่นเอ๋อ
โอวหยางหวั่นเอ๋อรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของบุรุษที่อยู่รอบกาย ของตนนั้นพลันหอมกรุ่นขึ้นมา เงยหน้าขึ้นไปมองอย่างตกตะลึง มองชายหนุ่มที่อยู่ห่างจากตนไม่ถึงสิบเซนติเมตร ก็ทำให้ตะลึง ฉันไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองไปความงามไร้ที่ติที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่รู้ ว่าควรจะทําตัวอย่างไรดี

“ฮ่า ฮ่า สาวน้อย ท่าทีที่เขินอายเช่นนี้ของเจ้าทำให้เจ้าน่ารัก ขึ้นมาก”ตงฟางอ้าวกลับยิ้มขึ้นมาในทันที มองไปยังหญิงสาวที่ อยู่ใต้ร่างของตนที่มีท่าทีตื่นตระหนก เอ่ยกล่าวอย่างหยอกล้อ

“ท่านอ๋อง โปรดระมัดระวังเพคะ”

โอวหยางหวั่นเอ่อผลักไปที่อกของตงฟางอ้าวอย่าง

ตะลีตะลาน ก้าวไปด้านหลังสองก้าวเพื่อให้ตนเองออกห่างจาก

ตงฟางอ้าว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กำหมัดแน่นพยายามให้ ตนเองสงบนิ่งต่อไป “ฮ่า ฮ่า โอวหยางหวั่นเอ๋อ คำที่ดีไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สาม อย่า

ได้คิดเพ้อเจ้อท้าทายความอดทนของข้า”

ตงฟางอ้าวมองไปยังโอวหยางหวันเอ่อที่ยืนห่างจากตนออก ไป รู้สึกว่าในใจไม่สบอารมณ์ ตนเองมิใช่สายน้ำที่ไหลเชี่ยวและ สัตว์ที่ดุร้าย? เหตุใดต้องแสดงออกว่าเกรงกลัวและถอยห่างเข้า ออกไปเช่นนั้น?

หรือว่าตนจะน่ากลัวเกินไป?
ตงฟางอ้าวขมวดคิ้วมองไปยังโอวหยางหวั่นเอ๋อ กล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

เขารู้ว่า หญิงสาวผู้นี้ หวงแหนชีวิตเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านอ๋อง ท่านอยากกอบกู้ชื่อเสียงหรอกหรือ? เช่นนั้น สถานการณ์ในตอนนี้ มิใช่เรื่องที่คนโง่จะทำหรอกหรือ? “โอว หยางหวั่นเอ๋อจ้องไปที่ตงฟางอ้าวอย่างระมัดระวัง พินิจท่าทาง ของตงฟางอ้าวอย่างละเอียดถี่ถ้วนทั้งหมด อยากรู้ชัดว่าสุดท้าย แล้วตงฟางอ้าวกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งใดกันแน่ ตนเองจะสามารถ คว้าชัยชนะมาได้มากน้อยเพียงใด

“แล้วอย่างไร? ข้าไม่จำเป็นต้องแกล้งบ้าขายโง่ตลอด เวลา! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ