บทที่ 8 การปฏิบัติต่อโอวหยางเหยียนเสี้ยว
ทางฝั่งจวนฮ่องอันเล่อ ผ่านไปอย่างมิได้จัดงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ จัด ที่ใจกลางเมืองหลวง ทว่ากลับครึกครื้นจนไม่หลับไม่นอนตลอด ทั้งคืน
โอวหยางเหยียนเสี้ยว เดิมทีเป็นเพราะพี่สาวโอวหยางหวั่นเก๋ อที่ใบหน้าถูกทำลาย นางจึงได้เป็นหน้าเป็นตาแก่จวนโอวหยาง
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ตัวแทน แต่รูปลักษณ์เช่นนั้นก็ยังสามารถ ครองตำแหน่งสาวงามล่มบ้านล่มเมืองได้
ตงฟาง ร่วมกับเหล่าขุนนางที่เชี่ยวชาญในการต้อนรับแขกผู้ มาเยือนในพระตำหนักฉองหยาง โดยเฉพาะเพื่อมาร่วมจัดงาน เลี้ยงให้แก่ข้าราชการที่มีตำแหน่งสำคัญและข้าราชการในราช สำนัก
เหล่าขุนนางต่างก็ยิ้มอย่างปิติยินดีเฉลิมฉลองให้แก่ตนเองที่ จะได้กลับมาเป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง โชคดีเป็น หนึ่งไม่มีสอง
ขุนนางที่ตำแหน่งค่อนข้างเล็ก ที่มิอาจพูดต่อหน้าฮ่องเต้ได้ก็ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสนทนาพาทีกับคนตระกูลโอวหยาง
ประจบสอพลออย่างไม่สนใจใยดีอันใด โดยไม่มีแม้แต่ความ
รู้สึกที่ว่าสูญเสียเกียรติของตนแม้แต่น้อย มองไปยังฮ่องเต้ร่ำสุรามงคลกับขุนนางไปทีละคน ในใจท่านตระกูลโอวหยางไม่อดเป็นกังวลขึ้นมาได้
เขามิได้เป็นกังวลถึงพระวรกายของฮ่องเต้ เพียงแต่กังวลถึง ผลประโยชน์ของตนเอง คนจากตระกูลโอวหยาง แต่ละคนล้วน แต่ไม่มีความอบอุ่นมีเพียงแต่สุนัขจิ้งจอกที่คิดลึกซึ้งและละเอียด รอบคอบถึงแผนการของตนเอง นอกจากนั้นท่านปู่ตระกูลโอว หยางอีกด้านหนึ่งได้บรรลุจุดสุดยอดมานานแล้ว มิฉะนั้นก็ไม่ สามารถมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แม้กระทั่งฮ่องเต้ยังต้องหวาด กลัวจวน โอวหยาง
ท่านโอวหยางมองไปยังฮ่องเต้ที่กำลังจะเมา ขมวดคิ้วอย่าง แผ่วเบา ส่งเสียงไอไปหลายครา บอกใบ้ให้คนทั่วทั้งงานเงียบลง อย่าได้พูดอันใดอีก
แน่นอน ด้วยพลังอำนาจของท่านโอวหยาง ผู้คนที่ส่งเสียง อวยพรและไปมาหาสู่กันทั้งหมดต่างก็เงียบเสียงลง ผู้คนต่างก็ มองไปที่ท่านโอวหยางที่สุขุมเยือกเย็นทันทีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ฮ่า ฮ่า แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ฮ่องเต้ทรงรักทะนุถนอม ประชาชนอย่างพวกเราถือเป็นเรื่องดีหรือไม่? แต่ทว่าทุกท่าน อย่าได้ลืมเลือน วันนี้เป็นวันอภิเษกสมรสของฮ่องเต้ วันนี้ก็ มากแล้ว พวกเราควรจะให้เวลาส่วนพระองค์แก่ผู้ที่แต่งงานใหม่ อย่างฮ่องเต้มิใช่หรือ? อืม? ทุกท่านคิดว่าที่ข้ากล่าวนั้นถูกหรือ ไม่? ”
คำพูดที่กล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ ทว่ากลับไม่รู้ว่าจะ ปฏิเสธเช่นไร ทำได้เพียงคล้อยตามเท่านั้น
“ใช่พะยะค่ะ ฝ่าบาท คืนนี้ทำให้ล่าช้าแล้ว ฝ่าบาทไปที่ห้องหอ เถิดพะยะค่ะ ฮ่า ฮ่า พวกชราอย่างหม่อมฉันจะดูแลตนเองเป็น อย่างดีพะยะค่ะ ฮ่า ฮ่า”
ขุนนางผู้หนึ่งกล่าวหยอกล้อขึ้นมา ผู้คนจึงได้เอ่ยปากคล้อย ตาม
“ใช่พะยะค่ะฝ่าบาท มิอาจให้เวลาล่าช้าไปกว่านี้ เชิญฮ่องเต้ เสด็จขึ้นรถม้าพะยะค่ะ
หยู่เหวินฮั่วเอ่ยปากรับฟังคำแนะนำของทุกคน แม้ว่าใบหน้า ราวกับไม่อยากที่จะเคลื่อนไหวใดๆ แต่ในใจกลับชื่นชอบ บรรยากาศเป็นอย่างมาก
ดีมาก ชายชราชั่วร้ายตระกูลโอวหยางแท้จริงเป็นกิ่งไม้ต้นไม้ ใหญ่ที่หยั่งลึกใช่หรือไม่? หากตนเองต้องการเกี่ยวพันกิ่งไม้ ใหญ่นี้ ดูแล้วยังต้องลงแรงไปอีกมาก คิดเช่นนี้แล้ว หมู่เหวินชั่วก็ อดไม่ได้ที่จะต้องไปยังท่านโอวหยางอย่างดุร้าย ทว่ากลับมิได้ กล่าวอันใด
ตงฟางนี่ฟังคำเชื้อเชิญของฝูงชน ก็รู้สึกละอายหากจะตรัสว่า
ต้องการจะอยู่ต่อ
ตรัสได้เพียงว่า
“ไป”
ในใจกลับหวาดกลัวท่านโอวหยางอยู่หลายส่วน ใช้เวลาไม่นาน เกี่ยวก็พาตนเองมาถึงห้องหอของตนเอง
พระตำหนักจงฮั่ว
ตงฟางนี้เปิดประตู ก้าวเดินไปยังด้านหน้าของโอวหยางเหยี ยนเสี้ยว ทว่ากลับไม่ได้รีบร้อนเปิดผ้าคลุมหน้า
โอวหยางเหยียนเสี้ยวนั่งคอยอยู่บนเตียงด้วยจิตใจที่ไม่ค่อย
สงบยิ่งนัก
ทําอย่างไรดี? โอวหยางเหยียนเสี้ยวกัดฟันแน่น ระงับความ กังวลในจิตใจของตนเอง เอ่ยปากกล่าว
“ฮ่องเต้เพคะ ดึกแล้วเพคะ” ในน้ำเสียงที่กล่าวออกมาอย่าง ไม่รู้ว่าจะระงับความหวั่นวิตกได้
ดึกมากแล้ว ดังนั้นก็อย่าได้มายืนจ้องข้าอยู่ตรงนี้
นี่คือสิ่งที่โอวหยางเหยียนเสี้ยวคิดอยู่ในใจ
“อืม พระสนมรอข้าอยู่หรอกหรือ? “โอวหยางเหยียนเสี้ยว รู้สึกได้ว่ารอบด้านของตนถูกปกคลุมไปด้วยเสียงลมหายใจของ บุรุษ กัดริมฝีปากอย่างตื่นเต้น โดยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะ
ทันใดนั้น ตงฟางนี่ก็เปิดผ้าคลุมหน้าของโอวหยางเหยียน เสี้ยวขึ้น มองไปยังหญิงสาวงดงามที่ปักปั่นไข่มุกที่ศีรษะ ก็ยิ้ม ขึ้นมา
ตรัสชมเชย
“เป็นสาวงามล่มบ้านลมเมืองอย่างแท้จริง เจ้ามีชื่อว่าอะไร เล่า? “ฮ่องเต็มองไปที่โอวหยางเหยียนเสี้ยวอย่างอ่อนโยน และมองโอวหยางเหยียนเสี้ยวก้มศีรษะอย่างกระดากอาย ในใจ รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“หม่อมฉันมีนามว่า โอวหยางเหยียนเสี้ยวเพคะ”เสียงที่กล่าว ออกมามีความบอบบางอ่อนช้อย ทำให้อดไม่ได้ที่จะเกิดความ รักและความทะนุถนอม
“ดี เป็นชื่อที่ไพเราะมาก นับแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่างไรเจ้าก็ เป็นพระสนมหวั่นแล้ว? “ตงฟางยิ้มและมองไปยังโอวหยางเห ยียนเสี้ยวที่มีท่าทีเหนียมอาย น้ำเสียงที่ตรัสก็เต็มไปด้วยอ่อน โยนเช่นกัน
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ” โอวหยางเหยียนเสี้ยวย่อกาย คารวะ ในใจนั้นเต็มไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ
เหอะ โอวหยางหวั่นเอ๋อ ตลอดชีวิตเจ้าจะต้องถูกข้าเหยียบย่ำ อยู่ใต้เท้า แน่นอน เจ้าดู ตอนนี้ ฮ่องเต้มิใช่ว่าชื่นชอบข้ามาก หรอกหรือ? หากเปลี่ยนเป็นหญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้า เกรงว่า ฮ่องเต้คงได้ออกคำสั่งให้นำเจ้าเข้าตำหนักเย็นแล้ว? เหอะ
พอคิดเช่นนี้ โอวหยางเหยียนเสี้ยวก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา
ตงฟางนี้ยืนอยู่ข้างโอวหยางเหยียนเสี้ยวพลันขมวดคิ้วอย่าง สงสัย
“เหตุใดพระสนมถึงได้ยิ้มขึ้นมา ? บอกให้ข้าฟังเป็น อย่างไร? ”
สมกับที่เป็นฮ่องเต้ ที่ได้รับการศึกษาเรื่องการกระทำที่ผิด
กฎหมายอย่างเข้มงวด พระสติปัญญาเฉียบแหลม และมีความ อ่อนโยนเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่รู้สึกว่าถูกคุกคาม ทำให้ผู้คน ยินยอมพร้อมใจต่อตนเอง เป็นฮ่องเต้ที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ตงฟางนี้เป็นฮ่องเต้ที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ชัดเจนว่าได้รับ การศึกษามาเป็นอย่างดี
“หม่อมฉันเพียงแค่นึกถึงงานอภิเษกของพี่สาวในวันนี้เพคะ คิดว่าอยากให้พี่สาวได้มีช่วงเวลาที่ดี หม่อมฉันจึงได้ยิ้มขึ้นมา เพคะ “โอวหยางเหยียนเสี้ยวมองไปยังตงฟางที่มองตนอย่าง อ่อนโยน ก็มิได้กล่าวถึงสิ่งที่ตนคิดอยู่ในใจออกไป
ตงฟาง ฟังจบก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ มองไปยังหญิง สาวงามล่มบ้านลมเมืองที่มองมาที่ตนด้วยพระพักตร์ที่มึนงง ที่ กล่าวขึ้นอย่างเปิดเผย
“ในเมื่อพระสนมเหยียนคิดถึงพี่สาว เช่นนั้นพรุ่งนี้น้องห้าของ ข้าจะพาพระชายาหวั่นมาถวายพระพรไทเฮาพระตำหนักหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะจัดงานเลี้ยงในครอบครัว ให้พวกเจ้าพี่น้อง ได้รวมตัวกันก็ได้แล้ว? ”
ตนเองก็คิดเช่นนั้นอยู่พอดิบพอดี สตรีที่ถูก นมจากฮ่องเต้ องค์ก่อนท่ามกลางหมู่ประชาชนที่ครึกโครม ท้ายที่สุดนั้นมีชีวิต เป็นอย่างไร?
“ขอบพระทัยฝ่าบาท เหยียนเสี้ยวซาบซึ้งอย่างยิ่งเพคะ” โอว หยางเหยียนเสี้ยวระงับสีหน้าที่ปลื้มปีติของตนไว้แทบไม่อยู่ดวงตาหงส์ที่สวยหยาดเยิ้มคู่นั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจและ หยิ่งยโส ในคราเดียวกัน
แต่ที่นางคาดไม่ถึงก็คือ ฮ่องเต้จะรักและทะนุถนอมตนเอง มากเช่นนี้ ทั้งยังรับฟังตนเอง ในใจอดไม่ได้ที่จะยินดีเป็นอย่าง
ดูเหมือนว่า ระหว่างที่ตนเองออกเรือนท่านได้กำชับตนเองว่า ตำแหน่งฮองเฮาไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล นั้นอยู่ไม่ไกล แล้ว
ตงฟางนี่เฝ้ามอง โอวหยางเหยียนเสี้ยวอย่างระมัดระวัง พระ พักตร์กลับไม่ได้แสดงท่าทีอันใดออกมาแม้แต่น้อย
ตงฟางนี้รู้สึกมาตลอดว่า หญิงสาวไม่เพียงเป็นของเล่นให้ ตนเองได้เสพสุข นอกจากนี้โอวหยางเหยียนเสี้ยว ยังเป็นเพียง สาวงามผู้หนึ่งที่เป็นได้เพียงแค่แจกันที่ไม่มีแม้แต่มูลค่าและ ประโยชน์อันใด แจกันใบนี้ หากมีความทะเยอทะยานก็ถือเป็น เรื่องที่ดี มีความทะเยอทะยาน ตนเองถึงจะได้รับผลดีไปด้วย
นอกจากตนเอง ที่ต้องการก็เพียงแค่แจกันดอกไม้ ทั้งยังเป็น แจกันดอกไม้ที่นำพาอำนาจมาให้แก่ตนเอง ก็เพียงพอแล้ว หญิง สาวที่มีแผนการมากเกินไป ตนเองไม่ต้องการ
“พระสนมเหยียน เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าเถิด”ตงฟางนี้มองไปยัง โอวหยางเหยียนเสี้ยวที่ไม่อาจกลั้นความสุขได้กล่าวขึ้นอย่าง ราบเรียบ
“เพคะ” โอวหยางเหยียนเสี้ยวกลับตอบรับด้วยรอยยิ้มทั้งตาและคิ้ว
“พระสนม มองเข้า ค่ำคืนยาวนานที่เชื่องช้า พวกเรายังมีเรื่อง อีกมากมายยังต้องทำอีก พระชายาเขินอายเช่นนี้ จะสามารถทำ เรื่องต่อไปได้อย่างไร?
ตงฟาง มองไปยังโอวหยางเหยียนเสี้ยวด้วยพระพักตร์ที่พึง
พอใจ ภายในใจรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเป็นอย่างมาก
“อืม”แทบจะไม่ได้ยินเสียงตอบรับ โอวหยางเหยียนเสี้ยวเงย หน้าขึ้นไปมองตงฟางนี้อย่างตื่นเต้น เรื่องต่อมาที่ว่าแน่นอนว่า ตนเองต้องรู้ว่าเป็นอันใด
เหล่าบรรดาอี้เหนียง ในจวนแอบเล่าเรื่องหญิงและชายบน เตียงให้แก่ตนเองฟัง แม้ว่าตนเองจะไม่มีประสบการณ์มาก่อน แต่ว่าเหล่าบรรดาเหนียงต่างแย่งกันชี้แนะทำให้ตนเองรู้ว่าควร ต้องทําอย่างไร
แต่อย่างไร โอวหยางเหยียนเสี้ยวก็ยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์ ตามทำนองคลองธรรม สำหรับเรื่องต่อมาที่ว่า อย่างไรก็ทำให้ ตนเองยังคงรู้สึกกระดากอายอยู่ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างดีถึงจะดี
“ฮ่า ฮ่า พระสนมช่างขี้อายเสียจริง”ตงฟางนี้มองไปยังโอว หยางเหยียนเสี้ยวที่ใบหน้าแดงระเรื่อ โดยไม่รอให้โอวหยางเห ยียนเสี้ยวเป็นผู้เริ่ม โอบไปที่เอวเล็กของโอวหยางเหยียนเสี้ยว เดินไปยังเตียงที่แกะสลักต้นหนาน….
นอกประตูที่ร้องเล่นเต้นได้สงบขึ้น นำสุรามาพรรณนาถึง ความสุข
ในประตูบรรยากาศคลุมเครือ บุรุษสุขสมสตรีรักใคร่
“ฝ่าบาท….เหยียนเสี้ยว…”คำพูดกลับไม่ได้เปลี่ยนความรัก ใคร่ของชายหนุ่มที่อยู่บนร่างแม้แต่น้อย กลับกันราวกับว่า กระตุ้นอารมณ์ของตงฟางนี้ให้มากขึ้นอย่างไรอย่างนั้น ตงฟาง นี่ยังคงกระทำอย่างไร้ความปราณีแม้ว่าคนใต้ร่างจะน้ำตาไหล ออกมาก็ตามกลับยังคงออดอ้อนหญิงสาวเช่นเดิม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ