บทที่ 3 เช้าวัง
ซูล่อหันหน้ากลับไป มองดูเซียวซูไปที่ทำหน้าตาน่าสงสาร
“เป็นอะไรนะ”
เซียวซูไปกุมท้อง “หิว…
ล่อแววตาอ่อนลง หลังจากสงบสติอารมณ์แล้วถึงคิดได้ว่า สถานะขององค์ชายรัชทายาทแตกต่างกับตนราวฟ้ากับเหว
ถ้าสร้างปัญหามากเกินไป ฝ่าบาทอาจจะเข้าข้างองค์ชาย รัชทายาทก็เป็นได้
ช่างเถอะ ยอมทนกับเขาวันนี้หนึ่งครั้ง การแก้แค้น…เราจะ ค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้น
ตกกลางคืน พิธีอภิเษกสมรสจบลง แขกเหรื่อแยกย้าย
ซูล่อกลับเข้าห้องหอ ถอดปิ่นปักผมมุกหนักๆ ออกจากศีรษะ จากนั้นก็จ้องมองใบหน้าอัปลักษณ์น่าเกลียดของตัวเองใน
กระจก
บนใบหน้าเล็ก ล้วนเป็นสิวพุพอง บางที่ยังเป็นหนองอีกด้วย แบบนี้ก็ไม่น่าแปลกใจที่คนอื่นจะรู้สึกคลื่นเหียนเมื่อเห็นนาง
ตัวนางเองยังรู้สึกเลยว่ามัน
น่าเกลียดเหลือคณา
น่าเกลียดจริงๆ”
แต่นางรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง มันเหมือน กับถูกวางยาพิษอะไรสักอย่าง…
กําลังอยากจะเข้าไปส่องใกล้กระจก แต่กลับบังเอิญพบว่า กระจกสะท้อนให้เห็นคนที่หลบอยู่ตรงประตูไม่กล้าเข้ามา และ ในมือมีขนมที่กัดกินไปจนเหลือครึ่งหนึ่ง
ซูล่อจ้องนิ่ง ก่อนจะคว้าปิ่นปักผมบนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาปา ใส่เซียวซูเป๋——!
ปิ่นปักผมกับขนมร่วงตกพื้นไปด้วยกัน เซียวซูไปหวาดกลัวจน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ฮือๆๆ ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่ขโมยของกินอีกแล้ว”
ซูล่อเดินเข้าไปดึงเซียวซูไปมาไว้ข้างหลังตนเอง จากนั้นก็เอา
ผ้าเช็ดหน้าไหมห่อขนมที่ตกลงพื้นขึ้นมาแล้วผมมัน
ขมวดคิ้วพลางพูดว่า “มีพิษจริงๆ ด้วย”
มันเป็นยาพิษเรื้อรังที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน อาจมีพิษไม่ต่ำ กว่าสิบชนิดผสมเข้าด้วยกัน การกินปริมาณเล็กน้อยในช่วงเวลา สั้นๆ ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้ามากกว่าครึ่งปี ร่างกายจะเสียหาย และยังยิ่งโง่เขลาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งตาย…
คิดทบทวนสิ่งนี้แล้วนางก็เงยหน้าขึ้นมองเซียวซูไปที่กำลังกัดนิ้วอยู่ตรงหน้า
นางจําได้ว่าองค์ชายเจ็ดคนนี้โง่เขลาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อเห็น แบบนี้แล้ว ยังต้องมีคนอยากทำร้ายเขาอีก ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ภายในราชวงศ์ซีเยวนี้มีความวุ่นวายร้ายแรงแอบซ่อนอยู่ มากมายเพียงใด
แต่ขนมทั้งหมด ในจวนประกอบขึ้นในครัวจาน ในขนมมีพิษ คนในจวนก็ยากจะพ้นผิด
ซูล่อมองดูดวงดาวที่สว่างไสวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน สายตา อ่อนแสงลง มีแววความมุ่งมั่นคันไม้คันมืออย่างที่ไม่อยากพ่าย แพ้
นางลดสายตาลง ก่อนจะมองไปยังผู้ชายโง่เขลาที่อยู่ข้างๆ จือปากและถามว่า
“นี่ อยากเล่นอะไรสนุกๆ ไหม”
เล่น…อะไรสนุกๆ ที่ทำให้คนที่เคยเหยียบย่ำเจ้ามาอยู่ใต้เท้า ของตัวเอง นางที่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว หากต้องการนำพาคนโง่ ตรงหน้าให้รอดชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่งแห่งนี้ ก็จะต้องเริ่มลงมือ ก่อน ต้องโหดเหี้ยม!
เซียวซูไปดวงตาเป็นประกายสดใสขึ้นมาฉับพลัน ทันทีที่ลบ สีหน้าขี้ขลาดออกไปแล้วก็พยักหน้ารับอย่างหนัก
“ดีๆๆ ข้าชอบเล่นที่สุดเลย”
ซูล่อกระตุกยิ้มอย่างเย็นชา
ดีละ ในเมื่อมาสถานที่ผีนี่แล้ว และกลายเป็นชายาองค์ชายเจ็ต เช่นนั้นก็เริ่มกันเลย….ตอนนี้ในเมืองหลวงซีเยว่ ได้เวลาที่ ควรเปลี่ยนแปลงแล้ว
วันรุ่งขึ้น ซูล่อตื่นแต่เช้าตรู่
เป็นเพราะตามกฎของราชวงศ์ซีเยว่ นางต้องเข้าวังไปกับเชียว ไปเพื่อเข้าเฝ้าไทเฮากับฮองเฮา
หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดฝ่ายในแล้ว จึงสั่งให้พ่อบ้านจัดเตรียม สําเนาบัญชีรายชื่อคนรับใช้ในจวน จากนั้นจึงขึ้นนั่งบนรถม้า ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดก็ถึงหน้าประตูหวู่เต๋อของ พระราชวัง
“องค์ชายเจ็ดและพระชายาองค์ชายเจ็ดมาถึงแล้ว”
ตาที่หลับพักสายตาอยู่ลืมขึ้น ซูล่อกระโดดลงจากรถก่อนเป็น คนแรก แต่รอไปสักพักกลับไม่เห็นการเคลื่อนไหวของคนข้างใน นางจึงขมวดคิ้วอย่างใจร้อน
“องค์ชายเจ็ด ต้องเข้าวังแล้ว ลงมาเร็ว”
ไร้การตอบกลับ
ซูล่อรู้สึกว่ามันแปลก จึงก้าวไปเลิกม่านดู
และก็ได้เห็นเซียวซูไปขดตัวอยู่ที่มุมรถม้า ร่างกายสั่นเทาด้วย ความหวาดกลัว
“เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” ซูล่อถามอย่างกังวล
เซียวซูไปพูดตะกุกตะกัก
“ข้าข้าไม่ไป…กลัวกลัว”
ทันใดนั้นซูล่อก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เซียวซูไปเป็นความ อัปยศของราชวงศ์ แล้วคน ในราชวังจะดีต่อเขาที่ไหนกัน
พลางคิดว่าโชคชะตาของพวกเขาทั้งคู่ช่างคล้ายคลึงกันเสีย
จริง ซูล่อยกยิ้ม และทันใดนั้นก็ยื่นมือออกไป
“มา ข้าจะไปเป็นเพื่อนท่านนะ
หน้าตาของนางอัปลักษณ์น่าเกลียดมาก แต่รอยยิ้มกลับ งดงามกว่าอะไรทั้งหมด ราวกับกระแสน้ำอุ่น ในต้นฤดูใบไม้ผลิ ไหลเข้าสู่ปลายสุดดวงใจ
ดวงตาโง่ๆ ของเซียวซูไปแวบประกายที่ต่างออกไป จากนั้น ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
ซูล่อเห็นว่าเขาไม่ขยับ จึงถือวิสาสะดึงเขาออกมาเอง และจับ
มือเขาเอาไว้แน่น
“ก็แค่การเข้าวัง เจอหญิงชราวัยกลางไม่กี่คน กลัวอะไร ไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ