พรหมลิขิตที่ผิด

บทที่ 3 เธออยากยอมแพ้แล้ว



บทที่ 3 เธออยากยอมแพ้แล้ว

ศิริพรตัวเตี้ยกว่าชมพู่ แต่พอเธอยืนขึ้นแล้วเงยหน้า ออร่าทั้งตัวของเธอไม่ได้แพ้ให้กับส่วนสูง

เธอมองไปหาชมพู่แล้วถามด้วยความสงสัย “อะไร ไม่ได้ทำ ฉันได้ยินอย่างชัดเจนที่จุลไปหาแกอย่างมีความ สุข ตอนนี้จุลเป็นแบบนี้ ถ้าแกไม่ได้ทำ หมายความว่าจุล ทำตัวเองหรอ”

ใช่ เขาทำตัวเอง

แต่เธอพูดต้องไม่มีใครเชื่อแน่ๆ บางทีอาจจะรู้สึกว่า เธอไม่มีเหตุผลก็เป็นได้

เธอไม่พูด และไม่ได้เถียง ทั้งไม่ยอมรับและไม่

ปฏิเสธ

เอาแต่ก้มหน้าเพื่อหลบสายตาจากคนอื่น แต่ในตอน ที่เธอไม่เห็น ก๋องขมวดคิ้วแน่น

เห็นสภาพของชมพู่ในตอนนี้ ศรีวันโกรธหนักมาก ทำไมตระกูลอังคนาถึงส่งขยะแบบนี้มา อย่างนั้นก็เท่ากับ ว่าไม่ให้เกียรติพวกเราเลยสิ

เธอยกมือชี้ไปทางประตู “ไสหัวออกไปเลยนะ

ไสน้าออกไป
ชมพู่เงยหน้ามองไปทางอ๋อง

สีหน้าเมื่อกี้ที่ดูเจ็บปวดได้หายไปจากหน้าของก๋อง แล้ว ตอนนี้ก็กลับไปเป็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์เหมือนเดิม

สีหน้าที่โกรธและไม่พอใจของเขายังดีหว่าสีหน้าที่ ไร้อารมณ์ของเขา

สีหน้าที่ไร้อารมณ์แบบนี้ทำให้ชมพู่รู้สึกว่าหลายปีมา นี้ เธอไม่เคยได้เข้าไปอยู่ในใจของก๋องเลยแม้แต่น้อย

ไม่อยากยอมเลย ไม่ชอบจริงๆ

เธอรักเขามากขนาดนี้ แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยดีกับ เธอเลยแม้น้อย

มองสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขา ในตาเต็มไปด้วย ความเฉยชา ชมพู่รู้สึกว่าใจของตัวเองนั้นแข็งไปหมดแล้ว

เธอเกือบลืมไปเลย สำหรับเขา สำหรับตระกูลศักดิ์ สรรณ์แล้ว เธอก็แค่ผู้หญิงที่เพื่อขึ้นตำแหน่งนี้แล้วทำให้ พี่สาวของตัวเองเป็นเจ้าหญิงนิทรา แล้วจะมีคนมาสงสาร เธอได้ยังไง ไม่รู้ว่าทำไม เธอรู้สึกว่าในใจอุดตันยังไงไม่รู้

เธอไม่ได้ทําตามคำขอร้องของพ่อแม่เพราะชอบเขาก็จริง

แต่ว่า นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าตลอดปลายปีมานี้ เก็บ นิสัยและอารมณ์ทุกอย่างของตัวเองเพื่ออยู่กับเขาแล้วก็ ใช่ว่าเธอไม่เคยมอบความจริงใจให้เขา

“ฉันบอกให้แกไสหัวออกไป แกไม่ได้ยินใช่ไหม ศรีวันเห็นว่าชมพู่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ก็เลยตะโกนออกมาอีก ครั้ง

สีหน้าของชมพู่ลำบากใจหนักมาก เธอกัดฟันแล้วมอ งก๋อง แต่ว่าก๋องก็ยังเป็นท่าทีที่ว่าเป็นคนนอก

เธอก้มหน้าลง พยายามปกปิดสายตาและสีหน้าของ ตัวเอง กำเศษแก้วที่อยู่ในมือ ถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเดิน ออกไปข้างนอก

ไม่มีใครรั้งเธอไว้ เพราะว่าที่นี่ไม่มีใครที่ต้อนรับการมี ตัวตนของเธอ เธอเดินออกมาจากคฤหัสถ์ หันกลับไปมอง สิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ ที่อยู่ท่ามกลางความมืด

หน้าร้อนนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของสิ่งมีชีวิต ไม่ ว่าที่ไหนก็มีเสียงแมลงที่ร้องอยู่ตลอดเวลา ท้องฟ้าสีกรม ที่เต็มไปด้วยดวงดาว ทำให้ค่ำคืนนี้ดูน่ารักและขี้เล่น
เขาลูกนี้เป็นของตระกูลศักดิ์สรรณ์ทั้งลูก เพราะ ฉะนั้นจึงไม่มีรถอะไรผ่านมาแถวนี้ เธอจึงต้องใช้ขาทั้งสอง ของเธอ เดินตามถนนที่มีเพียงเส้นเดียวนี้ลงไปข้างล่าง

เสียงรองเท้าส้นสูงเคาะกับพื้น กำลังสีเท้าหลังของ

ชมพู่อยู่

ท่ามกลางความมืดยิ่งทำให้เสียงรองเท้าส้นสูงดังชัด เธอก้มตัวลงเพื่อจะถอดรองเท้า แต่พอก้มไปถึงครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เธอก็หยุดแล้วลุกขึ้นยืนตัวตรง

ก๋องพูดอยู่ตลอดว่า “ภาพลักษณ์ของเธอเท่ากับว่า เป็นภาพลักษณ์ของตระกูลศักดิ์สรรณ์ ห้ามทำอะไรตาม อำเภอใจเวลาอยู่ข้างนอก

ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหน คำพูดนี้ก็เป็นเหมือนส่วน หนึ่งในเลือดเนื้อของเธอไปแล้ว

เธอยิ้มอย่างผืน สุดท้ายก๋องก็มีผลกระทบต่อเธอแล้ว แต่ว่าเขากลับไม่เคยเอาเธออยู่ในสายตาเลย

มีแสงไฟส่องผ่านด้านหลังของเธอ ตามด้วยเสียงบีบ แตรที่ดัง รถ SUV ที่ไม่โดดเด่นมากเท่าไหร่ได้มาจอดข้าง ชมพู่
“ขึ้นรถ”

ชมพู่หันหน้าไปหาต้นเสียง แล้วมองก๋องอย่างไม่

พอใจ

ก๋องเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะปลอบเธอเลย พูดเองเออเอง “เธอเดินลงเขามาแบบนี้ แต่พรุ่งนี้ที่ลงข่าวหน้าหนึ่งเป็น ตระกูลศักดิ์สรรณ์ ฉันไม่อยากหาปัญหาให้ตัวเอง หวังว่า เธอเองก็ไม่อยากเหมือนกัน”

เธอไม่ได้พูด ก็แค่เปิดประตูแล้วนั่งหลังรถอย่าง

เงียบๆ

ไม่อยากสร้างปัญหาให้ก๋อง ยิ่งไม่อยากให้เขามี ความทรงจำที่เกี่ยวกับการสร้างปัญหาของตัวเอง เพราะ ว่าชอบเขา เธอยอมตกต่าจนจมลงไปในพื้นดิน

ในรถเงียบมาก ก๋องกำลังดูเอกสาร จะมีเสียง กระดาษเป็นช่วงๆ ชมพู่เองก็ไม่พูดอะไร เอาแต่มองนอก หน้าต่างอย่างเดียว

นอกหน้าต่างเต็มไปด้วยแสงสีของเมืองหลวง แค่ดู ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความรุ่งเรืองและสนุกสนานของเมือง ได้ เธอมองกระจกแล้ววาดหน้าของก๋องในสมองใส่บน กระจก
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์สั่นก็ทำให้เธอหยุดวาด

เธอเอากระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา

หวานโทรมา

สายตาที่ไร้อารมณ์ก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นทันที ชมพู่ เตรียมจะรับสาย แต่ก๋องกลับขัดเธอ

“ตัดสายทิ้ง”

มือทั้งสองจับโทรศัพท์ไว้ เธอไม่ได้ตัดสาย แต่จะกด

รับสาย

ในตอนที่เธอกำลังจะกดรับสาย ก๋องก็ได้แย่ง โทรศัพท์ไปจากมือของเธอ จากนั้นตัดสินใจแทนเธอ โดย การตัดสายทิ้งอย่างเด็ดขาด

เขาบล็อกสายของหวาน จากนั้นโยนโทรศัพท์คืนให้ เธอใหม่ “ชมพู่ เธอต้องจำไว้ว่าฐานะของเธอไม่เหมือน เมื่อก่อนแล้ว เพื่อนกินเพื่อนเที่ยวพวกนี้ เธอควรจะตัดขาด กับพวกเขาให้เรียบร้อย

พูดจบ เขาก็ก้มหน้าดูเอกสารบริษัทต่อ

มือของชมฟค่อยๆ กำแน่น
ไม่ว่าเธอจะทำตัว หรือจะยอมถอยยังไง เธอใน สายตาของก๋องก็ดูไม่ได้ตลอด ทำอะไรก็ผิดไปหมด

“ชมพู่ เธอต้องจำไว้ว่าเธอเป็นคุณหญิงตระกูลศักดิ์ สรรณ์”

“ชมพู่ เธอต้องค่อยรับผิดชอบต่อทุกเรื่องที่เธอทำ ลงไป เพราะเธอไม่ได้เป็นตัวแทนของเธอเองเท่านั้น”

“ชมพู่ เธอต้อง…….

“ชมพู่ อย่าให้ฉันเห็นเธอทำแบบนี้ครั้งที่สอง

“ชมพู่…….”

ทุกอย่างที่เธอยอมทนในเมื่อก่อน เพราะเธออยากจะ เป็นคุณหญิงที่สมบูรณ์แบบ เธอไม่ใช่แค่ต้องทำให้ดี แต่ ต้องทำให้ดีกว่า

เธอรู้ว่าประวัติของตัวเองทำให้ตระกูลศักดิ์สรรณ์ ไม่ชอบใจ เธอก็เลยทนมาตลอด หวังว่าจะสามารถทำให้ คนในตระกูลศักดิ์สรรณ์เปลี่ยนสายตาที่เคยมองเธอ

แต่ว่า ณ ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าใจเย็นไปหมดแล้ว

หวานเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว คนที่ไม่ยอมรับไม่ได้มี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ