พรหมลิขิตที่ผิด

บทที่ 2 เขาไม่เชื่อเธอ



บทที่ 2 เขาไม่เชื่อเธอ

พวกเขาถือว่ามาช้าที่สุดแล้ว คนบ้านศักดิ์สรรณ์แทบ จะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างเป็นระเบียบ

ไปนั่งที่เก้าอี้ ชมพู่อยู่อย่างเงียบและเป็นระเบียบมาก

จู่ๆ เสียงใสของหญิงสาวไร้เดียงสาก็ดังขึ้น “คุณ ยายค่ะ คนนี้หรอที่เป็นภรรยาของพี่ก๋องน่ะ”

ศรีวันไม่ชอบชมพู่นานแล้ว ทุกครั้งที่เห็นเธอ รู้สึกว่า เรื่องนี้จะคอยเตือนความอัปยศที่ตระกูลศักดิ์สรรณ์เจออยู่ ตลอด

เรื่องที่ตระกูลอังคนาปกปิดความจริง แล้วให้ชมพู่มา แต่งงานแทนวันนา นี่มันเป็นการทำให้ตระกูลศักดิ์สรรณ์ ขายหน้าชัดๆ

พอคิดถึงเรื่องนี้ ศรีวันก็โกรธมาก

แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่สามารถแก้ได้แล้ว เธอเองก็ไม่ สามารถจะว่าอะไรได้อีก แต่พฤติกรรมที่มีต่อชมพู่ก็เหมือน ทุกครั้งอยู่ดี

พอได้ยินจุลถาม ศรีวันก็ตอบ “อือ” อย่างไม่ชอบใจ จากนั้นก็หันไปคุยเรื่องอื่นกับเธอ

พอได้ยินผู้หญิงคนนั้นเรียกว่า ยาย ออกจากปากชมพู่ถึงรู้สึกโล่งใจไปที

เหมือนกับรู้สึกได้ว่าสายตาของทุกคนไม่ได้มองเธอ แล้ว ชมพู่ถึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่นั่งตรงข้าม กับเธอ ที่เมื่อกี้ที่ถามคำถาม

ดูแล้วอายุราวๆ 17–18ปี ผมสีน้ำตาลและได้ทำการ ลอนผมเล็กน้อย ใส่มงกุฎสีเงินเล็กๆ ไว้บนหัว ใส่ชุดใหม่ ล่าสุดของAlice ทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตาเลย

ท่าทางของเธอที่ตั้งใจฟังศรีวันพูดนั้นน่ารักมากเลย เหมือนรู้สึกได้ถึงสายตาที่ชมพู่มอง เธอก็เลยหันมา

กะพริบตาใส่เธอพร้อมกับส่งยิ้มให้

ชมพู่จึงรู้สึกว่าเธอน่าเข้าหา ก็เลยยิ้มกลับ

ตระกูลศักดิ์สรรณ์มีนิสัยที่เวลากินข้าวไม่พูด เวลาจะ นอนก็ไม่พูด

เธอคีบกับข้าวอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ให้ ตะเกียบไปโดนจานแล้วส่งเสียง มือนี้เลยเป็นมือที่กิน ลําบากมากสําหรับเธอ

พอใกล้จะกินเสร็จกันทุกคนแล้ว เฉลิมที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะที่ไม่ได้เปิดปากเลยก็พูดขึ้นมาว่า “พร กลับมาครั้งนี้ จะอยู่นานไหม”

ที่บ้านศักดิ์สรรณ์ เฉลิมเป็นหัวหน้าครอบครัวที่แท้ จริง หลังจากที่เขาพูด ทุกคนจึงเงยหน้ามองไปทางศิริพร ที่เพิ่งกลับมา นั่งอยู่ข้างๆ

บ้านศักดิ์สรรเป็นครอบครัวใหญ่ ไม่พูดถึงเครือ ญาติบ้านศักดิ์สรรณ์ แค่ลูกของเฉลิมก็มี 5 คนแล้ว

นอกจากลูกคนเล็กของเฉลิมและเด็กมอปลายที่ชื่อ บิว นอกจากนั้น ชมพู่เองก็ไม่เคยเห็น

แต่ว่าไม่เคยเห็นไม่ได้เท่ากับว่าไม่รู้

ในฐานะที่เป็นพี่คนโตของเด็กทั้ง 5 คนแล้ว ศิริพร ยังมีชื่อเสียงอีกมาก

ในวงการคนชนชั้นสูงแล้ว จะบอกว่าไม่มีใครไม่รู้จัก เธอเลยก็ได้

เธอก็คือคนที่ใฝ่หาอิสระและความรัก ตอนที่ยังสาวๆ ตัดสินใจตัดขาดกับครอบครัวศักดิ์สรรณ์เพื่อไปกับคนที่รัก และกีตาร์ของเขา ก้าวสู่ชีวิตที่เร่ร่อนตามคนที่เธอรัก

เพื่อความรักยอมเสี่ยง เพื่ออิสระยอบหนีออกจากบ้าน

ในวงการนี้จะเจอคนที่มีความกล้าแบบนี้ยากมาก

“จะไม่ไปไหนสักพักค่ะ” ศิริพรเอาแก้วที่อยู่บนโต๊ะ ขึ้นมาอย่างเบาๆ ดื่มไปคำหนึ่ง เหมือนมีอะไรในใจที่ไม่ อยากให้คนอื่นรู้

เฉลิมเองก็รู้สึกตกใจกับการตัดสินใจของเธอในครั้งนี้ แต่ไม่นานนักก็พยักหน้าตอบรับ “ดีแล้ว ควรมั่งคงแล้วใช้ ชีวิตดีๆ ได้ละ เพราะไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว จลเองก็ควร เข้าโรงเรียนดีๆ ตั้งใจเรียนได้แล้ว”

การสนทนาของสองพ่อลูกนั้นคลุมเครือเกินไปแล้ว ชมพู่คาดว่าเมื่อก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ

ศรีจันก็นั่งฟังอยู่ข้างๆ จะพูดแทรกขึ้นมาบ้างบางครั้ง

คิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับศิริพรแล้ว ก็อดที่จะหงุดหงิดขึ้น มาไม่ได้ เธอหันไปมองชมพู่ ความรู้สึกหงุดหงิดนั้นยิ่ง รุนแรงขึ้นกว่าเดิม

แธอวางตะเกียบใส่บนโต๊ะอย่างแรง แล้วมองชมพู่ พร้อมกับยักคิ้ว ถามด้วยเสียงที่แหลม “ชมพู่ กินข้าวเสร็จ เธอก็ควรลุกขึ้นไปล้างจานด้วยตัวเองสิ หรือว่าเธอรอให้ใครมาช่วยเธอล้างจานหรอ”

มองไปหาก๋อง เห็นเขากำลังดื่มชาโดยไม่ขัดอะไร เลย ชมพู่เม้มปากแล้วเตรียมจะลุกขึ้นยืน

“คุณนาย เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้อง ให้คุณหญิงลงมือทำค่ะ” ป้าสาที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่า สถานการณ์ไม่ดี ก็เลยรีบเดินขึ้นไปพูดอย่างเคารพ

ศรีวันสะบัดมือ “ป้าสากลับไปพักเถอะ ตรงนี้มีคนใช้ อยู่ ป้าจะมาหาอะไรอีก ไปเถอะไปเถอะ”

คนใช้? ชมพู่ยื่นบอสักพัก ทนกัดเนื้อในปากแล้วเริ่ม เก็บจานและทําความสะอาด

เธอเก็บถ้วยจานทุกอย่างไปไว้ที่ห้องครัว แล้วเอาผล ไม้ที่เตรียมไว้ก่อนแล้วออกมาวางไว้ที่โต๊ะรับแขก

จานผลไม้เป็นกระจกทรงแปดเหลี่ยม ห้องรับแขกที่ ตกแต่งอย่างหรูหรา เต็มไปด้วยแสงสว่าง

เฉลิมกับพวกก๋องแยกกันนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา ไม่มี ใครมองเธอเลยแม้แต่น้อย ดูแล้วเป็นครอบครัวที่รักและมี ความสุขมาก
เธอชินกับการถูกปฏิบัติใส่อย่างนี้แล้ว จะบอกว่าโกรธ และเสียใจมากไหม ก็ไม่ได้ขนาดนั้น ขอแค่ไม่ทำเรื่องผิด พลาดในบ้านศักดิ์สรรณ์ก็เป็นเรื่องที่เธอดีใจที่สุดแล้ว

เธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะแทรกเข้าไปพูดกับพวกเขา สําหรับพวกเขาแล้ว เธอก็คงเป็นแค่คนนอกเอง

กลับเข้าไปที่ห้องครัว เธอก็ได้เริ่มล้างจานอย่าง

ตั้งใจ

ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนอยู่ที่บ้านอังคนาไม่เคยทำเรื่องแบบ นี้มาก่อน แต่หลังจากที่มาอยู่บ้านศักดิ์สรรณ์แล้ว ผ่านการ ฝึกซ้อมมาหลานพันครั้ง จากที่ไม่เป็นอะไรเลยจนถึงตอน นี้ทำงานอะไรก็ไหลลื่น

“พี่สะใภ้ พี่ล้านจานได้สะอาดจังเลย” น้ำเสียงขี้เล่น ได้เข้าหู ชมพู่ก็เลยหันไปมองจุลที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ครัว ยิ้มแล้วถามอย่างอ่อนโยนว่า “ชื่อจุลใช่ไหม”

จุลเดินเข้ามาใกล้แล้วเอามือทั้งสองไว้ข้างหลัง เขย่งปลายเท้าแล้วทำหน้าตาน่ารักแล้วพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ หนูชื่อจุล”

เธอยิ้มแล้วเตรียมจะพูดต่อ
แต่จุลกลับไม่ให้โอกาสเธอได้เปิดปากเลย สีหน้า บนหน้าก็ยังเป็นสีหน้าที่ไร้เดียงสา แต่กลับพูดว่า “แต่ว่า ชื่อของฉันไม่ใช่นางแพศยาอย่างแกจะเรียกได้นะ เข้าใจ ไหม”

ชมพู่ถูกท่าทีที่แสดงหน้าหลังของเธอทำให้อึ้งไป จากนั้นก็ถูกคำพูดของเธอทำให้หน้าซีดลงทันที

“จุล ทำไมพูดอย่างนี้ละ” เธอรู้สึกรน วางถ้วยลง แล้วเช็ดมือบนผ้ากันเปื้อน

จุลหันหลังใส่ห้องรับแขก นอกจากชมพู่แล้วคนอื่น ไม่มีใครเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนทันทีของเธอเลย

เธอกอดอก เงยหัวแล้วหลี่ตา ทำท่าทางเหมือนตัว เองหยิ่งผยอง

เสียงไม่ใหญ่มาก มีแค่ชมพู่เท่านั้นที่ได้ยิน

“แกคิดว่าแกทำให้พี่แกเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้วจะ สามารถอยู่บ้านพวกฉันได้ตลอดไปหรอ แกคิดว่าแค่แกจะ สามารถเฝ้าตำแหน่งคุณหญิงบ้านศักดิ์สรรณ์ได้หรอ แก ฝันไปเถอะ นี่มันเป็นไปไม่ได้ พี่ก๋องไม่มีทางจะใช้ชีวิตกับ แกไปตลอดหรอกนะ ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะห้ามแก แกอย่า หวังเลย”
ไม่รู้ว่าทำไมเพิ่งกลับมาที่บ้านศักดิ์สรรณ์จุลถึงมี ความอคติต่อเธอมากขนาดนี้ เธออยากจะอธิบาย แต่กลับ ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากไหน เรื่องทุกอย่างไม่ใช่ว่าจะพูดออกมา ได้ง่ายๆ เพราะเธอกับพ่อและแม่คุกเข่าสัญญาแล้ว

แสยะยิ้ม สีหน้าของจุลนั้นเหมือนจะมีเรื่องอีกยาว

ชมพู่รู้สึกว่าไม่ดีแล้ว เตรียมจะเดินออกไปข้างนอก แต่ในเวลาเดียวกันเอง จุลกลับขยับไปอยู่อีกข้าง บังทาง เดินของเธอ

จากนั้น………..

เสียงร้องเจ็บปวดดังออกมาจากห้องครัว

“อ๊าก

ศิริพรรีบมองไปทางห้องครัว จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้ว วิ่งไปทางห้องครัวอย่างรีบร้อน วิ่งไปด้วยเรียกอย่างเป็น ห่วงไปด้วย “จุล จุลลูกแม่ ลูกเป็นอะไร

ในห้องครัว บนพื้นเต็มไปด้วยเศษจานที่แตก น้ำยา ล้างจานหกเต็มพื้น บนพื้นยังเต็มไปด้วยน้ำ ชมพู่ล้มอยู่ ข้างล่างตู้เก็บของ จุลหมอบอยู่บนพื้น ข้างล่างทับเศษ จานที่แตกไว้ด้วย และมีดที่วางไว้บนขอบโต๊ะก็เหมือนกำลังจะตกลงมา ดูแล้วน่ากลัวมาก

“จุล ลูก เกิดอะไรขึ้น” ศิริพรไปพยุงจุลที่นอนคว่ำ อยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง

“พี่สะใภ้ พี่สะใภ้เขา……ยังดีที่หนูไม่ถูกพี่สะใภ้ แทงโดน” จุลร้องไห้กระซิกกระซิกอย่างเบาๆ

มองไปทางมีดที่อยู่บนขอบอ่างล้างจานที่ใกล้จะตก แล้ว ศิริพรกัดฟันเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่โกรธ แล้วก ระชากผมของชมพู่

ชมพู่ยื่นมือไปอยากห้ามการกระทำของเขา แต่เพราะ ว่าศิริพรเป็นคนที่ชอบวิ่งไปมาอยู่ข้างนอกอยู่แล้ว ยิ่งไป กว่านั้นตอนนี้เธอยังเป็นแม่ที่อยากระบายเพื่อลูก เธอจึง ห้ามไม่อยู่ ถูกเขาลากไปชนใส่ตู้ลิ้นชักหลายครั้ง

กัดฟันไว้แน่น ชมพู่เลยฉวยโอกาสลุกขึ้น “ไม่ใช่ ฉัน…………..”

ศิริพรตบไปที่หน้าของเธอหนึ่งครั้ง

เธอถูกตบจนหน้าส่ายไปอีกข้างหนึ่ง ผมที่ยุ่งได้ปิด หน้าอีกข้างของเธอไว้
คนอื่นมองไม่เห็นสีหน้าของเธอ

เธอคิด ต้องน่าเวทนาขนาดไหนถึงยอมให้ศิริพร รังแกขนาดนี้ ก่อนที่จะมาบ้านศักดิ์สรรณ์ เธอก็เป็นลูกรัก ของคนบ้านอังคนาเหมือนกัน ไม่เคยทนความอัปยศขนาด นี้มาก่อน

มองมือของศิริพรที่จะตบลงมาอีกครั้ง ชมพู่หลบ ไปอยู่ข้างๆ โดยสัญชาตญาณ แล้วยกมือขึ้นแล้วจับข้อ มือของศิริพรไว้ จากนั้นตะโกนอย่างโมโหว่า “ฉันไม่ ได้………………”

ยังไม่ทันพูดจบ ชมพู่ก็รู้สึกถึงความเจ็บจากด้าน ซ้ายของหน้า จากนั้นเสียงที่เย็นชาของเฉลิมก็ได้ดังขึ้น “ชมพู่ ออกไปเลยนะ ตระกูลศักดิ์สรรณ์ไม่มีลูกสะใภ้อย่าง แก”

ชมพู่กัดริมฝีปาก ไม่ได้มองไปทางเฉลิม แต่กลับมอง ไปหาก๋องที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย จากนั้นพูดกับเขาอย่าง จริงจังว่า “ฉันไม่ได้ทำ ไม่ใช่ฉัน เป็นเขา……..

สายตาที่เลือดเย็นของก๋อง ไม่มีความว่าฟังที่เธอ อธิบายเลย

เขายืนอยู่ห่างๆ เอามือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนกับเทวกาที่ใสสะอาด ส่วนตัวเธอนั้นเต็มไปด้วยน้ำ และคราบสกปรก ผมก็ยุ่งไปหมด ต่างกันอย่างฟ้ากับเหว

เขาไม่เชื่อเธอ

เธอมองออกแล้ว เขาไม่เชื่อเธอ

ชมพู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที ทีแรกเธอแค่ อยากจะช่วยพ่อแม่เฉยๆ แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เธอเอา เวลาความเป็นวัยรุ่นมาเสียให้กับตระกูลศักดิ์สรรณ์ไม่ใช่ เพราะตระกูลอังคนาอย่างเดียว แต่เป็นเพราะก่องมากกว่า

แต่ตลอด 3 ปีที่ใช้ชีวิตคู่มานั้น ก๋องกลับไม่เชื่อเธอใน เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

รู้สึกเสียใจ เธอไม่รู้ว่าที่ตัวเองทนมาโดยตลอด อยู่ บ้านศักดิ์สรรณ์อย่างหน้าด้านแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่

จู่ๆ เธอก็ไม่อยากอธิบายแล้ว

ยอมถูกเข้าใจผิด เธอก็ไม่อยากอธิบายอะไรอีกแล้ว เชื่อหรือไม่เชื่อก็อยู่ในเวลาสั้นๆ เท่านั้น ถ้าคนที่เข้าใจเธอ ทําไมจะต้องอธิบายอีกละ ถ้าไม่เข้าใจเธอ จะอธิบายไปสัก เท่าไหร่สําหรับเขาแล้วก็เป็นการแก้ตัวเท่านั้นแหละ
ชมพู่ไม่พูดอะไร ศิริพรเหมือนมั่นใจว่าเพราะเธอรู้สึก ผิด จึงยิ่งหยิ่งผยองขึ้นกว่าเดิม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ