บทที่ 10 ต้น าเนิดความแค้น 2
คำพูดตัดความสัมพันธ์ของวชิราภรณ์ เรียกความตกใจให้กับ ณัชญ์อย่างท่วมท้น ไม่ใช่เพื่อนของฉันอีกแล้ว” ประโยคนี้บาด ความรู้สึก บาดหัวใจของเขาเหลือเกิน จะทำอย่างไรดีเล่า เขาจะ ทำอย่างไรดีกับเรื่องที่กำลังดำเนินอยู่ จะหยุดหรือว่าจะเดินหน้า ต่อ
“ณัชญ์ไม่เป็นเพื่อนกับผึ้งก็ได้ แต่จะเป็นตัวของผึ้งแทน ณัชญ์ รักผึ้ง ณัชญ์เองก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับผึ้งอยู่แล้ว”
ความมึนเมาที่ยังหลงเหลือ ความรักที่เอ่อท่วมท้น ความกลัวที่ เธอจะปิดฐานะของความเป็นเพื่อน ทำให้ณัชญ์เลือกที่จะเดิน หน้าทำในสิ่งที่ตั้งใจต่อไป คิดเข้าข้างตัวเองว่า หากเขาได้ครอบ ครองร่างกายของวชิราภรณ์ ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาคิด แต่ นั่นคือสิ่งที่เขาคิดผิด
“ไม่นะณัชญ์ อย่าทำกับผึ้งแบบนี้”
เธอเว้าวอนเขาทั้งน้ำตา ความเป็นเพื่อนที่มีมาช้านาน ความ ไว้เนื้อเชื่อใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ความเข้าใจทั้งหมดทั้งมวลกำลัง มลายหายไปจากหัวใจของวชิราภรณ์ หากเป็นชายคนอื่นที่เมา จนครอบครองสติไม่อยู่ เธอจะไม่ให้เข้ามาในห้องส่วนตัวนี้เลย ทว่าคนมาเคาะประตูเป็นเพื่อนสนิททำให้เธอต้อนรับเขาอย่าง ไม่มีข้อกังขา แม้ว่าจะอยู่ในอาการมึนเมาก็ตาม
เธอคิดผิด…คนเมาไม่อาจยับยั้งความคิดและการกระทำของตัวเองได้เลย
“ณัชญ์รักผึ้งนะ รักมากๆ ด้วย เป็นของณัชญ์นะผึ้ง” เสียงห้าว พูดจบก็โน้มต่ำลงไปยังซอกคอหอมกรุ่นสาวอีกหนว่ายวน หาความหอมที่เขาปรารถนามาช้านาน
“ไม่…ไม่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย ณัชญ์อย่าทำอย่างนี้ ณัชญ์อย่า ทํา”
เธอร้องขอเขาเสียงหลง ขยับตัว ออกแรงทั้งหมดที่มีสะบัดเนื้อ ตัวไปมา ส่ายหน้าหนีอยู่ตลอดเวลา มือใหญ่ของณัชญ์ป้วนเปี้ยน อยู่แถวๆ ชายเสื้อไม่สนใจคำร้องขอ คำอ้อนวอน เสียงร้องไห้ และน้ำตาของวชิราภรณ์ สิ่งที่เขาตั้งใจยังคงตรึงอยู่ในสมอง มือ แข็งแรงกำลังจะเลิกขึ้นสูงแต่ต้องพลันซะงักเมื่อบานประตูห้อง เปิดออก ตามด้วยเสียงของรุ่งรุจีที่แผดดังก้อง
“ณัชญ์ นายทำอะไรผึ้ง นายทำอะไร ปล่อยผึ้งเดี๋ยวนี้นะ”
รุ่งรุจีได้ยินเสียงแว่วๆ ดังออกมาจากห้องพักขณะที่เธอกำลัง ไขใช้คีย์การ์ดเปิดประตู พอเปิดประตูกว้างเท่านั้น เสียงร้องขอ ความช่วยเหลือของคนกำลังพลาดท่าก็ดังเต็มสองหู ภาพที่ณัชญ์ เพื่อนสนิทกำลังปลุกปล้ำวชิราภรณ์เต็มสองตา เธอรีบสาวเท้าไป ยังสองร่างที่หันมามองต้นเสียงด้วยสายตาแตกต่างกัน ณัชญ์ มองเธอด้วยสายตาเต็มล้นไปด้วยความตกใจ สายตาของคนตก เป็นรองเต็มไปด้วยความเสียใจที่มีความดีใจแฝงไว้ในที
“นายเป็นบ้าอะไร เมาจนขาดสติเลยหรือไง ผึ้งเป็นเพื่อนนาย นะไม่ใช่อีตัว”
รุ่งรุจีวิ่งเข้ามากระชากร่างหน้าที่คร่อมร่างของเพื่อนสาวอย่าง แรง ความตกใจที่ตะลึงค้างทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างหนาจึง ล้มหงายลงบนที่นอน ก่อจะซันตัวลุกขึ้น มองร่างของวชิราภรณ์ที่ โผกอดร่างของรุ่งรุจี ร้องไห้ตัวโยน เสียงสะอื้นดังก้อง ความ มึนเมาหายเลือนหายทีละน้อย
“นายทำอย่างนี้ทำไมณัชญ์ นายทำอย่างนี้ได้ยังไง ผึ้งเป็น เพื่อนนายนะ นายบ้าไปแล้วเหรอ” รุ่งรุจียังต่อว่าเพื่อนชายต่อไป
“จี ณัชญ์ ณัชญ์ไม่ได้ เพี้ยะ
ยังไม่ทันที่ณัชญ์จะพูดจบประโยคดี ฝ่ามือของรุ่งรุจีก็ฟาดลง มาบนแก้มขาวของเพื่อนชายเต็มแรง เรียกสติให้เกิดกับณัชญ์ได้ ในทันที
“พาผึ้งออกไปจากที่นี่ พาผึ้งออกไปจากที่นี่…ฮือ
วชิราภรณ์พูดเสียงสั่นเครือ น้ำตานองหน้า หันมามองหน้า ณัชญ์ด้วยสาตาที่โกรธแค้น คนที่ถูกมองถึงกับหน้าถอดสี สำนึก ผิดในเรื่องที่ทําลงไป
“ผึ้ง ณัชญ์ขอโทษ ณัชญ์รักมึงนะ”
เขาพยายามพูด พยายามอธิบาย ทว่าวินาทีนวชิราภรณ์ไม่ ต้องการฟังอะไรทั้งสิ้น เธออยากจะออกไปจากตรงนี้มากที่สุด
“จี พาผึ้งออกไปจากห้องนี้ที
คนถูกกระทำร้องขอเพื่อนสาวอีกครั้ง รุ่งรุจีจึงทำตามที่วชิราภ รณ์ต้องการ ประคองร่างของเพื่อนสนิทลุกเดินออกไปจากห้องณัชญ์ทำท่าจะลุกขึ้นตามสองสาวไปด้วย ทว่าเสียงของรุ่งรุจีที่บ่ง บอกถึงความโกรธและความไม่พอใจ เปล่งห้ามเสียงดัง
“หยุดตรงนั้นนะณัชญ์ เสียแรงที่ไว้ใจ เสียแรงที่คบกันมานาน นายไม่น่าทำอย่างนี้เลย ต่อไปนี้นายกับฉันไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อ ไปแล้ว ฉันรับไม่ได้กับการกระทำของนายในครั้งนี้ ผึ้งเองก็ เหมือนกัน ผึ้งก็รับไม่ได้ในสิ่งที่นายทำ
รุ่งรุจีก้าวเดินต่อไปโดยประคองร่างเพื่อนสาวที่ร้องไห้ไม่หยุด เธอรับไม่ได้ในสิ่งที่ณัชญ์กระทำ วชิราภรณ์เองก็คงจะเสียใจ เสีย ความรู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย และอาจจะไม่ลบเลือน หายไปจากจิตใจ
ณัชญ์ยืนค้างอยู่ตรงจุดนั้น ยืนนิ่งราวกับหุ่นที่ถูกปูนซีเมนต์ชั้น โบกทับ ขาทั้งสองข้างยกขึ้นเพื่อก้าวเดินไม่ได้ ริมฝีปากเสมือน มีหินมาถ่วงไว้ไม่ให้ขยับพูด
นี่เขาทําอะไรลงไป…เขาทำอะไรลงไป ทำในสิ่งที่น่ารังเกียจ นั้นไปได้อย่างไร ใช้สมองส่วนใดคิดทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ ความ เป็นเพื่อนที่สะสมมานานร่วมสิบปี สูญสิ้นลง ในวันนี้เพียงวันเดียว เพียงเสี้ยววินาทีของความคิดชั่วช้านั้น แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่เขาคิด และทำมาจากความรักที่มีต่อวชิราภรณ์ทั้งสิ้น หากแต่ผลของ การกระทำไม่ได้เป็นดั่งที่คาดการณ์ไว้ มันเลวร้ายมากกว่านั้น หลายร้อยหลายพันเท่า ไม่รู้ว่านานกี่นาทีที่เขายืนค้าง พอขาเริ่ม ขยับได้เขาก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที ใช้บันไดแทนลิฟต์เพื่อ ความรวดเร็ว กวาดสายตามองหาร่างสองร่างที่เดินออกไปจาก ห้องหลังจากที่วิ่งลงมาถึงล็อบบี้ของโรงแรม พลันสายตาสะดุดเห็นร่างของเพื่อนสาวทั้งสองคนที่กำลังขึ้นรถตู้ของทางโรงแรม ณัชญ์รีบวิ่งไปยังด้านหน้าขอโรงแรม ร้องตะโกนเรียกและวิ่ง ตามรถตู้ที่วิ่งห่างออกไป
“จี ผึ้ง รอณัชญ์ก่อน ฟังณัชญ์ก่อน โธ่โว้ย!”
เขาสบถเสียงดังมองตามท้ายรถตู้ที่ห่างออกไป ณัชญ์เห็นว่า ฝีเท้าของเขาคงไม่สามารถวิ่งตามรถได้ ชายหนุ่มจึงหมุนตัววิ่ง ไปยังลานจอดรถ ตรงดิ่งไปยังรถยนต์คันงามของเขา เปิดประตู รถยนต์แล้วก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับอย่างรวดเร็ว แต่ต้องรู้ ก่อนว่ารถตู้ที่เพื่อนสาวทั้งสองโดยสารไปนั้น จุดหมายอยู่ที่ใด
“รถตู้คันนั้นไปที่ไหน” ณัชญ์จอดรถหน้าโรงแรมเอ่ยถามเจ้า หน้าที่ของโรงแรมที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“เหมาไปกรุงเทพฯ ครับ”
สิ้นคำพูดของเจ้าหน้าที่คนนั้น ณัชญ์ทะยานรถราวกับพายุเพื่อ กวดรถตู้คันนั้นให้ได้ เหยียบคันเร่งวิ่งรถออกไปทันที ในใจหวัง ว่าต้องอธิบายเรื่องทั้งหมด ให้เพื่อนสนิททั้งสองคนเข้าใจ ก่อนที่ เขาจะไม่มีโอกาสพูดอีกเลยตลอดชีวิต
ณัชญ์ขับรถไปตามถนนสายหลักของตัวเมืองชะอำด้วย ความเร็วสูง ความเร็วจากการเหยียบคันเร่งเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นหนึ่งร้อยยี่สิบ เพิ่มเป็นหนึ่ง ร้อยสี่สิบและเคลื่อนตัวอยู่ที่หนึ่งร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่น่ากลัวมากหากขับขี่บนท้องถนน ณัชญ์ไม่หวาดกลัวต่ออันตรายใดๆ ทั้งสิ้น ภายในจิตใจของเขาร้อนรุ่ม ต้องการจะพูดให้วชิราภรณ์และรุ่งรุจีเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
อีกราวห้าสิบเมตรจะเป็นสี่แยกไฟแดง สัญญาณจราจรเปลี่ยน จากเขียวเป็นเหลือง และกำลังกลายเป็นสัญญาณสีแดง ณัชญ์ เห็นดังนั้นจึงเหยียบคันเร่งให้มากกว่าเดิม เพื่อที่เขาจะได้ผ่าน แยกนี้โดยไม่ต้องหยุดรถ ทว่า…
“เฮ้ย!!…เอี๊ยดดดดดด…โครม… โครม… โครม
เสียงอุทานตกใจของณัชญ์ดังขึ้นไม่ถึงสองวินาที เสียงห้ามล้อ ก็ดังสนั่นไปจนเกิดลอยล้อรถเป็นทางยาว ณัชญ์หักพวงมาลัย เพื่อหลบรถมอเตอร์ไซน์ที่วิ่งมาจากแยกหนึ่งความเร็วที่เขา เหยียบมาบวกกับการเบรกกะทันหันและแรงเหวี่ยงจากการหัก พวงมาลัยรถ ส่งผลให้รถยนต์ราคาหลักสิบล้านเสียหลักหมุน หลายตลบจนเกิดเสียงโครมคราม และหยุดแน่นิ่งในอีกไม่กี่ อึดใจในลักษณะหงายท้อง สภาพของรถไม่เหลือเคล้าโคลงของ ความงดงาม ไม่เหลือราคาสูงลิบลิ่วกลายเป็นเพียงเศษเหล็กที่ไร้ ราคา ณัชญ์ถูกอัดกระแทกอยู่ในรถแน่นิ่งไม่ได้สติ เลือดไหลอาบ ใบหน้า รอยฟกช้ำกระจายอยู่ทั่วร่างกาย ความเป็นและความ ตายเท่ากัน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ