ฝืนชะตาชายาหยินหยาง

บทที่ 8 ได้รับผลประโยชน์



บทที่ 8 ได้รับผลประโยชน์

บทที่ 8 ได้รับผลประโยชน์

จ้าวหมิงเยว่ออกมาพร้อมกับอาหารที่เหลืออยู่ และพูด อย่างกังวลกับซูหวั่นหรงว่า “พี่ซู ท่านอ๋องไม่ยอมกินข้าว อีกแล้ว แต่ยอมกินยาไปหนึ่งเม็ด”

ซูหวั่นหรงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพียงแค่พูดว่า “รู้แล้ว เจ้า ไปได้แล้ว”

“พี่ซู เจ้านายไม่ยอมกินอะไรเลย จะไม่สนใจหน่อย หรือ?”

“นี่เป็นเรื่องที่คนชั้นล่างอย่างพวกเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ หรือ? คำสั่งของเจ้านาย จะเข้าไปยุ่งไม่ได้

ถึงแม้จุดประสงค์ของจ้าวหมิงเยว่คือการเสาะหาที่อยู่ ของไท่ยิงหลินซี แต่โดยสามัญสำนึกแล้ว นางรู้ดีว่าไม่ ควรจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คนป่วย ชีวิตยังไม่จบสิ้น จะอารมณ์เสียไปทำไม? อีกทั้งหากฉู่จื่อเย่นไม่มีชีวิตอยู่ แล้ว องค์ฮ่องเต้ก็คงจะไม่ส่งคนออกไปตามหาไท่ยิงหลิน ซีอีกต่อไป

“พี่ซู ในห้องครัวมีของราคาแพงมากมายที่สำรองไว้ใช้ สำหรับท่านอ๋อง หรือว่าเราลองมาทำอาหารเป็นยาให้ รสชาติแปลกใหม่ดูบ้างไหม?”
“ท่านอ๋องไม่กินอาหารที่เป็นยา”

“หมิงเยว่รู้จักตัวยาอยู่หนึ่งชนิด เรียกว่าหญ้าทรงหยิน ไม่มีกลิ่นของตัวยามากนัก อีกทั้งรสชาติยังอร่อย พี่สาว ไปถามหมอหลวงก็น่าจะรู้

ทันใดนั้นซูหวั่นหรงก็มองไปที่จ้าวหมิงเยว่ ก่อนหน้านี้ ยาแก้ไอก็คือเด็กคนนี้ที่เป็นคนคิดขึ้นมา ตอนนี้เขาพูดถึง การทำอาหารเป็นยาด้วยท่าทีที่ดูตั้งใจแน่วแน่ นางจึงลูบ หัวของหมิงเยวโดยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร

“หมิงเยว่ บอกพี่หน่อยสิ เมื่อก่อนเจ้าเป็นแค่เพียง ขอทานหาเลี้ยงชีพ ทำไมจึงได้รู้เรื่องพวกนี้?”

“หมิงเยว่เคยตามท่านหมออาวุโสท่านหนึ่งเข้าไปเก็บ สมุนไพรในภูเขาเป็นเวลาหนึ่งปี เขาคือคนที่บอกข้า”

“ดังนั้นเจ้าจึงรู้สูตรโจ๊กที่เป็นยา

“ใช่ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เขียนใบสั่งยาที่ต้องการออกมา แล้ว ข้าจะไปถามหมอหลวงให้

ไม่กี่วันต่อมาก็มีกลิ่นที่คุ้นเคยลอยออกมาจากในครัวเป็นกลิ่นของหญ้าที่เป็นสมุนไพร หมิงเยว่เดินตามกลิ่น เข้าไปที่ห้องครัว

“น้าจาง กำลังต้มอะไรหรือ?”

“เป็นซุปตามใบสั่งที่แม่นางจูเขียนมาให้ เรียกว่าโจ๊กหรง หยิน เป็นอาหารที่เตรียมไว้สําหรับท่านอ๋องในมื้อเย็น”

แน่นอนว่าซูหวั่นหรงยังคงยกความดีความชอบในเรื่อง นี้ให้แก่ตนเอง แต่หมิงเยว่ก็ไม่ได้สนใจ “น้าจาง เมื่อกี้พี่ซู สอนวิธีต้มโจ๊กหรงหยินให้แก่ข้าแล้ว ให้ข้าเปลี่ยนมือกับ ท่านเถิด”

“เจ้าหนู เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าทำได้?”

“พี่ซูอธิบายให้ข้าฟังอย่างละเอียดแล้ว น้าจางไม่ต้อง เป็นห่วง”

“ดี ถ้าอย่างนั้นเจ้ามาทําเถอะ”

ถึงแม้จ้าวหมิงเยว่จะเคยเป็นเด็กที่ร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้ หมายความว่านางจะทำอะไรไม่เป็น ก่อนที่นางจะได้มา เป็นหมอผียิงหยาง นางต้องผ่านการฝึกอย่างทรหด พลัง ชีวิต เพลงกระบี่ มนตรา ยาทิพย์ ล้วนต้องผ่านการฝึกฝน ทั้งสิ้น
นางต้องใช้ความพยายามและความทุ่มเทอย่างหนัก จึงจะได้รับการยอมรับจากทุกคน นี่คือชีวิตจริงของนาง เพียงแต่ว่าตอนนี้ใช้ชีวิตผ่านมายี่สิบสี่ปีแล้วกลับต้องมา เป็นเด็กอีกครั้ง อีกทั้งสิ่งที่นางฝึกฝนมาอย่างยากลำบาก ก็ไม่ได้ติดตัวนางมาเลย

หมิงเยว่ต้มโจ๊กหรงหยินด้วยตัวเอง แล้วเติมตัวยาแก้ไอ เข้าไปในอาหารเล็กน้อย ตอนที่ส่งอาหารก็ยังคงวางยา เม็ดควบคู่ไปด้วย

เข้าไปเก็บถ้วยครั้งนี้ โจ๊กกินไปครึ่งถ้วย ส่วนยากินจน

หมด

หมิงเยว่รู้ว่าโอกาสที่จะได้เข้าใกล้ฉู่จื่อเย่นใกล้เข้ามา ทุกทีแล้ว นางถือถ้วยเดินออกมาด้วยความสุข

ครั้งนี้ซูหวั่นหรงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นเอง “เป็นยังไงบ้างห มิงเยว่ เจ้านายยอมกินไหม?”

“พี่สาว ยอมกินแล้ว ยาก็ยอมกินแล้ว” หมิงเยว่เปิดกล่อง

ไม้ให้นางดู

ซูหวั่นหรงตาเป็นประกาย เห็นดังนั้นก็รู้แล้วว่าวิธีนี้ใช้ได้ ผล จากนั้นก็หันไปมองที่หมิงเยว่แล้วยิ้ม “หมิงเยว่ สุด ยอดจริงๆ เจ้าเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในจวนของเราเลย
หมิงเยว่ก้มหน้าแล้วหัวเราะ “มิได้ มิได้..…….……

ซูหวั่นทรงตบไหล่นาง: “แต่ว่า จริงๆแล้วตอนที่ข้านำ ใบสั่งยาไปให้หมอหลวงนั้น ก็ถูกซักถามว่าได้ใบสั่งยานี้ มาจากไหน ข้าไม่กล้าบอกว่าได้มาจากเจ้า เพราะกลัวว่า หมอหลวงจะไม่ยอมใช้ จึงบอกว่าเป็นใบสั่งยาที่สืบทอด มาจากบรรพบุรุษ หมอหลวงจึงยอมนำกลับไปพิจารณา

หมิงเยวเงยหน้าขึ้นมองนาง

ซูหวั่งหรงจึงกล่าวขอโทษว่า “หมิงเยว่ เจ้าคงไม่โทษพี่ หรอกใช่ไหม?”

หมิงเยวส่ายหัวอย่างไร้เดียงสา “จะเป็นไปได้อย่างไร? หมิงเยว่แค่รู้สึกว่าพี่ซูฉลาดมากที่คิดวิธีเช่นนี้ออกมา เพื่อ พูดโน้มน้าวหมอหลวงได้

“หมิงเยว่เข้าใจอะไรง่าย พวกเราล้วนแต่ทำงานให้เจ้า นาย หลายครั้งที่เราไม่อาจทำตามใจตนเองได้ นี่ อันนี้ให้ เจ้า” ซูหวั่นหรงหยิบหยกออกมาหนึ่งชิ้น แล้วยื่นให้แก่ห มิงเยว่

“ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกพี่ซู ท่านให้ข้าหลายอย่างแล้ว” สำหรับซูหวั่นหรงแล้ว หากทำประโยชน์ให้แก่นาง เรื่อง ค่าปิดปากนั้น จะต้องมีให้อย่างแน่นอน
“รับไปเถอะ ในเมื่อเจ้าเรียกว่าว่า การที่อยต่อเจ้านั้น ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว รีบรับไปจะ

“ขอบคุณพี่ซู” ต้องรับไว้แน่นอน เพราะเงินนั้นเป็นของดี

เช่นนี้ จ้าวหมิงเยวจึงยังคงสรรหาสารพัด เพื่อให้ร่ จื่อเย่นกินยา หลังจากนั้นอาการไอก็ค่อยๆดีขึ้น ไม่ได้ต่อ เนื่องอย่างเช่นแต่ก่อน

เนื่องจากอาการของเจ้านายค่อยๆดีขึ้น พอบ้านโจวจึง ตกรางวัลให้แก่ซูหวั่นทรงอย่างงาม

เมื่อหมอหลวงกลับเข้าวัง ก็ทูลต่อฮ่องเต่ว่า หวั่นทรงมี ส่วนช่วยในการสั่งยาและเปลี่ยนวิธีการรักษาให้แก่ฮ่อง เย่น เมื่อฮ่องเต้ได้ฟังก็รู้สึกพอพระทัยอย่างมาก หวั่น หรงได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นนางกำนัล ในจานอ๋องเป็น นอกจากพ่อบ้านโจวและแม่นมหลิวแล้ว ในบรรดาคนรับ ใช้ถือว่านางใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ยังมอบเงินและของมีค่า ให้แก่นางเพื่อเป็นรางวัล

ซูหวั่นหรงกล่าวว่า “ดูแลเจ้านายถือเป็นหน้าที่ของคน เราใช้อย่างเราอยู่แล้ว หากจะให้รางวัล คนไข้ทุกคนใน จวนก็ควรจะได้รับด้วย” พูดจบนางก็แบ่งรางวัลให้กับ บรรดาคนรับใช้เพื่อซื้อใจทุกคน
หมิงเยว่รู้สึกว่า นี่คงเป็นความฉลาดเพียงอย่างเดียวที่ซู หวั่นทรงมี

แน่นอนว่าซูหวั่นหรงจะต้องมอบ “ค่าปิดปาก” ให้แก่นาง อย่างมหาศาล มิเช่นนั้นต่อไปจะยังหวังใช้ประโยชน์จาก นางได้อย่างไร ดังนั้นหลังจากได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ซู หวั่นทรงจึงเอ่ยปากถามนางว่า:

“หมิงเยว่ เด็กดี เจ้าอยากได้อะไรหรือ?”

“หมิงเยว่อยากทำงานในห้องหนังสือ

ห้องหนังสืออยู่ตรงข้ามกับจวนอ๋องเย่น คราวนี้ก็ได้อยู่ ห่างจากฉู่จื่อเย่นเพียงแค่ช่วงทางเดินกั้น นี่คือก้าวที่สองที่ นางเริ่มเข้าใกล้ฉู่จื่อเย่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ