ฝืนชะตาชายาหยินหยาง

บทที่ 6 เข้าใกล้อ๋องเย่น



บทที่ 6 เข้าใกล้อ๋องเย่น

บทที่ 6 เข้าใกล้อ๋องเย่น

คนในครอบครัวร้องไห้กันตลอดทั้งบ่าย ไม่มีการ ทะเลาะเบาะแว้งกัน สุดท้ายก็ได้รับเงินบำนาญก้อนโต แล้วพากันเดินออกจากดงหลีหยวนทางประตูทิศตะวัน ออก ร่างของหญิงสาวก็ถูกส่งตามออกไปเช่นกัน

ที่ลานด้านหลังมีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นในทันที

จ้าวลิ่วเห็นจ้าวหมิงเยว่กำลังจะวิ่งออกไปเหมือนไม่มี อะไรเกิดขึ้น จึงดึงนางไว้ “หมิงเยว่เจ้าจะไปไหน?”

“น้าจางให้ข้านำอาหารเย็นไปส่งให้เบ้ยอยู่ถัง”

“จะให้ข้าไปเป็นเพื่อนไหม?” เห็นนางทำท่าสงสัย จ้าวลิ่ว จึงขยับเข้ามาใกล้หูของนางแล้วพูดว่า “ข้าเคยบอกแล้ว ใช่ไหม คําสาบกลับมาอีกแล้ว ครึ่งปีมีคนตายไปแล้วสอง คน หนึ่งร้อยวันหนึ่งคน คนแรกคือคนรับใช้ผู้ชายที่ชื่อ เสี่ยวเกา มาตอนนี้ก็สาวใช้ผู้ทำหน้าที่ส่งอาหารที่ชื่อชวน หลิงอีก……”

พวกคนรับใช้ไม่ได้รู้สึกกลัวเกี่ยวกับการตายของฝูเจ้า มากนัก ฝูเจ้าเป็นคนที่ถูกกำหนดขึ้นโดยหมอผียิงหยาง แต่คนส่งอาหารกับพวกเขานั้นเหมือนกันคือเป็นคนรับใช้ ในจวน มีฐานะไม่แตกต่างไปจากพวกเขา หลายคนจึงกลัวว่าคนต่อไปจะเป็นตัวเองหรือไม่

“ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนหรอก เจ้ารีบกลับไปทํางานในห้อง ครัวเถอะ อย่าให้น้าจางต้องบิดหูของเจ้าอีก”

“เจ้าไม่กลัวจริงๆหรือ!”

“กลัวก็ไม่ต้องไปส่งข้าวอย่างนั้นหรือ?

“เอ่อ มันก็จำเป็นต้องไป”

“ใช่ไหมล่ะ? ถ้าอย่างนั้นข้าไปทำงานก่อนนะ”

ขณะที่จ้าวหมิงเยว่เดินจากห้องคนใช้ด้านขวามายังห้อง ครัว ก็ได้พบกับพี่น้องสามคนกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ คนที่ใส่ชุดสีเขียว หมิงเยว่จําได้ว่าชื่อช่วยจู เป็นหญิง สาวที่ชอบปะทะคารมกับจ้าวลิ่ว

ช่วยจูพูดว่า “พี่หวั่นหรง ครั้งนี้แม่นมหลิ่วจะให้ท่านไปส่ง อาหารให้แก่อ่องเย่นไหม?”

ซูหวั่นหรง เป็นหญิงสาวที่ถูกเลือกออกมาจากในวัง เป็น ผู้มีการศึกษา ได้รับการอบรมสั่งสอน รู้จักการวางตัว เนื่องจากทำงานในวังมาตั้งแต่เด็ก ทำให้สามารถพูด จัดการปัญหาได้ดี จึงเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คน
ซูหวั่นหรงพูดว่า “แม่นมหลิ่วจัดแจงงานให้ข้าหาหลาย อย่าง คงจะไม่มีวาสนาที่จะได้เข้าไปปรนนิบัติอ่องเย่น หรอก แต่ท่าทางที่ดูกระฉับกระเฉงของช่วยจูนั้นก็น่าจะ ทำให้คนชอบได้ แม่นมหลิ่วจึงหวังให้เจ้าไปคอยรับใช้เจ้า นาย”

“ใช่ ใช่สิ ในจวนของเรามีใครไม่อยากไปรับใช้ท่านอ๋อง บ้างล่ะ?” ช่วยจูหัวเราะพลางทำท่าเหมือนจะร้องไห้

หวั่นหรงหัวเราะแล้วตบหลังปลอบใจนาง “พวกเราล้วน ทํางานให้เจ้านาย จะเลือกงานได้อย่างไรกัน”

ดูเหมือนว่าทุกคนกลัวที่จะได้รับงานนี้ จ้าวหมิงเยวส่าย หัวแล้วเดินต่อเพื่อจะนำอาหารไปส่งที่เบ้ยอยู่ถัง เดินไป ไม่กี่ก้าวก็นึกขึ้นได้ว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว

ตอนนี้ก่าลงขาดคนส่งอาหารให้แก่อ๋องเย่นไม่ใช่หรือ? ถ้าหากนางรับงานนี้ นางก็จะได้เข้าใกล้ฉู่จื่อเย่นมากขึ้น ไม่ใช่หรือ? จ้าวหมิงเยว่รีบถือกล่องอาหารวิ่งไปอย่าง รวดเร็ว หลังจากส่งอาหารไปยังเบ้ยอยู่ถังอย่างรวดเร็ว แล้ว นางจงใจเดินกลับไปตามทางเดินระหว่างฝูหลินเตี้ย นกับวิหารหลัก เส้นทางนี้สามารถเดินผ่านตำหนักจิ้นอัน ของฉู่จื่อเย่นได้

ฝั่งตรงข้ามกับตำหนักจิ้นอันคือห้องหนังสือ
จ้าวหมิงเยว่อยู่ที่ห้องหนังสือ แอบเห็นซูหวั่นหรงถือ กล่องไม้กล่องหนึ่ง ยืนลังเลอยู่ที่หน้าตำหนักจิ้นอัน เดิมที หมิงเยว่คิดว่าช่วยจูหรือคนอื่นจะเป็นคนนำอาหารมาส่ง แต่กลับเป็นซูหวั่นหรง ซึ่งถือว่าดีมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันก็คงจะเป็นการดีที่จะได้ใช้คนฉลาด

จ้างหมิงเยว่แสร้งทำเป็นว่าเกือบจะพบหน้านางแต่ก็แอบ เดินหนีไป ผลสุดท้ายซูหวั่นหรงก็เรียกนางไว้ “หยุดก่อน”

จ้างหวิงเยว่ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วโค้งคำนับนาง “ซู แม่นางซู”

ซูหวั่นหรงเดินตรงเข้ามาหานาง แล้วถามด้วยท่าที เคร่งขรึมว่า “เจ้าออกมาเดินจุ้นจ้านแถวนี้ได้อย่างไร หาก แม่นมรู้เข้า ดูซิว่านางจะลงโทษเจ้าเช่นไร?”

จ้าวหมิงเยวรีบตอบกลับไปด้วยความร้อนใจว่า “ข้า เพียงแค่เดินผ่านมาเท่านั้น แม่นางซุอย่าบอกให้แม่นมรู้ เลยนะ”

“อย่ากังวลไปเลย วันนี้ถือเป็นโชคดีของเจ้าที่ได้พบกับ พี่ วันนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้เยี่ยมชมดูสักหน่อย

“ขอบคุณแม่นางซู”
“เรียกข้าว่าพี่สาวเถอะ คนที่สนิทกับข้าล้วนเรียกข้าเช่น นี้ทั้งนั้น”

จ้าวหมิงเยว่จึงเรียกตามอย่างว่านอนสอนง่าย “พี่ซู”

“เด็กดี” ซูหวั่นหรงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าพี่ ข้าก็สอนให้เจ้าทํางานบางอย่าง คือให้เจ้านําอาหารเย็นไปส่งที่ตำหนักจิ้นอัน

” เช่นนี้จึงถือว่าทุกอย่างที่นางวางแผนเป็นไปอย่าง สมใจนึก อีกทั้งนางยังแสร้งทําเป็นว่าไม่สามารถรับงาน นี้ได้ “พี่สาว มันคงไม่ดีกระมัง หากแม่นมหลิวจับได้ละ

“เด็กโง่ หากเจ้าไม่พูดถึงเรื่องส่งอาหาร หากข้าไม่พูดถึง เรื่องที่เจ้าล่วงละเมิดเข้ามาในตำหนักจิ้นอัน แล้วแม่นม หลิ่วจะรู้ได้อย่างไรกันล่ะ?”

พนันได้เลยว่าหากนางไม่ช่วยซูหวั่นหรงเรื่องส่งอาหาร ละก็ นางจะต้องเอาเรื่องนี้ไปฟ้องแม่นมหลิ่วอย่างแน่นอน ทำไมนางจึงได้ชอบสัญญาที่ฟังดูเอาเปรียบเช่นนี้? ห มิงเยว่ถามด้วยความไร้เดียงสาต่ออีก

“หมิงเยว่อยากจะช่วยพี่สาวมาก แต่ฐานะของหมิงเยว่ ต่ำต้อย เพียงแค่ได้ผ่านเข้ามาในตำหนักจิ้นอันครั้งเดียว ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว หากดูหมิ่นสถานที่ของเจ้านาย ถึงเวลาก็คงจะต้องโดนลงโทษอย่างหนัก”

ซูหวั่นทรงเป็นคนฉลาด จึงรีบพูดกลับไปในทันทีว่า “เรื่องนี้ไม่ยาก ถ้าหากเจ้าอยากจะส่งอาหารให้แก่เจ้า นายทุกวัน ข้าก็จะให้แม่นมหลิ่วยกเจ้าให้มาเป็นลูกน้อง ของข้า ให้เจ้าได้ยกระดับจากคนทำความสะอาดในห้อง ครัวขึ้นมาเป็นคนรับใช้ทั่วไป และได้เงินเดือนเพิ่ม 10

ที่ประเทศฉู่ มีวิธีการแลกเปลี่ยนเงินคือหนึ่งเหรียญทอง เท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญเงิน หนึ่งเหรียญเงินเท่ากับหนึ่ง ร้อยเหรียญทองแดง ในทุกๆเดือนคนใช้ห้องครัวจะได้รับ เงินเดือนยี่สิบห้าเหรียญเงิน ส่วนคนรับใช้ทั่วไปจะได้ไม่ เท่ากันคือสามสิบห้าถึงห้าสิบเหรียญ ยิ่งตำแหน่งสูง อายุ งานมาก ก็จะยิ่งได้เงินเดือนมาก

แต่ตอนนี้สำหรับหมิงเย่วแล้ว เงินสำคัญน้อยกว่า ธุระเรื่องนี้มาก นี่ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญมากที่นางจะ สามารถเข้าถึงฉู่จื่อเย่นได้

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณพี่สาวมากๆเลย

จ้าวหมิงเยว่รับกล่องไม้มาจากมือของซูหวั่นหรงด้วย ความขอบคุณ

ซูหวั่นทรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหมือนสามารถยกภูเขาออกจากอกไปได้เสียที

“จําไว้นะว่า อาหารให้นำไปวางไว้บนโต๊ะ หลังจากนั้น หนึ่งชั่วโมงก็ให้กลับมาเก็บ และห้ามเข้าไปในห้องนอน ของท่านอ๋องหรือสถานที่อื่นๆก่อนได้รับอนุญาต”

“ขอรับ”

หลังจากที่ซูหวั่นหรงมอบหมายงานให้เรียบร้อยแล้ว เจ้า หมิงเยว่ก็เดินเข้าสู่ตำหนักจิ้นอัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ