บทที่ 3 รับสมัครคนรับใช้ผู้ชาย
บทที่ 3 รับสมัครคนรับใช้ผู้ชาย
หอคอยในเมืองจินหลินนั้นสูงมาก ถนนปูด้วยแผ่นหินสี เทาทอดยาวออกไปทุกทิศทุกทาง ถนนกว้างขวาง มีร้าน ค้าและร้านอาหาร (ร้านเหล้า) ตลอดทั้งสองข้างทาง บน ถนนมีพวกเก็บของเก่าที่เดินไปดื่มไป ข้างทางมีพ่อค้า แม่ค้าขายอาหารเช้าพร้อมผักและผลไม้อยู่
และนางก็โดนเสียงเหล่านี้เรียกอยู่หลายครั้งในตอนเช้า
” เจ้าขอทาน ยังตายกันไม่หมดอีกเหรอ! มาวุ่นวายตั้งแต่ เช้า ไปๆๆ ไสหัวไป!”
การข้ามเวลาในครั้งนี้ช่างตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ก่อนหน้านี้ไม่นานตัวเองยังมีฐานะเป็นหมอผียิงหยาง ที่มั่งคั่ง แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นขอทานที่ยากจน บรรพบุรุษตระกูลจ้าวเคยทำบาปอะไรไว้ ทำไมจึงไม่มี ใครเคยบอกนางเลย?
ถ้ายังอยากมีชีวิตรอด นางจะต้องหางานทำเพื่อหาเงิน แต่การแต่งกายเช่นนี้ ยังไม่ทันจะได้เดินเข้าประตูก็ถูกคน ไล่ออกมาแล้ว คนจะให้ดูดีนั้นต้องอาศัยเครื่องแต่งกาย ส่วนม้านั้นต้องอาศัยอาน ตอนนี้นางคงทำได้แค่เพียงเดิน เข้าไปดูในตรอกว่ามีบ้านไหนที่มีคนเอาผ้ามาตากไว้นอกบ้านบ้าง แล้วก็ “ยืม” มาใส่ก่อน
จ้าวหมิงเยว่ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตในตอนนี้ เหมือนกำลัง เดินมาถึงทางตัน นางมองขึ้นไปยังกำแพงสูงแล้วถอน หายใจ ถ้าโชคร้ายแม้แต่ดื่มน้ำยังติดฟัน ถ้าโชคร้ายไป ที่ไหนก็จะเจอแต่อุปสรรคขัดขวาง
ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากทางด้านหลัง “ยังจะ กล้าหนีอีกหรือ เจ้าเด็กนี่กล้าดียังไงมาขโมยของของเจ้า นาย…..หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าสั่งให้หยุด!”
มีท่านลุงคนหนึ่งวัยประมาณห้าสิบกำลังวิ่งไล่และ ตะโกนตามหลังเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบสี่สิบห้าคน หนึ่งอยู่ ดูแล้วว่าท่านลุงไม่มีทางตามทัน แต่เด็กคนนั้น กลับโชคร้ายวิ่งเข้าไปหาทางตัน
เด็กน้อยพยายามปีนขึ้นก่าแพงอย่างตื่นตระหนก แต่ เป็นเพราะกำแพงสูงเกินไปจนไม่สามารถปีนได้ เขาหัน หน้ากลับมาแล้วตะโกนบอกจ้าวหมิงเยวว่า “ช่วยดันเท้า ข้าหน่อย แล้วข้าจะให้เงินเจ้า!”
ดันเท้าเขาขึ้นไปแล้วแล้วนางจะทำยังไงต่อล่ะ? พอที นี่ มันไม่ได้เรียกว่าช่วยดันเท้าแต่นี่มันคือการให้นางออกรับ แทนต่างหาก มิ่งเยว่ยกมือขึ้นทำท่าทำทางว่าไม่สามารถ ช่วยอะไรได้
ชายชรารีบเดินเข้ามา แล้วลากขาของเด็กน้อยให้หล่น ลงมา “ดูซิ เจ้าจะหนีไปไหนฟัน!
เมื่อเด็กน้อยถูกดึงลงมาเช่นนี้ ถุงที่ตัวเขาก็หล่นกลิ้งลง มาไปโดนเท้าของเจ้าหมิงเยว่ ดูแล้วน่าจะเป็นสินค้าที่เขา ขโมยมา เสียงที่กระทบพื้นก็ฟังดูหนักมาก คาดว่าน่าจะ เป็นเงินหรือไม่ก็เครื่องประดับ ทั้งสองจึงเข้าแย่งชิงกัน อย่างไม่สนใจสิ่งอื่น
ตอนนี้เด็กน้อยคนนั้นคิดเพียงแต่จะต่อสู้เพื่อหลบหนีเอา ตัวรอด “ถ้าเจ้ายังไม่ปล่อยข้า ข้าจะไม่เกรงใจล่ะนะ!”
“ขโมยของแล้วยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกหรือ!” ชายชรา ลากคอเด็กน้อยไว้อย่างสุดแรงแล้วหันไปตะโกนว่า “เจ้า พวกโง่หายไปไหนหมด มันอยู่ตรงนี้!”
ดูเหมือนว่าชายชราจะมีผู้ช่วย
เด็กน้อยรู้ดีว่าหากเขาถูกจับตัวกลับไปเขาจะต้องถูก ลงโทษอย่างหนัก หรือไม่ก็คงจะต้องถูกจับขัง ที่ยิ่งแย่ ไปกว่านั้นอาจจะถึงขั้นถูกตีจนตาย ด้วยความร้อนใจจึง เอื้อมมือไปคว้าท่อนไม้ที่อยู่ตรงกำแพงขึ้นมา
“เจ้ากล้าตีหรือ เจ้ากล้าตีจริงๆหรือ!” แรงของชายชราไม่ อาจสู้ได้ เขาจึงใช้วิธีจ้องมองเพื่อเป็นการข่มขู่เพื่อเอาชนะ
แต่เด็กคนนั้นโกรธจนหน้ามืดตามัวแล้วจะรู้สึกกล้าขึ้น มาได้อย่างไร จึงได้ยกท่อนไม้ขึ้นแล้วฟาดลงมา
ชายชรารีบกำบังศีรษะของเขาไว้ ไม้นี้หากฟาดลงมา คงจะหมายเอาชีวิตเข้าเป็นแน่
“เฮ้ เฮ้!” หมิงเยว่ที่จริงๆแล้วไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว กับเหตุการณ์ในครั้งนี้ พอเห็นแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปคว้าไม้ไว้ “ถ้าตี คงได้ตายจริงๆแน่” ชายชราอายุมากขนาดนี้แล้ว หากถูกตีเข้าจริงๆคงต้องแย่แน่ๆ
หลังจากนั้นก็มีชายสามคนเข้ามา
ไม่นาน ชายหนุ่มสองสามคนนั้นก็เข้ามาจับตัวเจ้าโจร น้อยไว้ แล้วดุด่าทุบตี
เมื่อเห็นว่าพวกเขาเริ่มวุ่นวาย จ้าวหมิงเยวก็รู้สึกนึก เสียใจเล็กน้อยที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้ แค่การ เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็เหมือนกับว่าสูญเสียพลังงาน ในร่างกายไปทั้งหมด พอยืนขึ้นก็รู้สึกวูบไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นชายชราก็เรียกนางไว้ “เฮ้ เจ้าเด็กน้อย…..เจ้า ขอทานน้อย!”
“เรียกข้าหรือ?”
“เรียกเจ้านั่นแหละ” ชายชราผู้นั้นเดินเข้ามา มองดูเด็กที่ ผอมแห้งแรงน้อยและสกปรกตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วหยิบ ถุงที่กลิ้งตกเมื่อกี้ขึ้นมาถามนางว่า “เจ้ารู้ไหมว่าของข้าง ในคืออะไร?”
“ไม่ใช่ของที่เขาขโมยมาหรอกหรือ?”
“ที่จริงแล้วเมื่อกี้เจ้าก็สามารถเอามันไปได้
ก็ใช่นะสิ! แต่เพราะเมื่อกี้หมิงเยว่ยังไม่ทันได้คิดว่านาง ควรจะเอาไป “เพิ่งพูดตอนนี้คงสายไปแล้วสินะ?” แต่เมื่อ คิดดูแล้ว จ้าวหมิงเยวก็หันยิ้มให้กับชายชราแล้วพูดว่า “ท่านปู่ ถ้าตอนนี้ท่านพอจะตกรางวัลให้ข้าได้ นั่นคือสิ่งที่ ดีที่สุด เพราะตอนนี้ข้าหิวมาก”
เจ้าขอทานน้อยคนนี้ช่างพิเศษนัก ไม่กลัวคนแปลกหน้า พูดจาฉะฉาน แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความชัดเจน ชายชราจึงเลิกคิ้ว ถามขึ้นว่า “เจ้าอยากได้เท่าไหร่?”
“ข้าเสนอราคาได้อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าจะยอมรับหากสมเหตุสมผล”
หมิงเยว่กำลังนึกว่าตอนนี้นางไม่ใช้จ้าวหมิงเยว่ผู้มีชื่อ เสียงในโลกยิงหยาง แต่เป็นขอทานน้อยที่กำลังอดอยาก นางจึงใช้คำพูดตอบกลับไปอย่างหวานหูทันทีว่า “ท่าน ปู่ ข้าสามารถทำได้หลายอย่าง ไม่กลัวลำบาก ไม่กลัว เหนื่อย ท่านจะสามารถช่วยหางานให้ข้าทำได้หรือไม่?”
ไม่อยากได้เงินแต่อยากได้งาน? มองการณ์ไกลนัก อีก ทั้งยังไม่ใช่คนเกียจคร้าน ชายชราจึงเลิกคิ้วอีกครั้ง แล้ว ถามขึ้นว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากจวนไหน?”
“ไม่รู้”
จวนของพวกเราหากจะรับคนต้องผ่านการคัดเลือก อย่างละเอียดและเข้มงวด เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถ อย่างนั้นหรือ?”
ตอนนี้ชายชราแสดงออกถึงท่าทางที่ดูภาคภูมิใจ แสดง ให้เห็นว่าจวนที่เขาอยู่ต้องยิ่งใหญ่ เมื่อจ้าวหมิงเยว่ได้ ฟังก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วโค้งคำนับพร้อมพูดว่า “ท่าน วางใจเถอะ ข้าคิดว่าคงทำได้ดีกว่าเขา
แล้วจึงชี้ไปที่เจ้าหัวขโมย
เมื่อชายชราได้ฟัง ตาก็กระตุกเล็กน้อยด้วยความเขิน อาย ถึงจะเลือกเฟ้นอย่างละเอียดและเข้มงวดแล้วก็ยังมีพวกมือไม่ขาวสะอาดเช่นนี้หลุดลอดเข้ามาได้ ถูกเจ้า ขอทานน้อยพูดเช่นนี้ ช่างน่าอับอายจริงๆ
ถึงแม้เจ้าขอทานน้อยจะดูสกปรก แต่ก็ช่วยชีวิตเขาไว้ อีกทั้งยังไม่โลภคิดอยากได้เงินในถุงนั้น การพูดการจาก็ ฟังดูฉลาด ตอนนี้ที่จวนกำลังรับสมัครคนรับใช้อยู่พอดี ลองให้เขาไปสมัครดูก็น่าจะได้ ถือเป็นการตอบแทน นําใจของเขาด้วย
“วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดี ที่จวนของเรากำลังรับสมัครคนรับ ใช้ผู้ชายอยู่พอดี เจ้าก็ตามข้ากลับไปเพื่อทดลองงานดูละ กัน”
คนรับใช้ผู้ชาย? แต่นางเป็นผู้หญิง…ผู้ชายก็คงได้ กระมัง!
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ