ฝืนชะตาชายาหยินหยาง

บทที่ 2 ผู้ชายภายใต้หน้ากากผี



บทที่ 2 ผู้ชายภายใต้หน้ากากผี

บทที่ 2 ผู้ชายภายใต้หน้ากากผี

“เจ้าเป็นผู้ทำลายการเรียกของข้าอย่างนั้นหรือ?”

เสียงที่ฟังดูเยือกเย็นเหมือนว่าจะดังขึ้นเหนือหัวของห มิงเยว่ เพียงแค่นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก็เห็นเลือดสีแดง สด ไหลลงมาจากหน้าผากของตัวเอง นางตัวสั่นเล็กน้อย คิดว่าคงเป็นเพียงภาพลวงตา

ผีซากศพเหล่านี้กำลังส่งเสียงร้อง “ฮ่า ฮ่า” ด้วยความ โมโห ฟังจากเสียงของผีซากศพเหล่านี้แล้ว ภายในตัวคง ประกอบขึ้นจากวิญญาณเร่ร่อนนับร้อยนับพันมารวมตัว กัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคียดแค้น มีซากศพ เขียวนับสิบกำลังพุ่งตัวเข้าไปหาเงาของชายผู้นั้นอย่าง บ้าคลั่ง

ชายผู้นั้นยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไหวติง เพียงแค่มีแสงสีแดง จางๆปรากฏขึ้นไหลเวียนไปมาที่นิ้วมือ แล้วจึงหันไปพูด กับศพที่เขาสามารถทำให้วิญญาณสลายตัวได้อย่าง เย็นชาว่า

“ตายถาวร”

เพียงแค่เคลื่อนไหวนิ้วมือ แสงสีแดงก็พุ่งเข้าไปหา ซากศพที่มีจํานวนมากกว่าเขาหลายเท่าตัว
แสงสีแดงส่องประกายเพียงแวบเดียว

ผีซากศพยังไม่ทันได้เข้าโจมตี ไม่แม้แต่เพียงได้เข้าใกล้ ชายผู้นั้น ร่างกายที่มหึมาก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆอยู่กลาง อากาศและสูญสลายไป

เสียงลมและเสียงภูเขากลับดังขึ้นอีกครั้ง

ชายผู้นั้นยืนอยู่ท่ามกลางหมอกควันพิษที่สกปรก ผม ยาวสยาย มีท่าทางบ้าคลั่ง

เดิมทีหมิงเยว่คิดจะอาศัยจังหวะช่วงชุลมุนหลบหนีไป แต่หมอ จัดการกับผีซากศพได้ชั่วพริบตา แม้แต่จังหวะ ที่นางจะหนียังไม่มี นางจึงซ่อนตัวอยู่หลังกองฟางไม่กล้า กระดิกไปไหน แต่ทันใดนั้น ชายผู้นั้นก็หันกลับมามอง

ซวยแล้ว!

จ้าวหมิงเย่วยังไม่ทันได้ตอบโต้ กองฟางที่อยู่ตรงหน้า นางก็หายวับไปในพริบตา นางค่อยๆกระเถิบถอยหลังไป กับพื้น

ชั่วพริบตา ชายผู้นั้นก็มาจากป่าไกลๆ มาปรากฏตัวอยู่ ตรงหน้านางในระยะห่างกันเพียงสามสี่เมตร แล้วจ้องมอง ลงมาที่นาง
ภายใต้ฉากหลังที่เป็นพระจันทร์เต็มดวง ดูผมที่ยาว สยายของเขา กำลังโบกพลิ้วเหมือนกับสายลมยามค่ำคืน ภายใต้แสงจันทร์ เขาสวมใส่หน้ากากผีสีขาวอยู่บน ใบหน้า บนหน้ากากมีรอยปีศาจสีแดงคล้ายกลีบดอกไม้ ดวงตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้น เปล่งประกายแวววาวใน เวลากลางคืน

ต่อให้คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็มักจะถูกกลืนกินในเวลากลาง คืน แต่กลางคืนกลับกลายเป็นเพียงแค่ฉากหลังของ บุคคลนี้ ทำให้รู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่เหนือเวลากลางคืน ของเขา

จ้าวหมิงเยว่ไม่แน่ใจว่าเขาจะลงมือกับนางหรือไม่ นิ้วมือ ที่ค้ำอยู่บนพื้นค่อยๆขยับรวบรวมพลัง โดยหวังว่าร่างนี้ ยังคงจะมีแรงหนี ถึงแม้นางจะรู้ว่าหากเขาลงมือในตอนนี้ นางจะต้องตายแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เขาทำเพียงแค่เอี้ยวตัวกลับมามอง แล้ว จึงถอยห่างออกไปหลายร้อยเมตร ในไม่ช้า ก็หายตัวไป ในยามค่ำคืน…….

อากาศเย็นเยือกค่อยๆหายไป ตอนนี้จ้าวหมิงเยว่รู้สึก โล่งใจเป็นอย่างมาก นางค่อยๆนั่งลงบนพื้น เอามือลูบ หน้าผากที่มีเหงื่อไหลออกมา ร่างกายที่ไร้ประโยชน์นี้ อ่อนแอมาก จนทำให้รู้สึกขาอ่อนอยู่ตลอดเวลา ช่างขึ้ ขลาดจริงๆ
ขี้ขลาดก็ขี้ขลาดสิ อย่างน้อยนางก็ยังมีชีวิตรอด

ได้ยินเสียงไก่ขันมาจากไกลๆ ใกล้จะเข้าแล้ว จ้าวหมิง เหย่มองตามสียงไก่ขันไป

ฟ้าค่อยๆสว่างขึ้น หมอกยามเช้าค่อยๆจางลง ได้ยิน เสียงสายน้ำไหล ข้างทางมีน้ำตกที่ไหลลงมาระหว่างโขด หิน จ้าวหมิงเยว่นอนแช่อยู่ในน้ำ จิบน้ำเย็นเข้าไปในท้อง หลายอีก ท้องว่างเปล่าที่ถูกชะด้วยน้ำจึงรู้สึกปวด

หลังจากดื่มมาจนอิ่ม นางจึงมองเห็นเงาสะท้อนของ ตัวเองในน้ำ ในใจพร้อมแล้วที่จะพูดว่า ใบหน้านี้อาจจะ ไม่ใช่ใบหน้าของนาง แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ปรากฏอยู่ในน้ำ ที่ทั้งแปลกและสกปรก ก็ยิ่งทำให้รู้สึกตกใจ

ใบหน้าเล็กๆ ไม่สามารถระบุอายุแน่ชัด แต่ดูจาก ลักษณะแล้วอายุน่าจะราวๆสิบสามสิบสี่ปี ผอมจนเห็น กระดูก เหลือก็เพียงแต่ดวงตากลมโตคู่หนึ่งที่ดูว่างเปล่า ที่แยกเป็นสีขาวดำชัดเจน

มองจากส่วนประกอบหลักๆบนใบหน้าของเด็กคนนี้ แล้ว ก็ไม่ใช่คนหน้าตาขี้เหร่ ตาโต จมูกโด่ง ปากเล็กๆ ส่วนอย่างอื่นนั้นมองไม่ออก จะว่าเป็นขอทานก็ไม่น่าจะ สกปรกขนาดนี้หรอก? ดูเหมือนว่าจะตั้งใจเอาโคลนป้าย บนหน้าของตัวเอง
จ้าวหมิงเยว่ยังไม่ทันจะล้างหน้าให้สะอาด ก็ได้ยินเสียง คนพูดคุยกัน นางจึงรีบวิ่งขึ้นจากลำธารทันที

มีคนมาก็ดีแล้ว นางจะได้ถามว่าที่หนีที่ไหน จะได้คิดหา วิธีกลับไป

บนถนนที่คดเคี้ยวมีเหล่าบรรดาผู้เพาะปลูก (เกษตรกร) ที่ถือจอบแบกคราดออกมาทำงานตั้งแต่เช้า พวกเขาใส่ เสื้อผ้าเนื้อหยาบๆที่เป็นแบบสมัยโบราณ ทำให้หมิงเยว่ รู้สึกเหมือนอยู่ผิดยุคผิดสมัย ยังมีเกษตรกรที่ไหนที่ยัง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบนี้กัน?

เมื่อถามพวกเขาแล้วก็ยิ่งรู้สึกตะลึง!

ที่นี่คือกว่างหลิน เป็นชานเมืองทางภาคใต้ของเมืองจิน หลิน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอู่

วันนี้คือวันที่9เดือน5ปี22สมัยเจินอู่ ศักราชที่619

นี่มันอะไรกัน…

อาชีพของนางพิเศษมากในสายตาของคนทั่วไปใน ศตวรรษที่ 21 นางเป็นหมอผียิงหยาง ปกติแล้วสิ่งที่ นางพบเจอมักจะไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับ สิ่งเหนือมนุษย์และสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่นี่ยังนับเป็น ประสบการณ์ครั้งแรกของนางในการข้ามเวลา
หลังจากพิจารณาดูแล้ว จ้าวหมิงเยว่คงต้องยอมรับ ความจริงที่ว่า ตัวเองกำลังอยู่ในโลกอีกใบ

นางต้องลองใช้ความคิดไตร่ตรองดู

นางข้ามเวลาได้ เพราะนางสัมผัสกับไท่ยิงหลินซี ก่อน จะข้ามเวลา เคยได้ยินเสียงคนพูดว่า “ในที่สุด ข้าก็หา เจ้าพบแล้ว” นี่คงเป็นการเรียกด้วยจิตสัมผัส ตอนนี้จึงมี เงื่อนง่าสองอย่างนี้ที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อนาง

อย่างแรกคือไทยินหลินซี นางอาจจะใช้สิ่งนั้นพานาง กลับไปสู่ศตวรรษที่ 21 ได้

อย่างที่สองคือคนที่เรียกหานางคนนั้น เนื่องจากเป็นคน ที่เรียกนางมา ดังนั้นเขาก็คงจะต้องเป็นคนที่อยู่ในโลกใบ นี้ ไม่ว่าการที่เขาเรียกนางมาที่นี่ จะเป็นการเรียกที่ถูกคน หรือผิดคนก็ตาม แต่เขาก็เป็นคนที่รู้เรื่องต่างๆ ดังนั้นเขาก็ คงจะช่วยให้นางสามารถหาทางกลับบ้านได้

เพียงแต่ว่ามันจะดูเป็นการยาก หากคิดที่จะหาของสอง สิ่งนี้ในโลกที่นางไม่รู้จักอะไรเลย ด้วยพลังที่นางมีอยู่ ตอนนี้

ลองพักเรื่องของสองสิ่งนี้เอาไว้ก่อน สิ่งแรกที่ควรจะทำ ในตอนนี้คือหาอาหารและเสื้อผ้า ถ้ายังไม่ได้กินอะไรอีก ละก็ นางรู้สึกว่าจะต้องอดตายแน่ๆ
จ้าวหมิงเยว่เดินทางจากกว่างหลินซึ่งเป็นชานเมืองทาง ภาคใต้ เข้าไปในเมืองจินหลิน เมื่อมองขึ้นไปเห็นป้าย เมือง มีตัวอักษรขนาดใหญ่สองตัวเขียนว่า “จินหลิน” นั่น แสดงว่าเดินทางมาถึงเมืองจินหลินซึ่งเป็นเมืองหลวงของ ประเทศฉู่แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ