บทที่ 13 จุดเปลี่ยนของคืนโส้เยว่
บทที่ 13 จุดเปลี่ยนของคืนโส้เยว่
นางเขย่าเขา
“ฉ่จื่อเย่น ตื่นสิ…….
คงยังไม่ตายหรอกใช่ไหม?
เป็นไปไม่ได้ เมื่อกี้เพิ่งจะไออยู่เลย
หมิงเยว่เอามืออังที่จมูกของเขา เพื่อดูว่าเขายังหายใจ อยู่หรือไม่
“แคก แคกๆ……” คนที่อยู่บนเตียงคว้ามือของนางไว้
ด้วยแรงเล็กน้อย “เจ้าเป็นใคร?”
นางควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี? นางค่อยๆดึงมือของ ตัวเองออกมาจากมือของเขา แต่เขากลับจับเอาไว้อีก ภายในห้องมืดมาก แต่ก็ยังสามารถมองเห็นดวงตาที่เป็น ประกายคู่นั้นของเขาได้ หมิงเยว่ผู้ที่ต้องการจะหลุดพ้น ออกจากตรงนี้ กลับยื่นมือเข้ามาอีกข้างหนึ่ง แล้วแตะไป ที่หน้าผากของเขา
“ร้อนจี่เลย”
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เขาถามขึ้นอีกครั้ง
“ข้าคือ…..ข้าน้อยคือซูหวั่นหรง ได้ยินเสียงเจ้านาย เรียกหาคนจึงได้เดินเข้ามา” อย่างน้อยซูหวั่นหรง ก็เป็น คนที่สามารถดูแลเขาอย่างใกล้ชิดได้ อีกทั้งยังช่วยเหลือ นางได้ อยู่ในสถานะเช่นนี้น่าจะเป็นการปลอดภัย
“ซูหวั่นหรง?”
“เพคะ”
“ข้าเรียกหาคนอย่างนั้นหรือ?”
“เพคะ ท่านอ๋องเรียกหาคนไม่หยุด…….….…. เป็นการผลัก ความรับผิดชอบให้แก่เขา มันคงเป็นการดีที่จะให้ใครสัก คนเข้ามาดูแลอาการของเขา เพื่อที่นางจะได้หมดหน้าที่ “ท่านอ๋องตัวร้อนมาก ข้าน้อยจะรีบไปรายงานให้พ่อบ้าน โจวทราบในทันที
“ไม่ต้องหรอก….” ฉู่จื่อเย่นดึงนางไว้ไม่ให้ไป “จะมา หรือไม่มาก็เหมือนกัน”
“ท่านตัวร้อนมากรู้หรือเปล่า?” อะไรที่เรียกว่าจะมาหรือ ไม่มาก็เหมือนกัน? “ข้าน้อยบอกว่าท่านอ๋องตัวร้อนมาก ควรจะให้หมอหลวงเข้ามาตรวจดูอาการสักหน่อย”
“ไม่มีประโยชน์หรอก” ฉู่จื่อเย่นพูดด้วยเสียงต่ำ เหมือน เสียงยังติดอยู่ในลำคอไม่สามารถออกมาได้
ไม่มีประโยชน์? หรือว่ามันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับอากาศ ที่เย็นเมื่อกี้นี้หรือเปล่านะ? จริงๆแล้วพลังชั่วร้ายนี้มาจาก ไหนกันแน่ ทำไมจึงได้บดบังเสีย ที่อยู่บนตัวได้?
ดูเหมือนว่าฉู่จื่อเย่นจะรู้สึกว่ามือของนางอบอุ่น เขาที่ ป่วยจนรู้สึกมึนงง ได้เอามือของนางมาวางไว้บนหน้าผาก ของเขา เราเริ่มหายใจเร็วขึ้น หมิงเยว่ตบไหล่เขาด้วย ความสงสาร
“อ๋องเย่น ท่านรอสักประเดี๋ยว ข้าน้อยจะหาวิธีทําให้ท่าน
ตัวเย็นลง”
“ไม่ต้องเรียกหมอหลวง วันนี้หมอหลวงไม่ได้กลับจวนมา
กับข้า”
“เพคะ ไม่เรียกหมอหลวง ท่านรอข้าน้อยสักครู่ ข้าน้อย
จะรีบกลับมา”
จ้าวหมิงเยว่วิ่งกลับไปที่ห้องหนังสือ แล้วหาสมุนไพรที่ ก่อนหน้านี้เคยเตรียมไว้ให้ซูหวั่นหรง อีกทั้งยาลดไข้ที่ใช้ อยู่เป็นประจำรวมถึงตะเกียงน้ำมันด้วย แล้ววิ่งกลับมาที่ ตำหนักจิ้นอัน
เมื่อฉู่จื่อเย่นเห็นนางกลับเข้ามาอีกครั้ง ก็ลืมตาอย่าง สะลึมสะลือ แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า: “จุดไฟซะ”
จ้าวหมิงเยวปรับความสว่างของตะเกียงน้ำมันให้มีขนาด เท่าเมล็ดพืช แล้ววางไว้บนตู้ข้างหัวเตียงของเขา “จุดไฟ แล้วเพคะ”พูดพลางก็รับเดินออกไป แล้วจึงนำน้ำเย็นใส่ อ้างมาจากห้องในลาน แล้ววางไว้หน้าเตียง
ฉู่จื่อเย่นกล่าวอีกว่า: “เปิดโคมไฟมุกราตรีซะ มืดเกินไป ข้ามองไม่ชัด
“เปิดแล้วเพคะท่านอ๋อง เป็นเพราะท่านป่วยจึงมองเห็น ไม่ชัดเจน” หมิงเยว่เลิกตาขณะที่พูดโกหก แล้วใช้ผ้า ขนหนูเปียกวางลงบนหน้าผากของเขา
ฉู่จื่อเย่นกำลังมองคนที่หันหลังให้กับเขาอยู่ภายใต้แสง สลัวๆ คงเป็นเพราะไข้ขึ้นสูงจริงๆ ทำให้เงาของคนคนนั้น เป็นภาพทับซ้อนกันไปมาดูไม่ชัดเจน
จ้าวหมิงเยวบดยาลดไข้ใส่ลงไปในน้ำร้อน แล้วออกแรง คนจนละลายด้วยช้อนเล็กๆ แล้วนำน้ำที่ได้จากยามาตั้ง พักไว้ หลังจากนั้นก็นำสมุนไพรใส่ลงในผ้าโปร่งหลาย ชั้น แล้วมัดทำเป็นถุงยา จากนั้นจึงใส่ยาลบไปในน้ำ แล้ว ทุบถุงยาเพื่อให้ตัวยาแทรกซึมออกมา เมื่อขั้นตอนเหล่านี้ เสร็จสิ้น ยาที่ตั้งพักไว้ตอนแรกก็เย็นพอดี
นางเดินไปที่เตียงแล้วค่อยๆประคองเขาขึ้นมา แล้ว เลียนแบบท่าทางการพูดของซูหวั่นหรงต่อ ไม่ว่าจะ เหมือนหรือไม่ ขอแค่ไม่ใช่เสียงของนางเอง ก็เป็นอัน ใช้ได้แล้ว
“ท่านอ๋อง ท่านต้องดื่มยานก่อน”
ตอนนี้ฉู่จื่อเย่นมีการตอบสนองที่เชื่องช้า แต่ก็พอจะ สัมผัสได้ว่า คนที่เขานั่งพิงอยู่นั้นมีรูปร่างผอมบาง แต่ แขนมีความแข็งแรงมั่นคง
“lai……”
คำว่า “ไม่” เพิ่งออกมาจากปากไม่ทันไร ชามก็เข้าไปถึง ปากของเขาเสียแล้ว ยาในชามถูกเทเข้าไปในปากของ เขา ด้วยการที่เขาถูกบังคับไม่ให้ขยับมือได้ เขาคิดไม่ ถึงว่าจะมีใครกล้าบังคับให้เขากินยาด้ยวิธีนี้ จึงต้องฝืนใจ กินไปแบบไม่ทันตั้งตัวไปถึงสองคำจนเกือบสำลัก นางจับ มือของเขากดลง แล้วเอียงชามยา ยาสองสามคำสุดท้าย ถูกเทลงไปในปากของเขา
“เจ้า แคกๆ แคกๆ…..” ฉู่จื่อเย่นกำลังไอ ถูกนางวาง กลับลงไปบนหมอนเช่นเดิม แล้วนำผ้าเปียกที่ชุบน้ำเย็นที่ มีกลิ่นของสมุนไพร มาวางลงบนหน้าผากของเขา
“เจ้าคือ…..ซูหวั่นหรงจริงๆหรือ?” ซูหวั่นหรงจะกล้าทำเช่นนี้กับเขาได้อย่างไร?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ