ผู้ชายคนนี้ฉันจองแล้ว

บทที่6 ไม่มีลู่ทางให้ถอย



บทที่6 ไม่มีลู่ทางให้ถอย

บทที่6 ไม่มีลู่ทางให้ถอย

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าส่งสัญญาณ ก่อนจะแยกออกมา

หวังจะเดินไปยังลานจอดรถ

แต่พวกนักข่าวไม่ได้คิดจะปล่อยเธอไปตั้งแต่แรก หนึ่ง ในนั้นเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินออกไปก็รีบฉุดลากยั้ง เธอเอาไว้เสียก่อน

หญิงสาวที่กำลังจะเดินลงบันไดไม่ทันจะได้ยั้งตัว ก็เริ่ม ทรงตัวไม่อยู่ ทั้งตัวล้มตกลงไปที่พื้น ขาเธอแดงเป็นน้ำมัน ชาเสียจนรู้สึกเจ็บ

อยู่ๆก็เกิดเรื่องทำเอานักข่าวที่ล้อมอยู่ตกใจ

คนที่เป็นคนทําให้ไปเสว่เอ๋อร์ล้มมองไปยังเธอก่อนจะ รีบแบมือกางออกเฉไฉราวกับไม่ได้ทำอะไรผิด “ทุกคนก็ เห็นนะ เธอล้มลงไปเอง ไม่ได้เกี่ยวกับฉันเสียหน่อย”

คนถูกกล่าวถึงไม่ได้พูดอะไรตอกกลับ ริมฝีปากบางเม้ม แน่น มือทั้งสองที่ค้ำยันพื้นค่อยๆยกขึ้นมา ความแสบร้อน จากแผลที่ข้อเท้ายังคงมาพร้อมกับเลือดที่ไหลซิบๆรอบๆ บาดแผลนั่น เธอพยายามเป่าลมจากปากแผ่วๆ เพื่อให้ ความเย็นช่วยชำระความเจ็บของบาดแผลนั่นให้ดีขึ้นไม่ มากก็น้อย
เธอกัดฟันทนความเจ็บนั่นก่อนจะรีบเดินกลับตรงไปที่

รถ

นักข่าวทั้งหมดตื่นตะลึงไปชั่วครู่ก่อนที่ไม่นานหลังจาก นั้นก็ไม่รู้ว่าใครในนั้นก็หูยออกมาซะเสียงดัง “ผู้หญิงคนนี้ หน้าหนาเสียจริงๆ ถึงขนาดนี้แล้วก็ยังทำตัวเป็นคุณหนูผู้ ร่ำรวย ไม่รู้เลยเผลอๆวันพรุ่งนี้ก็อาจจะล้มละลายเละไป หมด แล้วยังจะโกหกไปทั่วอีก”

ในอาคารตึกเผยชื่อ เผยลีเชินทำเพียงยืนอยู่หน้า หน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานในล็อบบี้และมอง ดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง และเพราะความ เรียบเฉยนั่นทำเอาคนรอบข้างคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่า อีกคนคิดอะไรอยู่

รอจนไป๋เสว่อเอ๋อร์ขึ้นรถขับออกไปร่างสูงจึงยอมที่จะ เอ่ยปากสั่ง “ไปจัดการพวกคนข้างนอกให้เรียบร้อย

“รับทราบค่ะประธานเผย

ตั้งแต่ที่ออกมาจากเผยซื่อ ไป๋เสบู่เอ๋อร์ก็ตรงดิ่งสู่ไป๋ซื่อ ในทันที

ตอนนี้บริษัทเหลือพนักงานไม่มากแล้ว จะมีก็แต่พนักงานเก่าๆที่ตามคุณพ่อถังมาตั้งแต่แรกๆ และหนึ่งในนั้นก็ คือเลขาส่ง

ทันทีที่ไป๋เสบู่เอ๋อร์ออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นเลขาส่งถือ เอกสารปีกใหญ่เดินสวนออกมาทันที สีหน้าไม่ค่อยจะดี เท่าไหร่

เธอรู้สึกเป็นห่วง มองไปยังเลขาสังก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ประธานไป ธนาคารทางนั้นเร่งให้เราคืนเงินโดยด่วน พวกเขาแจ้งมาว่าถ้าภายในอาทิตย์ไม่มีเงินเอาไปให้ ก็คง เอาคฤหาสน์ที่คุณหนูกับคุณหญิงอยู่ไปประมูลขายแล้ว เผยซื่อทางนั้น…”

วันนี้เกิดข่าวใหญ่ขนาดนั้น เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าทาง ธนาคารจะต้องรีบดำเนินเรื่องเข้าไปอีก ก็แค่ไม่คิดว่า มันจะรีบเร่งขนาดนี้ เธอมองสีหน้าที่ซีดเซียวของเลขา ของเธอเองที่จัดการเรื่องทั้งกลางวันและกลางคืน ก็เริ่ม ที่จะทนไม่ไหว “เลขาส่ง เธอยังจำคุณชายจ้าวที่แต่ก่อน พยายามที่จะนัดฉันหลายต่อหลายครั้งนั่นได้ไหม สำหรับ คนนี้เธอคิดว่าเขาเป็นยังไง?”

“จ้าว… จ้าวหยางหลิน?”

“ใช่ เขานั่นล่ะ” ไปเสว่เอ๋อร์พยักหน้า “เธอไปส่งข้อความให้เขา บอกว่าฉันช่วงนี้มีเวลาว่าง ดูว่าเขาพอที่ จะมีเวลาว่างออกมาสักหน่อยไหม…”

“ท่านประธานแบบนี้มันไม่ได้นะคะ!” ว่ายังไม่ทันไร ประโยคก็เลขาสังก์ว่าลั่นตัดจบ

จ้าวหยางหลินนั่นเป็นพวกเศรษฐีใหม่ มารยาท วัฒนธรรมแทบจะเรียกว่าไม่มี นอกเสียจากมีเงิน คนร้าย กาจน่ารังเกียจแบบนั้น ไปเจอจะมีอะไรดีขึ้นกัน?

ไปเสว่เอ๋อร์เข้าใจความเป็นห่วงของเลขาของเธออย่าง ไม่ต้องสงสัย แต่ในตอนนี้เธอและไป๋ซื่อกำลังตกอยู่ใน ทางที่มืดบอด ที่อย่างน้อยถ้ามีสักความหวังนึงก็ไม่อยาก ที่จะไม่ลองดู

ใจที่ขมขื่น เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังปลอบโยนเลขา ส้งหรือว่าตัวของเธอเอง “ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้มันแย่ไป แล้วมันจะแย่ลงไปกว่านี้ได้ถึงไหนกัน? …ฉันจะดูแลตัว เอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

“แต่ว่า”

“ไม่ต้องพูดแล้วสัง ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่เวลานี้ อะไรจะเกิด ฉันก็ไม่กลัวทั้งนั้น” แน่นอนว่าเส้นทางนี้นั้น แสนเดินลำบาก แต่เธอก็ไม่รู้ ไม่มีลู่ทางให้ถอยอีกต่อไป แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ