บุรุษมารทมิฬ

บทที่9 สองรุมหนึ่ง



บทที่9 สองรุมหนึ่ง

“เจ้าเป็นใครกันแน่?

“ชื่อของข้าชื่ออะไรนั้นไม่สำคัญ แต่เจ้าบังอาจลบหลู่บิดา มารดาของข้า ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้หลาบจํา

กล่าวเสร็จ เซียวเย่ตั้งท่าจับกระบี่ที่อยู่ข้างหลัง พุ่งเข้าไปทาง หัวเฉิน ด้วยเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวร่างกายเหมือนมีคลื่นสีดำแผ่ ออกมาจากร่างกาย เวลาที่เคลื่อนไหวจะมีคลื่นสีดำตามติดตัว มันช่วยเพิ่มความเร็วได้หลายส่วน ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจก็มาถึง หน้าหัวเฉินแล้ว

วิชาเคลื่อนไหวบ้าอะไรกัน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน

หัวเฉินคิดในใจ

ทันทีที่มาถึงเบื้องหน้าหัวเฉิน เซียวเยจับกระบี่ที่อยู่ข้างหลัง ข้างหลังแน่น พลังปราณในตันเถียน ดั่งกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก เซียวเยถ่ายพลังปราณลงไปในกระบี่ ใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาต่อสู้ ฟินกระบี่ออกไป

“เพลงกระบี่มารฟ้า กระบวนท่าที่ 1 ทลายฟ้า!!

คลื่นสีดำทมิฬจากกระบี่ ทะลักออกมาเป็นคลื่นขนาดใหญ่ ฟาดใส่หัวเฉินในระยะเผาขน

หัวเฉินรวมรวมพลังปราณใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวพุ่งถอยหลังออกไป ตะโกนออกมา

“อย่ามาดูถูกกันนะโว้ยย!!

หัวเฉินจับดาบในมือแน่น ส่งพลังปราณลงไป พลังอัคคีพาย พุ่งออกมา ครอบคลุมตัวดาบเอาไว้ ฟาดออกไป

” อัคคีเผาไหม้!! ”

คลื่นเปลวเพลิงพุ่งออกมาพุ่งไปข้างหน้าปะทะเข้ากับคลื่นสีดำ

ตูมมมม!!

“ไหม้เป็นจุณไปซะ!!!”

หัวเฉินกล่าวพูดด้วยอารมณ์ที่โมโห

แต่เปลวเพลิงที่เข้าปะทะเหมือนจะอ่อนกำลังลง มันถูกคลื่นสี ดำกลืนกินเข้าไปเหมือนยาบำรุงให้กับมัน พุ่งต่อไปเหมือนการ ปะทะเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“นี่มันบ้าอะไรกัน!”

หัวเฉินตื่นตกใจ กัดฟันใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาป้องกันต่อใน

ทันที

“ม่านเพลิง!!”

พลังเพลิงพุ่งออกมาจากร่างกายหัวเฉิน มันแปรเปลี่ยนรูปร่าง กลายเป็นม่านเพลิงเพื่อป้องกัน คลื่นสีดำพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง
“เปล่าประโยชน์

เขียวเข่กล่าวออกมา ยืนมองดูอยู่กับที่ด้วยสายตาเฉยเมยอยู่ อย่างนั้น

คลื่นสีดำกลืนกินพลังเพลิงเข้าไปอีกครั้ง มันทรงพลังยิ่งขึ้น กว่าก่อนหน้านี้เป็นไหนๆ ถาโถมเข้าใส่หัวเฉินเข้าเต็มๆ

“อ๊ากกกก!!”

เซียวเย่ ที่กำลังมองดูอยู่ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้องจาก ด้านหลัง บังคับกระบี่ในมือฟันสวนออกไปข้างหลัง

เคร้ง!!

เสียงกระบี่ปะทะกัน

“การรับรู้เฉียบคม แข็งแกร่งไม่น้อย…แต่มันก็น่ารำคาญเช่น เดียวกัน เจ้าน่ะ..

เสงี่ยเจี้ยนกล่าวออกมา พร้อมกับแอบลอบโจมตีเซียวเย่จาก

ทางด้านหลัง

“โอ้..งั้นหรอ ลอบโจมตีคนข้างหลังนี่ มันไม่น่ารำคาญเลย สินะ ”

“เจ้าอย่าได้พูดอย่างนั้น เค้าเรียกว่า ใช้ความฉลาดในการ โจมตีตอนที่ศัตรูไม่ได้ตั้งตัวถึงจะถูกต้อง”

เสวี่ยเจี้ยนกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เซียวเย่กับเสงี่ยเจี้ยน ต่างฝ่ายต่างฟันกระบี่เข้าปะทะกัน
เคร้ง เคร่งๆๆๆๆๆๆ

ในขณะที่เซียวเย่กำลังปะทะกระบี่อยู่กับเสงี่ยเจี้ยน

หัวเฉิน หยิบยาโอสถออกมากลืนลงไป บาดแผลและความ เจ็บปวดเริ่มบรรเทา ผืนจับดาบพุ่งเข้าไป ฟันดาบเข้าใส่เซียวเย่ จากอีกช่องทางหนึ่ง

“เสวี่ยเจี้ยน โจมตีไอ่เลวนพร้อมกัน!!

หัวเฉินหันหน้าไปทางเสวี่ยเจี้ยนกล่าวตะโกนออกมา

“รุมรี? ไหนเห็นคนอื่นเค้าพูดกันว่าพวกเจ้ามักเป็นศัตรูกัน ทำไมตอนนี้ร่วมมือกันซะได้เบี้ย สงสัยข่าวที่ได้ยินจะฟังมาผิด เสียแล้ว”

เซียวเยี่ยังคงไว้ด้วยหน้าตาที่เย็นชา คล้ายไม่รู้สึกอะไรที่จะ เอามาพร้อมกัน กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าไปฟังที่ไหนมา พวกข้ารักกันปานจะกลืนกิน มา แต่ไหนแต่ไรแล้ว”

หัวเฉินหัวเราะกล่าวแก้ตัว

“ศัตรูของศัตรูคือมิตร

เสงี่ยเจี้ยนกล่าวตัดบท

เมื่อกล่าวกันได้เพียงเล็กน้อย เวลาไม่คอยท่า หัวเฉินกับเสงี่ย เจี้ยนพร้อมใจกันพุ่งเข้าใส่เซียวเข่พร้อมกัน

บริเวณนี้มีจอมยุทธ์และผู้มีพรสวรรค์อยู่มากมายหลายพันคนทุกสายตาทุกคนล้วนจดจ่ออยู่ที่ตำแหน่งเดียวกัน นั่นคือ ตำแหน่งที่ คุณชายหัวเฉินและคุณชายเสงี่ยเจี้ยน ผู้มีพรสวรรค์ แนวหน้าของแผ่นดินต้าเชียงกำลังรุมสะกำเด็กน้อยผู้หนึ่ง และ เด็กน้อยผู้นั้นยังไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย

“บ้ากันไปใหญ่แล้ว ไอ้หนูนั่นมันเป็นใครกัน

“ดูๆไปแล้ว อายุไม่เกิน15ปีแน่นอน นี่มันสุดยอดผู้มี พรสวรรค์!!”

“เฮ้! พวกเจ้า มีใครเคยเห็นหน้าหรือรู้จักเด็กน้อยคนนั้นไหม?

“ข้าคิดว่า ไม่น่าจะมีใครรู้จักหรอก เด็กน้อยคนนั้น น่าจะเก็บ ตัวอยู่แต่ในตระกูลหรือบ้านเท่านั้น ถ้าออกมายังที่แจ้งก็คงไม่มี ชีวิตมาจนถึงป่านนี้ ”

“ขนาดสองคุณชายรุมกันยังเอาไอ่เด็กนั่นไม่ลง”

“สองคุณชายนี่มันก็หน้าไม่อายกันเลย

“จังหวะนี้ใครสนกัน เจ้าลองดูสิขนาดรุมกันยังเอาเด็กนั่นไม่ ลง ถ้าไม่รุมคงโดนเจ้าเด็กนั้นตบเลี้ยง ก็คงกลัวว่าเสียหน้านั่น แหละ”

หัวเฉินกับเสวนเจี้ยน กระหน่ำโจมตีพร้อมๆกันไม่ยอมหยุด

“อัคคีเผาไหม้!”

“คลื่นเหมันต์กระหน่ำ!”

คลื่นเปลวเพลิงและแท่งน้ำแข็งขนาดเล็กจำนวนมาก พุ่งเข้ามาหาทางเชียวเ

เซียวเย่เพ่งดูด้วยความเย็นชา สูดหายใจเข้าลึกๆ ‘วู๊ดดดดด

พลังปราณส่งผ่านไปยังอาวุธที่ถืออยู่ กระบี่ลุกโชนไปด้วย คลื่นสีดำห่อหุ้มมันเอาไว้

“เพลงกระบี่มารฟ้า กระบวนท่าที่2 มารหวนคืน!!!

เซียวเย่พุ่งเข้าไปตั้งท่าจับกระบี่ที่อยู่ในมือเก็บเข้าไปในฝัก

กระบี่

บรูมมม

ในจังหวะที่กระบี่เสียบเข้าฝัก คลื่นพลังทมิฬสีดำลุกโซนยิ่งขึ้น อย่างมหาศาล จนมันครอบคลุมตัวเซียวเยเอาไว้

“เห้ยๆๆ เจ้าหนูนั่นมันพุ่งเจ้าไปรับเคล็ดวิชาต่อสู้ของทั้งสอง

คุณชายซึ่งๆหน้าเลยรี”

“ยังสติดีอยู่ไหมเนี่ย”

“เจ้าหนูนั่นตายแน่!!”

คลื่นพลังสีดำลุกโชนปะทะกับเปลวเพลิงและน้ำแข็ง

ตูมมมม!!

พอเปลวเพลิงและน้ำแข็งปะทะเข้ากับคลื่นสีดำ คลื่นสีดำก็ลุก โชนยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น จนมันเป็นคลื่นพลังสีดำขนาดใหญ่ยักที่ลุกโซน

ใช่! มันกลืนกินพลังข้างหน้ามันเข้าไป

“นี่มันเคล็ดวิชาอะไรกัน ร้ายกาจมาก มันกินพลังวิชาพวกเรา เข้าไปเหมือนขนมเลย น่ารำคาญเหลือเกิน..

เสงี่ยเจี้ยนกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนจะเคร่งเครียด

“ไอ่เด็กนี่…”

หัวเฉิน เส้นเลือดปูดขึ้นเต็มใบหน้าไปเสียแล้วตอนนี้

ภายในคลื่นนั้น เซียวเยตั้งท่าโน้มกายไปข้างหน้าจับกระบี่ที่ เสียบอยู่ในฝักแน่น คลื่นสีดำจากที่ลุกโชนก็ลดลง ลดลง จนมันกลับมาลุกโชนที่กระบี่เหมือนก่อนหน้า แต่! มันลุกโชน

แตกต่างไปจากตอนแรก ตอนนี้ผู้ชม โดยนอบยังสามารถที่จะ

สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่กักเก็บไว้ฝึกกระบี่

“ขอบคุณที่เลี้ยง ถึงตาข้าบ้างแล้ว! ใครหลบเป็นไอ่ลูกหมา!!”

เซียวเยตะโกนเสร็จพุ่งเข้าไปหาทั้งสองคน โดยที่มือยังจับ กระบี่ที่คาฝักเอาไว้ กระโดดขึ้นฟันลงมายังด้านล่างพื้น

“เพลงกระบี่มารฟ้า มารทลายฟ้าคืนกลับ!!!

คลื่นสีกาทมิฬขนาดยักใหญ่พุ่งลงมาจากทางด้านบน

“บัดซบ!! มันดูทรงพลังกว่าตอนแรกเสียอีก”
หัวเฉินมองขึ้นไปบนฟ้าด้วยความรู้สึกความกดดัน สบถออก

มา

ทั้งสองมองหน้ากัน พยักหน้าให้กันเงียบๆ หัวเฉินและเสวี่ย เจี้ยน ถึงพลังปราณที่เหลืออยู่ออกมาจนเกือบหมด

“เคล็ดวิชาลับเพลิง เพลิงล่องทำลายเงา!!” “เคล็ดวิชาลับเหมันต์ เหมันต์ดับตะวัน!!

ล่าแสงสีแดงกับลำแสงสีขาว พุ่งขึ้นไปปะทะกับมารทลายฟ้า คืนกลับ

“อ๊ากกก”

หัวเฉินกับเสงี่ยเจี้ยน ปลดปล่อยพลังตนเองออกมาถึงขีดสุด

ตูมมมม!!

เหมือนมารทลายฟ้าคืนกลับจะกลืนกินพลังระดับนี้ไม่ไหว ทำให้มันระเบิดออกมา แต่สองลำแสงยังคงพุ่งต่อไปยังเซียวเย่ ถึงพลังจะลดลงไปหลายส่วนแล้วก็ตาม

“เหอะ! แค่นี้ก็ถึงกับใช้ไม้ตายก้นหม้อแล้วงั้นหรือ ดี! งั้นก็ตาย มันทนแหละ..

เซียวเย่เริ่มโมโห พลังปราณที่ยังมีอยู่เหลือเฟือเริ่มลุกโชน มัน ถูกส่งไปยังเท้าทั้งสองข้าง

ซูมมมม

คลื่นทมิฬลุกโซนที่ขาทั้งสองข้าง ก่อนที่เซียวเยจะใช้ออกด้วยเคล็ดวิชา ในบัดดล

‘เคล็ดวิชาเงาพราย กระบวนท่ายางก้าวที่ 2 พรายพริบตา

เซียวเปรากฏตัวขึ้นที่ข้างหลังของทั้งคู่ในพริบตา!!

‘แย่แล้ว’

หัวเฉินและเสวี่ยเจี้ยนพร้อมใจกันตกใจถึงสุดขีด อยู่ๆเขียวเย ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ ทั้งๆที่ตอนแรกยังอยู่กลางอากาศไม่ใช่ หรือ?

กระบี่สังหาร กระบวนท่าที่ 2 สิ้นชีพพริบตา!!

ซิ้งง!! กระบี่พุ่งออกเป็นเส้นแสงสีดำ มุ่งไปที่ศีรษะของหัวเฉิน หมายสังหาร

ระหว่างที่เส้นแสงสีดำนั้นพุ่งเข้าไปหาหัวเฉิน

ก็ปรากฏชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าชุดสีฟ้าขึ้น ฟันดาบลงไปด้าน เอาไว้ ด้วยมือข้างเดียว

“เคร่ง!”

กระบี่ของเซียวเปะทะเข้ากับดาบเล่มหนึ่ง

เซียวเย่กระโดดถอยหลังออกมา มองไปยังคนที่เข้ามา

ขัดจังหวะ

“ใจเย็นก่อน จอมยุทธน้อย…
ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันไปทางหัวเฉิน และเสวี่ยเจี้ยน

“จอมยุทธทั้งสอง พวกท่านมาที่นี่เพื่อรับการทดสอบใช่หรือไม่

ไปเถอะ…

พอได้ฟังคำกล่าว ทั้งสองคนก็มองหน้ากันก่อนจะส่งสายตาไป ทางเซียวเคล้ายกำลังไม่พอใจอยู่ ก่อนจะตัดสินใจเดินทางต่อ

เข้าไปในหุบเขา

เซียวเย่เดินเข้ามา ชายคนนี้มีรูปร่างกำยำ ผิวเข้ม หนวดเครา เล็กน้อย มีดาบเสียบอยู่ข้างหลัง ดูน่าเกรงขาม

“ข้าต้องขอบคุณท่านหรือไม่?”

เซียวเข่กล่าวถาม รู้สึกไม่พอใจที่ชายคนนี้เข้ามาห้าม ชายคนนั้นพอได้ฟังก็หัวเราะเบาๆ

“หึหึหึ ไม่ต้องขอบคุณหรอก ควรเป็นพวกนั้นมากกว่ากระมัง แถวนี้ถ้ามีคนตายจะเกิดเรื่องยุ่งยาก ข้ารับคำสั่งมา ถ้าร้ายแรง ให้ใช้กำลังเข้าห้ามไว้

“จอมยุทธน้อย ชื่อของเจ้า…?”

“ข้าชื่อเชียวเย่”

“เซียวเย…งั้น ข้าชื่อ หยางเจี้ยน ถ้าเจ้าผ่านการทดสอบข้าก็ เป็นศิษย์พี่ของเจ้าสินะ”

หยางเจี้ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าข้าผ่านนะ..”

เซียวเย่ กล่าวเสร็จก็เดินทางต่อไปยังหุบเขา โดยไม่หันกลับ มามอง

ตอนนี้รอบข้างเต็มไปด้วยความเงียบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียง ได้ แต่มองดูเซียวเย่ ก้าวเดินไปยังหุบเขา จนหายลับตาไปในที่สุด…

“เห้ออ น่ากลัวจริงๆ เมื่อกี้ถ้าไม่มีคนมาห้าม หนึ่งในสอง คุณชายคงสิ้นชื่อไปแล้ว

“ล้อเล่นด้วยไม่ได้แล้ว อายุยังน้อยแต่พลังยุทธ์เก่งกาจเกินวัย

ยิ่งนัก”

“เจ้าเห็นสองคุณชายนั้นไหม หอบแดกหายใจกันแทบไม่ทัน แล้วดูเจ้าหนูนั่นสิ หน้าตาสงบนิ่งดูแล้วไม่เหนื่อยสักนิดเดียว”

“เด็กน้อยนั่นเอเซียวเย่งั้นหรือ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

เลย”

อยู่ๆก็มีร่างปรากฏขึ้นข้างกายหยางเจี้ยน นางสวมเสื้อผ้าสีฟ้า

แตกต่างจากของหยางเจี้ยนตรงขากางเกงเป็นแบบฉีกขา ทำให้

แอบเห็นเรียวขาอันขาวเนียนแวบหนึ่ง มีโครงหน้าที่โค้งแหลม

เล็กน้อย ดวงตากลมโต ทรวดทรงของนางจัดได้ว่างดงามเหลือ

เชื่อ! ผิวอันขาวเนียนนุ่มบวกกับสีผมสีน้ำตาลอ่อนจางๆ ทำให้

เต็มไปด้วยเสน่ห์ในสายตาคนที่มอง

“หืมม! เสี่ยวหลิน ลมอะไรหอบมา”
“ท่านอาจารย์เรียกนะ ว่าแต่ เคล็ดวิชาที่เด็กคนนั้นใช้เจ้าเคย เห็นมาก่อนหรือไม่”

“ไม่เคยเลย ในสำนักไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับวิชาแบบนี้มา ก่อน คลื่นสีดำนั่นมันเหมือนอสูรที่หิวกระหายกลืนกินทุกสิ่ง ถ้า ในอนาคตเจ้าหนูเซียวเข่นั้นขึ้นสู่เต๋าสะสม ต่อให้เป็นข้าก็คงต้อง ใช้สองมือเข้าด้านแล้ว

“โอ้ว ถ้าเจ้า ใช้สองมือเข้าร้าน ข้าก็คงต้องใช้สองนิ้วมือแล้ว

เสี่ยวหลินกล่าวพร้อมเบ้ปาก มองด้วยสายตาดูหมิ่น

“อ้อหรอ ถ้าเจ้าถึงกับต้องใช้สองนิ้วมือ งั้นข้าก็ถึงกลับต้องใช้ นิ้วชี้ข้างขวาของข้าแล้วสิเนี้ย”

หยางเจี้ยนก็ไม่ยอมน้อยหน้าเถียง ข้างๆ คูๆ

“นิ้วชี้ข้างขวาที่เจ้าถนัดเลยงั้นหรือ งั้นขาคงต้องใช้นิ้วชี้ข้าง ซ้ายแล้วสิเนี่ย ข้างไม่ถนัดซะด้วยสิ..

“เหอะ! ถ้าเจ้าใช้นิ้วชี้ข้างซ้าย ข้า

หยางเจี้ยน เถียงยังไม่ทันจะจบก็มีเสียงส่งมาจากที่ห่างไกล

“ไอ่เจ้าพวกลูกศิษย์บ้า พวกเจ้าจะเถียงกันอีกนานมั้ย ข้าผู้เป็น อาจารย์จะได้ไม่ต้องรอ !!!!

เคล็ดวิชาเงาพรายกับเคล็ดวิชาสังหาร คือ เคล็ดวิชา เคลื่อนไหวกับเคล็ดสังหาร ของกองกำลังเงา ที่เซียวเยสอนให้นะครับ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ