บุรุษมารทมิฬ

บทที่1 เกิดใหม่



บทที่1 เกิดใหม่

ตระกูลเซียว

เด็กน้อยลืมตาขึ้นมา ที่นี่คือที่ไหนกัน? ทำไมถึงรู้สึกว่า ตัว เล็กไม่มีเรี่ยวแรงเลย’ เด็กน้อยกำลังคิดกับสิ่งที่เกิดกับตนเอง

“ฮ่าฮ่า ฮ่า เกิดแล้วๆ ลูกของข้า เขียวหยางผู้นี้

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังเข้ามาในหู เด็กน้อยหันไปมองลูก ของข้า?

นี่เราเกิดใหม่อย่างนั้น ให้ตายเถอะ! เรื่องแบบนี้มันมีแต่ใน นิยายไม่ใช่หรือไงกัน แต่ก็เอาเถอะ โลกเดิมก็ไม่มีอะไรให้ทำ แล้ว ลองหาอะไรทำในโลกนี้ดูก็แล้วกัน

ขบคิดกับตนเองแล้วจึงหันไปมองพ่อ และแม่ ที่ให้กำเนิด

“สามีท่านตั้งชื่อให้ลูกเราไว้หรือยัง?” เซียวหงหันไปถามสามีตนเอง

“ตั้งแล้ว ตั้งแล้ว ข้าตั้งไว้ หลายชื่อ หลายสรรพนาม ออกมาได้ ว่าชื่อ เซียวเย่ ฮ่าฮ่า เป็นไง ยอดเยี่ยมมั้ยน้องหง

“จ้า จ้า ยอดเยี่ยมๆ”

เซียวหงตอบแบบขอไปที่
10 ปีต่อมา…

เมืองกวางตุง

ยามเช้าตรู่ คนเดินกันตามท้องถนนเมืองกวางตุง เมืองเล็ก แถบปลายๆเกือบถึงชายแดน เมืองมีขนาดเล็ก มากด้วยภูเขา มากมาย เมืองอยู่ร่วมกับภูเขาจัดว่ากลมกลืน ในตระกูลเซียว เด็กน้อยวัย 10 ขวบปี หน้าตาหน้ารักหน้าเอ็ดดูผิวขาว หุ่นผอม แห้ง เดินออกมาจากในห้องยามเช้า

เดินไปนั่งที่ม้านั่งข้างห้องตนเอง

“เห้อออ อยู่ในโลกนี้มาก10ปีแล้ว ใช้ชีวิตเป็นเด็กน้อยควร พอเสียที ตำราฝึกยุทธของโลกแห่งนี้ ซึ่งน่าสนใจจริงๆ แต่ละ วิชาล้วนต่างกัน จะบ่มเพาะ ก็ต้องมีเคล็ดบ่อเพาะที่ดี จะเก่งกาจ ก็ต้องมีเคล็ดวิชาที่ยอด ข้าศึกษาในห้องคัมภีร์ ของตระกูล พอ หาลู่ทางได้แล้ว ถึงเวลาสร้างเคล็ดบ่มเพาะของตนเอง!!

เคล็ดวิชาบ่มเพาะโดยทั่วไปคือการรวบรวมลมปราณโดยรอบ โคจรไว้ภายในตันเถียนรูปทรงคล้ายวงกลม ในตันเถียนของ แต่ละคนนั้นขนาดไม่เท่ากัน ซึ่งบ่งบอกถึงพรสวรรค์ของคนคน นั้น ยิ่งขนาดใหญ่ ยิ่งเก็บลมปราณได้มาก ยิ่งน้อยก็กักเก็บ ลมปราณได้น้อย เส้นชีพจรตามร่างกายจะมีส่วนช่วยในการบ่ม เพาะ เส้นชีพจรอุดตันจะทำให้การบ่มเพราะล่าช้า

ผู้มีพรสวรรค์จะมีต้นเถียนที่ไม่เล็กบวกกับเส้นชีพจรที่ไม่ได้อุด ตันมากมาย ทำให้เก่งกาจกว่าจอมยุทธโดยทั่วไป พรสวรรค์ ส่วนนึงแต่ที่สำคัญอย่างยิ่งคือเคล็ดวิชาบ่มเพาะ เคล็ดวิชาบ่มเพราะคือการช่วยรวบรวมลมปราณโดยรอบมากยิ่งขึ้น ซึ่ง รวบรวมได้มากก็ยิ่งรวบรวมลมปราณลงที่ตันเถียนได้รวดเร็วขึ้น

ถ้าผู้มีพรสวรรค์ต่อสู้กับกับคนที่ต้นเถียนเล็กกว่า ลมปราณ ต้องยิ่งน้อยกว่า ถ้าสู้แบบยืดเยี้ยย่อมมีชัยชนะ รวมถึงการใช้ พลังปราณ ในการโจมตี ยิ่งใช้มากพลังโจมตีก็ยิ่งมากตาม บวก ด้วยเคล็ดวิชาการต่อสู้ โอกาสชนะก็เลย ส่วนไปแล้ว”

ระหว่างที่เซียวเยกำลังกล่าวกับตนเอง ก็มีผู้ชายวัยกลางคน อายุย่าง 30ปี เดินเข้ามาทางเซียวเย่ “ตื่นแต่เช้าเชียวนะเซียวเอ๋อ ไม่เจอพ่อหลายวัน คิดถึงพ่อบ้างรึไม่?” เซียวหยางเดินเข้ามา กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คิดถึงอันได้กันท่านพ่อ? ไม่เจอ10วันต้องคิดถึงแล้ว ไม่เจอ หลายเดือนไม่ใช่ ที่ต้องเรียกว่าคิดถึง ท่านแค่ไปทำการค้าที่ เมืองข้างเคียง ใกล้แค่นี้ ลูกท่านหารู้สึกคิดถึงไม่

เซียวเย่กล่าวด้วยใบหน้าอมยิ้ม

“ก็เจ้านั่นแหละพอ4ขวบก็อ่านออกเขียนได้ ข้ายังอดนึกไม่ได้ ว่าลูกคนอื่นด้วยซ้ำไป เอาแต่อ่านตำราในจวนตระกูล ยังไม่พอ ให้พ่อไปตระเวนหาซื้อ ตำราฝึกยุทธทั่วไปไปทั่ว ”

“พ่อเข้าใจว่าลูกอยากฝึกยุทธ แต่เคล็ดบ่มเพราะของตระกูล เราก็ยังดีกว่าของท้องถนนพวกนี้ ถึงจะไม่ถือว่ายอดเยี่ยมแต่ก็ไม่ ได้แย่กว่าของพวกนี้ เจ้าต้องรออายุ 15 ปี ให้เส้นชีพจรกับตันเถีย นของเจ้าเติบโตเต็มที่เสียก่อน ฝันฝึกก็มีแต่เก็บลมปราณรั่วไหล จะระเบิดเอาได้ แถมตำราที่บ้านเราตอนนี้ก็กองจะเป็นภูเขาอยู่แล้ว เจ้าจะให้พ่อปวดใจตายรึไงกัน”

เซียวหยางพูดพร้อมแสร้งทำหน้าช่วยๆ

“พอเลยๆ ท่านพ่อท่านยังหนุ่มยังแน่น จะป่วยได้อย่างไร ถ้าจะ ป่วยข้าจะได้บอกท่านว่าท่านร่างกายอ่อนแอ จะได้ให้ท่านยก ให้ท่านอาเป็นผู้นำตระกูลแทนดีไม่ ช่างจะได้นอนบนเตียง ยาวๆได้อย่างสบายใจ “เซียวเข่พูดพร้อมหัวเราะลั่น “เพ้ยย ไม่ทันไร จะหักหลังพ่อตนเองซะแล้ว พอๆ ข้าไม่ว่างมาเล่นกับเจ้า แล้ว ไปทานข้าวได้แล้ว แม่เจ้ารอจนหิวแล้วกระมัง

พูดเสร็จสองพ่อลูกก็ไปกินข้าวกับแม่พร้อมหน้าพร้อมตา พอ กินเสร็จเซียวเย่ก็กลับมาที่ห้องของตนเองบอกบ่าวไพร่ห้าม รบกวน นั่งลงบนเตียง พร้อมขัดสมาธิ

“จากการเข้าอ่านตำราบ่มเพราะหลายปี เคล็ดบ่มเพราะ แต่ละวิชาสามารถช่วยรวบรวมลมปราณ แบ่งเป็นขั้นต่ำ กลาง สูง ระดับทั่วไป ระดับดับพิภพ ระดับสวรรค์ ระดับทั่วไปขั้นกลาง ขึ้นไปถึงขั้นสูงถือว่าหาได้ยากมากแล้ว ไม่ต้องถึงพูดถึงระดับ พิภพเลย ระดับตระกูลใหญ่ชั้นสูงเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ครอบครอง เคล็ดบ่มเพราะระดับพิภพ ระดับสวรรค์คงมีแต่ในตำนานกระมัง เคล็ดบ่มเพราะของตระกูลเซียวคือระดับทั่วไป ขั้นกลาง ไม่ดีไม่ แย่จนเกินไป ที่อ่านมาหลายพันเล่มล้วนแต่เป็นตำราทั่วไประดับ ต่ำ ข้าจะใช้เคล็ดบ่มเพราะของตระกูลเป็นต้นแบบแนวทางการ สร้างเคล็ดบ่มเพราะของข้าเอง”

กล่าวเสร็จจึงเริ่มกระทำ เคล็ดบ่มเพราะแต่ละวิชา มีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกัน บางจุดกว่าเคล็ดเคล็ดบ่มเพราะของตระกูลคือการรวบรวมหนาแน่นแล้วดูด กลืนเข้าไปในร่างกายตามเส้นชีพจรในร่างกาย

เคล็ดบ่มเพราะตำราอื่นส่วนใหญ่เป็นการดูดกลืนเข้าเลย แตกต่างแค่เดินลมปราณตามชีพจรเท่านั้น ชาติก่อนจัดได้ว่าเป็นอัจฉริยะ หลายที่ผ่านมาอ่านตำราจดจําได้อย่าง แม่นยำอยู่หัว เซียวเริ่มการดัดแปรงตำราหัว

ผ่านไปวัน ยามเช้าตรู่ ที่จวนตระกูลเซียว ในห้อง เซียวที่ นั่งสมาธิหลับตาอยู่ ลืมตามา

“เสร็จแล้วฮ่า ฮ่า ฮ่า เคล็ดบ่มเพราะตำราคือการเอา

และส่วนมากันกลายส่วนทั้งหมด ได้ออกมา

เคล็ดบ่มเพราะระดับทั่วไปชั้นแล้วกระมัง

“ถ้าข้าฝึกยุทธ์ ใช้ลมปราณแทนสายตา ข้าจะสามารถอ่าน ตาราได้รวดเร็วเป็นเท่าพันเท่า ยิ่งอ่านมากสามารถ เอาแก้ไข ตำราให้ขึ้น รวบรวมได้มากพอ บ่ม เพาะระดับสวรรค์อย่างไร

โดยปกติจะบ่มเพาะต้องรออายุ15ปีเพื่อยุทธ์ เพราะเป็น เวลาที่ชีพจรตันเถียนเติบโตเต็มที่ แต่ข้าคำนวณแล้วปล่อยต่อไปให้เส้นชีพจรเติบโต ลมปราณได้ แต่ก็สิ่งอุดตันมากขึ้นไปด้วย ส่วนเถียนถึงด้อยที่ต่างกัน บางจุดกว่าเคล็ดเคล็ดบ่มเพราะของตระกูลคือการรวบรวมหนาแน่นแล้วดูด กลืนเข้าไปในร่างกายตามเส้นชีพจรในร่างกาย

เคล็ดบ่มเพราะตำราอื่นส่วนใหญ่เป็นการดูดกลืนเข้าเลย แตกต่างแค่เดินลมปราณตามชีพจรเท่านั้น ชาติก่อนจัดได้ว่าเป็นอัจฉริยะ หลายที่ผ่านมาอ่านตำราจดจําได้อย่าง แม่นยำอยู่หัว เซียวเริ่มการดัดแปรงตำราหัว

ผ่านไปวัน ยามเช้าตรู่ ที่จวนตระกูลเซียว ในห้อง เซียวที่ นั่งสมาธิหลับตาอยู่ ลืมตามา

“เสร็จแล้วฮ่า ฮ่า ฮ่า เคล็ดบ่มเพราะตำราคือการเอา

และส่วนมากันกลายส่วนทั้งหมด ได้ออกมา

เคล็ดบ่มเพราะระดับทั่วไปชั้นแล้วกระมัง

“ถ้าข้าฝึกยุทธ์ ใช้ลมปราณแทนสายตา ข้าจะสามารถอ่าน ตาราได้รวดเร็วเป็นเท่าพันเท่า ยิ่งอ่านมากสามารถ เอาแก้ไข ตำราให้ขึ้น รวบรวมได้มากพอ บ่ม เพาะระดับสวรรค์อย่างไร

โดยปกติจะบ่มเพาะต้องรออายุ15ปีเพื่อยุทธ์ เพราะเป็น เวลาที่ชีพจรตันเถียนเติบโตเต็มที่ แต่ข้าคำนวณแล้วปล่อยต่อไปให้เส้นชีพจรเติบโต ลมปราณได้ แต่ก็สิ่งอุดตันมากขึ้นไปด้วย ส่วนเถียนถึงนําเนินต่อไปเชียวเย็จะเป็นผู้ฝึกยุทธทันที

แต่ด้วยตันเถียนที่เล็กแค่นี้ อย่าว่าแต่ผู้ฝึกยุทธทั่วไปเลย คน ทั่วไปยังจะโดนเค้ากระทืบได้ ถ้าระงับต่อไปตันเถียนจะระเบิด เอาได้ แต่คนบ่มเพาะคนนี้ ฉลาดเพียงใด เซียวเย่เริ่มเอา ลมปราณจากเส้นชีพจรห่อตันเถียนเอาไว้เรื่อยๆจนหน้าแน่นขึ้น เรื่อยๆจนมีสีใสห่อหมต้นเรียนเอาไว้

ที่ลมปราณข้างในที่เต็มพร้อมจะทะลวงชั้นก็ทะลวงไม่ได้ จะ แตกก็ไม่ได้ ผ่านไปสักพัก มันก็เริ่มปรับตัวขยายขนาดใหญ่ขึ้น เรื่อยๆ จนมีขนาด 1 จั้ง 2 ง3จัง จนมีขนาดตันเถียนโดยทั่วไป ซะแล้ว

“ขนาดตันเถียนเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปแล้ว แต่ถ้าข้าพอแค่นี้ จะไปทำอันใดได้กัน โลกก่อนข้าอยู่จุดสูงส่งด้วยสมอง โลกนี้ข้า ก็จะขึ้นไปด้วยพลังยุทธ์”

เขียวเย่ยังไม่หยุด ยังทำต่อไป 7 วันผ่านไป เซียวหยางกับ เซียวหงเห็นลูกเก็บตัวอยู่ในห้อง บ่าวไพร่บอกไม่กินข้าวกินน้ำ ก็ นึกเป็นห่วงมาตามที่หน้าห้อง ระหว่างกำลังเดินมาจะเรียกหา ก็ได้ยินเสียงดังฟูมมม ดังมาจากข้างในห้อง

“ยอดเยี่ยม! ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น รู้สึกถึงลมปราณรอบตัว ร่างกายได้ผ่านลมปราณเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ สูงขึ้นไม่เล็กน้อย ในตันเถียนของข้า มีขนาดใหญ่ถึง10ตั้งแล้ว อย่างนี้คงเรียกได้ ว่าผู้ฝึกยุทธ์พรสวรรค์ได้แล้ว ขอบเขต ปราณสะสมขั้นที่1 ข้ามา ถึงแล้ว…”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ