บุรุษมารทมิฬ

บทที่ 4 กองกำลังเงา



บทที่ 4 กองกำลังเงา

นําหนักเขียวเย

“นายท่าน”

เย่หลิว เดินเข้ามาคุกเข่าหนึ่งคอมมือทำความเคารพ

“อืมม”

เซียวเย่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จิบชาชมบรรยากาศโดยรอบ

“ข้าเกณฑ์กองกำลังมาแล้ว 100 คน ตามที่นายท่านสั่ง อายุ อยู่ในช่วง15ถึง20ปี คนส่วนใหญ่ไม่อาจฝึกยุทธ์ได้ บางคนฝึก ยุทธ์ได้แต่ตันเถียนเล็ก เส้นชีพจรอุดตันมากเกินไป แต่ทุกคน นิสัยล้วนจงรักภักดี ข้ามั่นใจว่าพวกเค้ายินดีติดตามรับใช้นาย ท่าน”

“ต่อให้เกิดเป็นงูขาก็สร้างเป็นมังกรได้ พาข้าไปหาพวกนั้น

“ขอรับ”

เย่หลิวกล่าวพร้อมหันหลังพาเซียวเย่ไป

กลางลานกว้าง ตระกูลเซียว มีคนอยู่ร่วม100คน เย่หลิวพา เซียวเย่ เดินเข้ามา เซียวเย่เดินทางมาหน้าแถวคนพวกนั้น หัน หน้ามอง ครู่หนึ่ง กล่าว

“ข้า เซียวเย นายน้อยตระกูลเซียว ต่อไปนี้พวกเจ้าจะต้อง ละทิ้งชื่อตนเอง อยู่ในโลกเบื้องหลังข้าช่วยเหลือข้า ตายเพื่อข้าครอบครัวพวกเจ้าจะไม่ลำบากอีก เราจะรับเข้าตระกูลเซียว ทั้งหมด ทำให้ได้อยู่กันอย่างสุขสบายไม่ต้องลำบากหาเช้ากิน กันอีก ต่อให้พวกเจ้ากระจอกในสายตาคนอื่น ไร้ค่าใน สายตาคนอื่น แต่ในสายตาข้าพวกเจ้าคือเพชรที่ยังไม่ได้ เจียระไน คือที่จะกลายเป็นมังกร!”

เชียวเย่ตระโกนเสียงดัง

“เฮ้ เฮ้ เฮ้”

“พวกเรายินดีติดตามนายน้อย”

ต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย

“เรายินดีละทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อนายน้อย”

เสียงตะโกนเสียงดังด้วยความยินดี

“เงียบก่อน ต่อไปนี้พวกเจ้าละทิ้งชื่อ ไม่มีแซ่ ข้าจะให้ หมายเลขพวกเจ้า1ถึง100เรียงลำดับตามความแข็งแกร่ง เราจะ ใช้ชื่อว่ากองกำลังเงาซู (หมายเลขเงา ข้าจะให้ตำราฝึกยุทธ พวกจ้า 3 วิชา เคล็ดบ่มเพาะ เคล็ดวิชาเคลื่อนไหว และเคล็ดวิชา สังหาร เคล็ดวิชาพวกนี้ไม่มีชื่อ จงตั้งใจฝึกยุทธ ทำตามความ เข้าใจที่ข้าบันทึกลงไปในตำรา ไม่เข้าใจส่วนไหน มาถามข้าได้ ต่อไปนี้พวกเจ้าจะพักอยู่หลังตำหนักข้าชั่วคราว จนกว่าจะฝึก สําเร็จวิชา”

เซียวเย่หันหลังแล้วเดินจากไปก่อนจะเหลียวมามองเย่หลิว พร้อมกล่าว
“เย่หลิว ต่อไปนี้เจ้า คือ หมายเลข 0 เจ้ายินดี ไม่?”

หมายเลข 0 ขอบคุณนายท่าน

“พวกเราขอบคุณนายท่าน

เดินกลับมาที่ตำหนัก เซียวเยกลับมานั่งลงบนม้านั่งยกมือขึ้น จิบชา ในมืออย่างสบายอารมณ์

แผนการของข้าดำเนินไปส่วนหนึ่งแล้ว เคล็ดวิชาที่ข้าให้กอง กำลังเงา ข้าแก้ไขออกส่วนนึง ไม่ให้ดีเท่าตำราที่ข้าฝึก ตอนนี้ที่ เหลืออยู่ก็คือตัวข้าเอง เด็กน้อย10ขวบปีอย่างข้ากระทำอันใดก็ คงมีแต่ปัญหา ข้าจะเริ่มต้นควบคุมโลกมืดของแผ่นดินนี้ หลัง จากที่กองกำลังเงา ของข้าฝึกฝนสำเร็จ!!!

คิดในใจพลางหลับตาลงนั่งขัดสมาธิในมือถือหินปราณเอาไว้ ฝึกเคล็ดบ่มเพาะเดินลมปราณผ่านเส้นชีพจร ไหลเข้าสู่ต้นเทียน ภายในตันเถียนสังเกตได้ว่ามีลมปราณอยู่เต็มไปหมด

พร้อมที่จะทะลวงขอบเขตแต่โดนสะกดเอาไว้ไม่ให้ทะลวง ตัน เถียนถูกห่อหุ้มด้วยลมปราณที่ขาวขุ่น เริ่มใหญ่ขึ้น เริ่มใหญ่ขึ้น จนใหญ่ขึ้น20ตั้ง

‘ทะลวง!!!’

ฟูมมม ลมปราณที่ถูกตันเถียนเลี้ยงดูอยู่ภายใน ระเบิดออกมา เดินทางไปตามเส้นชีพจรต่างๆทั่วร่างกาย ทำให้ร่างกายเซียวเย็ แข็งแกร่งขึ้น…

เซียวเย่ตรวจสอบร่างกายตนเอง ลองกำมือแน่น รู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งในร่างกาย

“ขอบเขต ปราณสะสม ชั้น2 ถึงข้าจะสู้กับขอบเขตที่เท่ากัน หรือมากกว่าสองระดับข้าก็มั่นใจว่าไม่แพ้ เพราะตันเถียนของข้า ใหญ่กว่าของคนอื่นในระดับเดียวกัน พลังโจมตีข้าย่อมมากกว่า ตันเถียนขาใหญ่20ตั้ง เหมือนผู้มีพรสวรรค์ชั้นไปแล้ว ข้าอยู่ใน ที่ลับ ส่วนพวกเจ้าอยู่ในที่แจ้งกัน มีความสุขกับชื่อเสียง คิดดู แล้วก็รู้สึกอิจฉาเหมือนกันนะ”

เขียวเยคิดไปหัวเราะไป

1ปีผ่านไป

1ปีที่ผ่านมา อาวุธอี เป็นที่นิยมกันไปทั่วแผ่นดินราชวงศ์ต้า เชียง ไปจนถึงแผ่นดินข้างเคียง แต่ไม่มีใครรู้ว่าอาวุธพวกนี้มา จากไหน

มีพวกคนบางตระกูลลอบเอาอาวุธมาตรวจสอบวิธีการหลอม แต่ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ ราวกลับไม่ใช่วิธีหลอมของ แผ่นดินนี้ ไม่สิ ของโลกใบนี้

ผู้คนล้วนงงกันเป็นไก่ตาแตก ผู้คนไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ ผู้นำตระกูลชั้นนำของแผ่นดิน เจ้าสำนักชั้นนำของแผ่นดิน รวม ถึงราชวงศ์ รู้สึกได้ว่า แผ่นดินนี้กำลังจะถึงจุดเปลี่ยน

ทางตระกูลเซียวก็สะสมกองกำลังอย่างลับๆมากขึ้น เพื่อ ป้องกันโดนหมาหมู่รุมทำร้าย

ตำหนักที่พักเซียวเ
เขียวหยางเดินมาหาเขียวเย พอพบเจอก็อดไม่ได้ที่จะปั้นหน้า ยิ้มแย้ม

“เซียวเอ๋อ ลูกรักของพ่อ เก็บตัวฝึกยุทธไม่ออกมาหาพ่อบ้าง ? ตัวพ่อ คิดถึงลูกทุกวัน พ่อหน่ะอยากจะเล่นสนุกกับลูกเหมือน ครอบครัวอื่น ลูกเป็นเหมือน…..”

“ท่านพ่อ บอกธุระท่านมาเถอะ

เซียวหยางกำลังนั่งจิบชา วางแก้วชาลง หันหน้าไปมองเชียว หยาง

“อ่ะ แฮ่ม ! ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังฝึกกอง กำลังของตนเองอยู่ เจ้าคงลืมไปแล้วว่า พ่อกับปู่ของเจ้าก็ฝึก ยุทธ์เหมือนกันน่ะนะ ตระกูลเราแอบสะสมกองกำลังอย่างลับๆ มา1ปีแล้ว ได้เกือบ5พันคน ต่อให้เรื่องแดงขึ้นมา สู้ไม่ได้ก็หนีได้ ถ้ากองกำลังของตระกูลฝึกเคล็ดวิชาที่ลูกรักของข้าคิดค้นขึ้นมา คงจะดีนะว่ามั้ยเซียวเอ๋อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

“ข้าช่วยไม่ได้”

เซียวเย่ตอบปฏิเสธตรงๆ

“ขอบคุณ หะ ช-ช-ช่วยไม่ได้ ทำไมหล่ะ?”

เซียวหยางถามกลับด้วยใบหน้าฝนตกใจและผิดหวัง

“ท่านพ่อ ถ้าขาให้เคล็ดวิชากับท่าน มันก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้ มาก เคล็ดวิชาขาตอนนี้มันไม่สามารถทำให้พวกท่านบรรลุ เต๋า สะสมได้หรอก ข้าต้องการตำรามากกว่านี้เพื่อศึกษาเพิ่ม ท่านปราณสะสมชั้น 9 ท่านพ่อก็ปราณสะสมชั้น 7 ตำราที่ข้ามมันไม่ สามารถพาพวกท่านเข้าสู่เต๋าสะสมได้ พวกท่านต้องรอข้าอีก หน่อย เมื่อข้าคิดเคล็ดวิชาใหม่ได้ ข้าจะเอาไปให้พวกท่านเอง แต่ข้าให้ท่านพ่อ กับ ท่าน ฝึกเท่านั้น เพื่อให้ท่านพ่อปกป้อง ท่านแม่ ให้ท่านปกป้องตระกูล กองกำลังต่อให้พวกท่านยัง มั่งคั่งก็ไม่เป็นไร กองกำลังที่มาแบบนั้นจะไปหวังความภักดี ทําไมกัน สอนไปก็เสียดายวิชา”

เขียวหยางปรึกษาเรื่องต่างๆอยู่ครึ่งชั่วยามก็จากไป

เซียวเที่กำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์อยู่ ก็เอ่ยขึ้นมา

“หมายเลขO

บ! มีเงาสีดำปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง

“นายท่าน…”

“เจ้าทะลวงแล้วรี?”

เซียวเย่สัมผัสได้ถึงพลังงานปราณรอบตัวหมายเลข

“เพราะได้นายท่านช่วยเหลือ ตอนนี้ข้าได้ทะลวงเข้าสู่ ขอบเขต ปราณสะสม ขั้นที่ 7 แล้ว อีกทั้งตันเถียนข้ายังใหญ่ กว่าของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปมากนัก ต่อให้คู่ต่อสู้ขอบเขตสูงกว่าข้า แต่ถ้าโจมตีทีเผลอ ข้ามั่นใจว่าสามารถสังหารไม่ให้รู้ตัวได้

“กองกำลังเงาชูหล่ะ” เซียวเข่กล่าวถามต่อ

“ตอนนี้มีขอบเขตปราณสะสม ขั้น5 10คน ขั้น4 20คน และขั้น3 70คน ถึงขอบเขตจะยังไม่สูงนักแต่ถ้าเน้นรุมทำร้ายโดย การลอบสังหารจะมีประสิทธิภาพมากขอรับ”

“งั้น น่าจะพอไหวแล้ว ส่งกองกำลังเงา ทั้งหมด กระจายไป ส่วนต่างๆของแผ่นดินต้าเชียง ปลอมตัวเป็นพ่อค้า เจ้าของ โรงเตี๊ยม อื่นๆได้ตามต้องการ ข้าอยากรับรู้ข่าวสารทั้งหมด และ ให้กองกำลังเงาชู แอบตั้งสมาคมลอบสังหารขึ้นอย่างลับๆเพื่อ หารายได้และสร้างอิทธิพลขึ้น ให้พวกเจ้าทั้งหมดสร้างกองกำลัง ของตนเอง โดยแต่งตั้งตนเองเป็นหัวหน้าหน่วยต่างๆ ตาม หมายเลข ข้าให้เจ้าเป็นผู้นำและคอยติดต่อกับข้า หมายเลข เจ้าให้แหวนมิติ กับ หินสื่อสาร กับกองกำลังเงาทั้งหมด แล้ว เริ่มแผนการได้เลย ”

“รับทราบ” หมายเลข กล่าวก่อนจะหายไปเหมือนไม่เคยอยู่

มาก่อน

6เดือนผ่านไป

เมืองซีซาง

เมืองซีซางเป็นเมืองที่อยู่ติดทะเล คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาว ประมง ล่าสัตว์อสูรปลาเลี้ยงชีพ

ณ โรงเตี๊ยม

“นี่เจ้าได้ข่าวเรื่องสมาคมลอบสังหารหรือไม่?” ผู้ฝึกยุทธผู้ หนึ่งกล่าวกับเพื่อนร่วมสุราที่โต๊ะ

“สมาคมลอบสังหารมันคือสิ่งใดกัน
“ข้าก็ไม่รู้เรื่องรายละเอียดมากนะ รู้แค่ว่ามีเงินจ้าง ต่อให้ไม่ ว่าคนที่ให้ฆ่าจะเป็นใคร ขอแค่ค่าจ้างสมน้ำสมเนื้อ พวกเค้าก็ ยินดีสังหารให้”

ช่างน่ากลัวยิ่งนัก พวกเค้าไม่กลัวราชสำนักหรือสำนักธรรมะ ตามเก็บกวาด ”

“กลัวอันใดกัน พวกนั้นยังไปจ้างสมาคมลอบสังหารด้วยซ้ำไป เจ้าคิดว่าพวกนั้นมีนักรึไง มีด้านขาวก็ต้องมีด้าน ถ้าทำแต่สิ่ง ที่มองว่าถูกต้องจะปกครองได้อย่างไร…

ระหว่างที่กำลังคุยกันอย่างออกอรรถรสอยู่นั้น ก็มีบุรุษวัย กลางคนผู้นึงเดินเข้ามา

“พี่ชาย ข้ารบกวนสอบถามได้หรือไม่…

บุรุษเดินเข้ามาค้อมมือทักทายด้วยความเคารพ

“สอบถามเรื่องอันใดหรือน้องชาย ถ้าข้ารู้ต้องตอบอย่าง แน่นอน”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายให้เกียรติตน จึงสุภาพตาม

“สมาคมนั้น…อยู่ที่ใด..

ในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่งผู้คนเดินไปเดินมาน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย บุรุษวัยกลางคนสวมผ้าคลุมสีดำเดินในซอยเปลี่ยวมาหยุดที่ร้าน แห่งหนึ่ง ป้ายหน้าร้าน เขียนไว้ว่า สวรรค์รำไร ชายคนนั้นมอง อ่านป้ายร้านแล้วก้าวไปข้างในร้าน
ภายในร้านเหมือนร้านเหล้าสุราทั่วไป มีสาวแต่งตัวเสื้อผ้า น้อยชิ้น เต้นยั่วยวนบุรุษรอบตัว ไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นชายวัย กลางคนเดินไปที่บาร์

“นายท่านมีอะไรให้รับใช้

พนักงานสาวที่บาร์กล่าวพร้อมพูด้วยรอยยิ้ม

“ข้ามีคนที่อยากให้มันตาย”

“นายท่านเชิญด้านใน

พนักงานสาวยิ้มรับไม่ได้แปลกใจสิ่งใด

ชายวัยกลางคนนั่งรออยู่ในห้อง ชั่วครู่ ก็มีคนสวมชุดคลุมสี เทาเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงกันข้าม กล่าว

“ผู้ใด ที่ท่านต้องการให้ตาย” ชายชุดคลุมพูดด้วยเสียงอัน

เฉยชา

“เจ้าเมือง ซีซาง ตอนนี้น่าจะอยู่ขอบเขตปราณสะสมขั้นที่8 ชายวัยกลางคนตอบ

“อืมม เราจะไม่ถามเหตุผล ค่าหัวเจ้าเมืองไม่ใช่น้อยๆไม่ทราบ ว่า…”

“30หมื่นหินปราณ” ชายกลางคนตอบอย่างหนักแน่น

“รับทราบแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีเจ้าเมืองซีซางอีกต่อไป”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ