บุรุษมารทมิฬ

บทที่7 ลือทั่วแผ่นดิน



บทที่7 ลือทั่วแผ่นดิน

องค์ชายออกเดินทางออกจากเมืองหลวง โดยมีองค์รักษ์คู่ใจ ติดตามไปด้วย…

หลายเดือนผ่านไป ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตที่ปกติ ไม่ได้สนใจ

อะไรเหมือนแต่ก่อน

ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

“ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่ ข่าวใหญ่ ”

ชายร่างใหญ่วิ่งเข้ามาในโรงเตี้ยมโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง “ข่าวอันใดกัน? ทำไมถึงได้เสียงดังนัก”

“ข่าวอะไรงั้นรึ?”

ผู้คนในโรงเตี๊ยม หันไปถามพลางสงสัย

พวกเจ้าตั้งใจฟัง ตอนนี้สำนักชั้นนำของแผ่นดิน สำนัก พิทักษ์ธรรม จะเริ่มเปิดรับศิษย์แล้ว หลังจากที่ไม่ได้เปิดรับมา ถึง20ปี สำนักซึ่งอยู่อันดับที่1ของแผ่นดินมาโดยตลอด ขึ้นชื่อ เรื่องความยุติธรรมซื่อสัตย์ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่า สำนักจะเปิด รับศิษย์อีกครั้ง เจ้ารู้รึไม่? ขนาดราชวงศ์ฉินยังต้องการผูก สัมพันธ์ด้วย พยายามส่งเหล่าองค์ชาย เพื่อจะไปเป็นศิษย์สาย ตรงของสำนัก แต่ล้วนล้มเหลว เจ้าสำนักขึ้นชื่อเรื่องความเที่ยง ธรรมย่อมไม่ปล่อยให้ใครต่อใครบอกเล่าเสียๆ หายๆ อยู่แล้วต่อหน้าท่านประมุข ทุกอย่างล้วนเท่าเทียมกัน อีก2เดือน จะเป็น เวลาที่หุบเขาพิทักษ์ธรรมจะเริ่มคัดเลือกศิษย์ อายุไม่เกิน20ปี ตอนนี้ข่าวเรื่องนี้ลือกันทั่วแผ่นดินไปแล้ว คนทั้งแผ่นดิน บรรดาผู้ มีพรสวรรค์ของตระกูลน้อยใหญ่ และพวกราชวงศ์คงโคจรมา เจอกันเป็นดอกเห็ดแน่ๆ ”

“เรื่องจริงงั้นรึ? ข้าต้องรีบกลับไปบอกลูกข้าแล้วแบบนี้”

“ถ้าลูกข้าได้เป็นศิษย์สายตรง ข้าคงยึดได้ทั้งแผ่นดินแน่ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“เจ้าว่าอะไรนะ? ศิษย์สายตรง? เจ้าลองให้ลูกเจ้า ยืนอยู่เฉยๆ ก่อนมั้ย ยืนเฉยๆขามันยังสั่นอยู่เลย เจ้าเอาอะไรมาคิดว่าท่าน ประมุขจะมันเป็นศิษย์สายตรงกัน

“เพ้ยย!! แล้วลูกเจ้าหล่ะ เมื่อครู่ข้ายังเห็นมันโดนเพื่อนล้อ เรื่องเยี่ยวรดที่นอนอยู่เลย โถ่ววว”

“เจ้าอยากหน้าพัง?”

“เจ้านั่นแหละอยากมากหรือ”

“เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆกันก่อน แล้วเงื่อนไขการทดสอบ มีอะไร บ้าง” ชายชราหันไปห้ามคนสองคนที่กำลังจะทะเลาะกัน กล่าว เปลี่ยนเรื่อง”

“การเข้ารับเป็นศิษย์ ข้ารู้แค่ว่าอายุไม่เกิน20เท่านั้น ส่วนเรื่อง เงื่อนไขการเข้ารับการทดสอบ ข้าไม่อาจรู้ได้ ทางสำนักไม่ยอม บอกอะไรเลย คงต้องไปดูด้วยตาตนเองเท่านั้น”
ข่าวเรื่องสำนัก พิทักษ์ธรรม แพร่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน ผู้คนพูดถึงกันแต่เรื่อง สำนักพิทักษ์ธรรม ในอีก2เดือน ผู้คนทั่ว ทั้งแผ่นดินต้าเซียง จะไปรวมกันที่หุบเขาพิทักษ์ธรรม เพราะว่า สำนักพิทักษ์ธรรมตั้งอยู่ที่นั้น…

ตะกูลเซียว

เด็กหนุ่มน่าตาน่ารัก ผิวขาว ร่างกายผอมแห้ง ยืนเอามือไขว้ หลังอยู่ข้างบ่อน้ำหน้าสำนักที่พัก

สำนักพิทักษ์ธรรม…ถ้าข้าเข้าสำนักได้ ข้าจะสามารถอ่าน ตำรามากมายนับร้อยนับพัน ข้าไม่ต้องคอยกังวลเรื่องขั้นเต่า สะสมอีกต่อไป พอข้าไปถึงขั้นเต่าสะสม ข้อจะสามารถหลอม โอสถได้ กองกำลังของข้าก็จะเหมือนเสือติดปีก

“ข้าจะต้องหาวิธีแก้ไขเคล็ดบ่อเพาะของข้า ให้สามารถให้บ่ม เพาะเต่าได้มากขึ้นกว่า 9 เต๋าให้จงได้ ข้อมูลเรื่องการบ่มเพาะ ขั้นเต๋าสะสมยังน้อยเกินไป ข้าคงต้องหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าเสีย แล้ว…

เซียวเย่เดินทางไปถึงตำหนักหลัก เดินเข้าไปมีคนอยู่ด้วย กัน10คน แต่ละคนสวมชุดคลุมสีขาว บ้างผมขาว บ้างผมดำ ปะปนกันไป คนเหล่านี้คือผู้อาวุโสของตระกูลเซียว

เมื่อเซี่ยวเย่เดินเข้ามา เห็นคนอยู่มากมาย ก็คอมมือทำความ

เคารพ

“คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน”
เหล่าผู้อาวุโสเห็นเขียวเยเดินเข้ามาทำความเคารพพวกตนก็ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันถ้วนหน้า พยักหน้ารับ

“ดูเหมือนจะคุยเรื่องสําคัญกันอยู่ เซียวเยี้ขอตัว ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญกว่าเรื่องของหลานปูได้หรอก หลานมาที่นี่มีอะไรอย่างงั้นหรือ?

“ท่านปู่ หลานตัดสินใจจะไปรับการทดสอบเข้าสำนัก พิทักษ์ธรรม”

“ต๊ะ!! แต่ แต่หลานฟังจะอายุ12ปีเอง มันไม่เร็วไปหน่อย?

กลัวว่า..”

เซียวกงพูดยังไม่ทันจบ ก็รู้สึกได้พึ่งพลังปราณที่เซียวเข่ปล่อย ออกมา

‘ปราณสะสม ขั้น 8!!!

“ถึงเวลาแล้วที่หลานต้องออกเดินทางเพื่อค้นหาตนเองแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ส่วนตระกูลใหญ่ ที่คอยกดขี่เรามา ตลอด จะถึงเวลาชำระแค้นในไม่ช้า ท่านไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่ นานจะไม่มี3ตระกูลใหญ่อีกต่อไป…

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดี ดี ปูเชื่อในตัวหลาน หลานจะไปที่ไหนก็ไปเถอะ ที่นี่จะเป็นบ้านของหลานเสมอ”เซียวางพูดด้วยใบหน้าที่หัวเราะ ลั่น”

“ถ้าเซียวเย่ สามารถเป็นศิษย์ของสำนักพิทักษ์ธรรมได้ ตระกูลเราก็เหมือนมีโล่ป้องกันชั้นเยี่ยม 3ตระกูลใหญ่ ถ้าคิดจะทําอะไรตระกูลเรา ก็ต้องกลับไปคิดใหม่อีกหลายรอบ กระทำซึ่ง หน้าคงไม่ต้องกังวล “ผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งกล่าว

“เซียวเอ๋อ เจ้าจะออกเดินทางเมื่อไหร่?” เซียงหยางเดินเข้ามา กล่าวถาม

“ข้าจะออกเดินทางคืนนี้จากข่าวที่ข้ามี หุบเขาพิทักษ์ธรรม ค่อนข้างไกล ออกตอนนี้จะดีเสียกว่า ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงข้า ท่านกำลังเตรียมตัวทะลวงชั้นเต๋าสะสมอยู่ ตระกูลเราขึ้นอยู่กับ ท่านพ่อแล้ว”

“เห้ออ ขึ้นอยู่กับข้าตรงไหนกัน ที่ตระกูลมาได้ถึงตอนนี้ ทุก อย่างล้วนมาจากเจ้าทั้งนั้น ข้าก็คิดไว้อยู่แล้วว่า เมืองนี้ หรือ แผ่นดินนี้คงไม่พอที่จะเติมเต็มความปรารถนาในใจเจ้าได้ จงไป เมื่ออยากไป จงกลับเมื่ออยากกลับเถอะ”

หลังจากบอกเรื่องที่ควรกล่าว เที่ยวเก็ไปตำหนักท่านแม่เพื่อ กล่าวบอกลา

“ท่านแม่”

“หือ! เอ้า เซียวเอ๋อ…สงสัยวันนี้ฝนจะตกหนัก ลูกถึงมาหาแม่ ในวันนี้ได้” เซียวหง เห็นลูกชายมาหากล่าวตกใจปนรอยยิ้มบน ใบหน้า

“ไว้หลังจากขากลับมา ข้ามาหาท่านเกือบทุกวันก็ย่อมได้ กลัว ท่านแม่จะลำคานซะมากกว่า”เซียวเยยิ้มไปกล่าวไป

“หลังจาก…กลับมา เจ้าหมายความว่า?”
“อีก2เดือน สํานักพิทักษ์ธรรม จะเปิดรับสมัครศิษย์ ลูกจะออก ไปหาประสบการณ์ชีวิต ด้วยการเข้าเป็นศิษย์ของสำนัก

“จะไปสำนักพิทักษ์ธรรม เพื่อเข้าเป็นศิษย์” เซียวหง ตกใจ

เซียวหง สูดหายใจลึกๆ ถอนหายใจออกมา กล่าว

“ไปเถอะ…เจ้าต้องดูแลตัวเองให้มากๆ อย่าไว้ใจคนแปลก หน้า เข้าใจหรือไม่?

“ท่านแม่ ลูกจะดูแลตนเองให้ดี ท่านแม่โปรดวางใจ”

ตกดึก เซียวเยกลับมาที่ตำหนัก สวมชุดคลุมสีดำา เตรียมตัว แล้วเสร็จ ก็เดินออกมายังทางออกประตูหลังตระกูลเซียว

พอเดินมาถึง ก็เจอกลับคนสวมชุดสีดำสวมหน้ากากลึกลับจูง ม้าเดินเข้ามาหาเขียวเย

“ตอนที่ข้าไม่อยู่ดูแลกองกำลังเงาให้ดี ถ้ามีเรื่องร้ายแรงให้

รีบบอกขาทันที ข้าจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย”

“รับทราบ นายท่านดูแลตัวเองด้วย” หมายเลข คุกเข่าข้าง เดียวค้อมมือเคารพ กล่าว

เซียวเย่ขึ้นขี่ม้า บังคับบังเหียนขี่ม้าออกไปทางประตูหลัง ตระกูลเซียวเงียบๆ ยามค่ำคืน

เมืองหยางเวย

ในโรงเตี๊ยมยามค่ำคืน ทุกห้องล้วนดับเทียน บ่งบอกว่ากำลัง งีบหลับ แต่มีหนึ่งห้องที่ยังคงจุดเทียนอยู่ ในห้องมีคนสองคนหนึ่งบุรุษหนุ่ม หนึ่งบุรุษวัยกลางคน บุรุษวัยกลางคนหน้าตา เฉยเมย ดูธรรมดาไร้พิษสง ส่วนบุรุษหนุ่มหน้าตารูปงาม หล่อ เหลา นั่งอยู่บนเตียงครุ่นคิด จึงกล่าว

“พึ่งออกจากเมืองหลวงมา ยังไม่ทันไร จะลงมือกำจัดข้าเสีย แล้ว…ใจร้อนเสียจริง

“องค์ชาย…ทางนั้นคงแค่ติดตามดูเราก่อนเท่านั้น คงต้องรอ ให้ไกลออกไปอีกหน่อยเป็นแน่ องค์ชายแสดงละครแนบเนียน จงใจกล่าวถึงสมาคมลอบสังหาร ทางนั้นคงจงใจโยนความผิด ให้แล้ว” กานผิง องครักษ์คู่ใจกล่าวออกมา

“จากการแสดงละครของข้า พี่ใหญ่คงคิดว่าข้านิสัยมุทะลุ จะ กำจัดเมื่อไหร่ก็ย่อมทำได้ งั้นคงไม่ปล่อยให้เนิ่นนานมาถึงเพียง นี้ ทางนั้นคงคิดว่าถึงเวลาที่ควรกระทำแล้วกระมัง ผ้าหงสู่คงคิด ผลักดันใหญ่ เพื่อจะให้เป็นหุ่นเชิดเป็นแน่

“แล้วเราควรทําอย่างไรต่อไปดี

กานผังกล่าวถาม

“ข้าในตอนนี้จะทำการใดได้กัน คงต้องหาที่พักพิงกันไปก่อน

ข่าวเรื่องสำนักพิทักษ์ธรรมลือกันทั่วทั้งแผ่นดิน ข้าคงต้องอาศัย

โอกาสนี้เอาไว้แล้ว ถ้าข้าเข้าสำนักได้ คงปลอดภัยสักพัก เมื่อถึง

คราวนั้นแล้ว ค่อยคิดกันอีกที ” องค์ชายกล่าวด้วยใบหน้าที่มี

ความหวัง

ณ เมืองกวางตุง ตระกูล หลง
ในห้องแห่งหนึ่ง ในตำหนักหลัก มีชายแก่ผมขาวคนหนึ่ง… หรือหลงซานจี่ กําลังนั่งบ่มเพาะ ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาเคาะ ประตู

“ก๊อก ก๊อก”

“เข้ามา…

หลงซาน ลืมตาขึ้นกล่าวออกมา

“มีอะไร?”

“เรียนผู้นำตระกูล ตอนนี้ตระกูลเซียว เมื่อครู่มีคนแอบลอบ ออกทางด้านหลังประตูของตระกูลเซียว คาดว่าอาจจะเป็นนาย น้อยตระกูลเซียว เซียวเย่ขอรับ ”

“เซียวเย… ใครกัน? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

“เซียวเย่ คือ ลูกของเซียวหยาง อายุ12ปี อยู่ในตระกูลตั้งแต่ เกิด เคยออกจากตระกูลเพียงครั้ง คือ เดินทางไปที่โรงหลอม อาวุธของตระกูลเรา บอกชมเชยอาวุธของตระกูล รับชมดูวิธี หลอมอาวุธ ดูแล้วเสร็จจึงกลับ แล้วก็ไม่เคยออกมาอีกเลย… จนถึงตอนนี้ขอรับ”

รับชมดูหลอมอาวุธ….ดูเพื่ออะไรกัน?

ตระกูลเซียว เติบโตเร็วเกินไป แอบสะสมกองกำลัง มีหิน ปราณมากมายในการครอบครอง ไปเอามาจากไหนกัน?

หลงซานจี่ ครุ่นคิดในใจ
เห็นผู้นำเงียบไม่กล่าวสิ่งใด จึงกล่าวต่อ

“ท่านผู้นํา….”

“หลงกง เจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี?

หลงซาน หันไปมองผู้อาวุโสที่มาบอกข่าว

“ข้าคิดว่าเรายังไม่ควรทำอะไรในตอนนี้ เพราะเรายังไม่รู้ว่า ตระกูลเซียวซ่อนอะไรไว้อยู่กันแน่ มีใครหนุนหลังกันอยู่ถึงมีหิน ปราณมากมายในการครอบครองเพียงนั้น ถ้าเราไม่กระจ่าง ก็ไม่ ควรลงมือ ถ้าลงมือไม่คิดให้รอบคอบก็มีแต่เราที่จะแพ้ภัย ตนเอง”

“แล้วเด็กนั่นล่ะ”หลงซาน ถามต่อ

“ก็แค่เด็กเท่านั้น คงคิดให้เด็กน้อยนั่นไปอยู่ที่อื่น หวังเพื่อหลง เหลือเชื้อไขไว้กระมัง ข้าว่าเราควรหันมาสนใจแค่ตระกูลเซียวดี กว่า”

“อืม…เจ้าพูดถูก ตามสืบต่อไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ