บทที่6 เคล็ดวิชาระดับพิภพ
หลังจากได้รับการมอบหมายงานจากเซียวเย่แล้ว หมายเลข ก็จากไป
เขียวเย่นั่งหลับตาอีกครั้ง นั่งคิดภาพในหัวซ้อนทับกันไม่จบ
2ชั่วยามผ่านไป
เซียวเลืมตาขึ้นหยิบกระบี่ที่โต๊ะ เดินไปที่ลานกว้างตระกูล หลับตาเริ่มร้ายร่ากระบี่ไปมาด้วยความเชื่องช้า
ใครเดินผ่านมองดู ช่างดูสวยงามเหลือเกิน การร่ายรำที่ เหมือนเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งรอบข้าง เซี่ยวเย่ร่ายรำ ใคร เดินผ่านต้องถึงกับต้องแวะชมดู พลังปราณโดยรอบเสมือนมี ชีวิต เคลื่อนไหวตามท่วงทำนองร่ายรำของกระบี่
ที่มุมหนึ่งของลานกว้างตระกูลเซียว
“ท่านพ่อ ท่านรู้จักวิชากระบี่ ที่เจ้าลูกบ้านั่นร่ายรำอยู่หรือไม่ เซียวหยางหันมาถามพ่อตนเองที่อยู่ด้านข้าง
“ลูกบ้าบ้านแกสิ! เป็นบุญแกแค่ไหนแล้วที่ให้กำเนิดหลานรัก มากความสามารถของข้าออกมา วิชากระบี่นั่นเซียวเอ๋อก็คงคิด มาเองอีกนั่นแหละ ร่ายรำจนสามารถชักนำกระแสปราณไป พร้อมกันได้ เคล็ดวิชาระดับทั่วไปไม่สามารถทำแบบนี้ได้อย่างแน่นอน อย่างบอกนะว่า…”
เขียวเย่ร่ายร่ากระบี่ ก่อนที่จะหยุดลงหันไปมองทางเชียวหยาง “ท่านพ่อ มาเป็นคู่ทดลองกระบี่ให้ข้าหน่อย ข้าอยากทดลอง กระบวนท่าทีข้าคิดค้นขึ้น
* เพ้ย ยย!! ไอ่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แกมันก็เป็นเพียงเด็กพึ่ง หัดเดินเท่านั้น อยากลองของฉัน? กลัวจะกลับไปฟ้องแม่เจ้าว่า ข้ารังแกเจ้าเสียมากกว่าข้าไม่
เซียวหยางพูดยังไม่ทันจบ เซียวเยก็ระเบิดพลังออกมากจาก
ภายใน
“ขอบเขตปราณสะสมขั้นที่ 7!!!
เซียวหยางตะโกนออกมาหน้าตาค้างตกใจไม่หาย
“เดี๋ยวๆๆ บ้ากันไปใหญ่แล้วๆ ท่านพ่อท่านเห็นหรือไม่ เจ้าลูก บ้านั้นมันจะตามข้ากันแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆ”
“ดี ดี ดี มาเลยเจ้าลูกบ้า ข้าขอดูวิชากระบี่ของเจ้าหน่อย เถอะ!! ”
เชียวหยางชักกระบี่ที่ข้างเอว พุ่งเข้าไปหาเกี่ยวเยู่ด้วย ความเร็วสูง เซียวหยางฟันกระบี่ลงไป กระบวนท่าดุดัน แข็งแกร่ง
เขียวเย่มองกระบี่ด้วยท่าทางเฉยชา ในกระบวนท่าสวนกลับ ลื่นไหลเหมือนสายน้ำเชี่ยวกราก รวดเร็วเล่นรุนแรง กระบวนท่า กระบี่ที่เซียวหยางฟันมาถูกเบี่ยงออก ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“เพลงกระบี่อะไรกัน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“กระบี่ลื่นไหลเหมือนสายน้ำ ปิดกระแสดาบของคู่ต่อสู้ออก ได้”
“นายน้อยตระกูลเซียวเป็นผู้มีพรสวรรค์!”
“สู้กันหลายกระบวนท่าแล้วแท้ๆ แต่เหมือนนายน้อยยังไม่เอา จริงแล้วด้วยซ้ำ ดูหน้าผู้อาวุโสหยาง หอบแดกแล้ว!”
สองพ่อลูกต่อสู้กันหนักขึ้นเรื่อยๆ เพลงกระบี่ตระกูลเซียวเมื่อ อยู่ต่อหน้าเซียวเยก็เป็นเพียงขนมกรุบกรอบ ขนมค่ะ เดี๋ยวนิ่มๆ เข้าใจกันเนอะ^^) เท่านั้น
เซียวหยางเบี่ยงตัวหลบกระบี่ หมุนตัวตวัดกระบี่สวนกลับ เซียวเย่เพ่งตามองตวัดกระบี่สวน มือซ้ายรวมปราณที่กำปั้น ออก หมดควงสว่านไปทางเชียวหยาง
‘ควงวายุ!’
เชียวหยางตกใจ มือข้างนึงถือกระบี่อยู่ เหลือแค่มืออีกข้าง หลบไม่ได้ ต้องสวนเท่านั้น เซียวหยางกำหมัดแน่น ชกสวน
“เพลงหมัด ทลายผา!!
ตู้มมม! สองเพลงหมัดปะทะกัน ฝุ่นลอยฟังในอากาศ เซียว หยาง โดนแรงกระแทกออกมาจากฝนควันด้วยความเร็วสูง ใช้ กระบี่ปักพื้นพยายามต้านกระแสพลังเอาไว้ จนพื้นแตกเป็นทาง ยาว สบัดมือที่ปะทะ รู้สึกปวดและชา พลางตะโกน
“ไอ้ลูกบ้า ไหนเอ็งบอกทดสอบกระบี่ไงแล้วเอ็งจะออกเพลง หมัด หาพ่อเอ็งหรอไง!!”
ฝนจางลง เห็นเด็กน้อยคนนึงขึ้นอยู่กับที่ ถือกระบี่แล้วไม่ค่อย เข้ากันนักกับรูปลักษณ์ มองไปที่เซียวหยาง กล่าว
“ท่านพ่อ ท่านประมาทไปนา ท่านหลงกลคู่ต่อสู้แบบนี้ได้ อย่างไร ถ้าข้าใส่แรงเพิ่มอีกนิดนะ ท่านได้กลายเป็นว่าที่ผู้นำ กระกูลแขนด้วนไปแล้ว ” เซี่ยวเย่พูดด้วยใบหน้าเยาะเย้ย
* เหอะ! ข้าเห็นเป็นเด็กเลยไม่ได้เอาจริงเท่านั้นเอง คราวนี้
แหละ รับมือ!!”
เชียวหยางระเบิดพลังทั้งหมด พุ่งเข้าใส่เซียวเย จับกระบี่ซัก ออก
“กระบีดวงจันทร์!!!”
คลื่นพลังปราณมหาศาลประทุออกมา เป็นคลื่นพลังขนาด
ใหญ่รูปเหมือนพระจันทร์พุ่งไปหาเขียวเย
เซี่ยวเย่เพ่งมอง ระเบิดพลังออกมาจับกระบี่ในมือแน่น พลัง
ปราณในตันเถียนจำนวนมหาศาลตรงเข้าที่กระบี่
“เพลงกระบี่มารฟ้า กระบวนท่าที่ 1 ทลายฟ้า!!”
คลื่นพลังสีดำทมิฬทะลักออกมาจากกระบี่ เหมือนมันจะมีชีวิต
กลืนกินทุกอย่าง
ตู้มมมมม
คลื่นสีดา เหมือนทะเลที่มืดมิด มันกลืนกินพลังดาบของเชียว หยางเข้าไป พุ่งไปทางเชียวหยางต่อด้วยความเร็วสูง
“เพลงกระบี่บ้าอะไรเนี่ย
เขียวหยางเห็นท่าไม่ดี ใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวหลบหนีออก นอกวิถีกระบี่เซียวเ
“พลังทำลายนี้ ระดับพิภพ ขั้นต่ำ ไม่มีเกือบถึงขั้นกลางด้วยซ้ำ
เซียวหง พูดด้วยใบหน้าที่ตกใจ น้ำลายกระเด็นออกมา
“ไอ้ลูกบ้า แกจะฆ่าพ่อตัวเองรึไง!
เขียวหยาง พูดด้วยใบหน้าโมโหปนแดง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ขออภัยท่านพ่อ ของมันแรง ใครจะอดใจไม่ใช้ไหวกัน”
เซี่ยวเย่พูดพร้อมหัวเราะลั่น!
“ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว สู้ต่อสงสัยแม่แกได้เป็นหม้ายแน่ๆ แล้ววิชากระบี่ นี่มันอะไรกัน ข้ายังรู้สึกขนลุกไม่หายเลย”
เซียวหยางพูดด้วยใบหน้าหวาดหลัว
“ถ้าพูดง่ายๆก็คือ เพลงกระบี่มารฟ้า ที่ข้าคิดค้นขึ้น แต่มันยัง ไม่สมบูรณ์ ตอนนี้ยังคงได้แค่กระบวนท่าที่ 1 เท่านั้น
“แค่กระบวนท่าแรก? ร้ายกาจยิ่งนัก เป็นเพลงกระบี่ที่ดี เพลง กระบี่ที่ดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เขียวหยางหัวเราะ
“จะว่าไปพ่อของเจ้าก็ขาดเพลงกระบี่ที่ดี แบบนี้เหมือนกันนะ ไม่รู้ว่า…” เซียวหยางยิ้มแย้ม พูดประจบประแจงลูกชายตน
“ข้าส่งไปให้แล้วนะ คนของข้าไม่ได้เอาไปให้ท่านรี? เพลง กระบี่มารฟ้าของข้าใช้พลังปราณค่อนข้างเยอะ ข้าได้คิดค้น เพลงกระบี่ที่เอาเพลงกระบี่ตระกูลเซียวเป็นต้นแบบแล้ว ไม่แตก ต่างมากนัก แต่ทรงพลังมากกว่า จะเหมาะกับพวกท่าน มากกว่า ”
“อ๋อ…อ้อ งั้นรี ข้าคงจะแก่จนเลอะเลือนไปเสียแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
“เซียวเอ๋อ หลานรักของปู่ ”
เสียวกงเดินเข้ามาด้วยรอบยิ้มบนใบหน้า
“ท่านปู่!!”
เขียวเย่ ค้อมมือทําความเคารพ
“เซียวเอ๋อ ตอนนี้เราควรทำอะไรต่อไป? ”
เขียวกง
พูดตรงๆ
ไม่อ้อมค้อม
“ตอนนี้ โลกภายนอกกำลัง ตามสืบเพื่อหาตัวเรา โดยเฉพาะ พวกตระกูลใหญ่เมืองกวางตุง ถ้าเรากำจัดภัยในเมืองนี้เสียก่อน อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีภัยใกล้ตัว เพื่อพวกราชวงศ์อยากจะมีส่วน ร่วมขึ้นมา ข้าจะได้ทำการต้อนรับเสียด้วย ท่านรับเลี้ยงกอง กำลังอย่างลับๆเรื่อยๆ โดยท่านกับท่านพ่อจะต้องขึ้นสู่เต๋าสะสม ให้ได้เร็วที่สุด เพราะคนของข้าไม่สามารถ สกัดข่าวไปได้ ตลอดหรอก ถ้าเรื่องแดงขึ้นมา ก็ได้แต่พุ่งเข้าชนเท่านั้น แต่ให้ ข้าฉลาดแค่ไหนก็ตาม ต่อหน้าความแข็งแกร่งล้วนเปล่า ประโยชน์ ท่าน ท่านเข้าใจใช่หรือไม่…
“อืมม ปูเข้าใจ”
เขียวกงทําหน้าเครียดเดินจากไป
เขียวหยางเดินไปกินข้าวกับท่านแม่ คุยถามสารทุกข์สุกดิบ จากนั้น1ชั่วยามก็จากมา กลับตำหนักตนเอง
“หมายเลข 0
ปุ๊บบบ
“นายท่าน…
“ส่งสายลับเข้าไปในสามตระกูลใหญ่เมืองกวางตุง คอยซื้อตัว พวกมันอย่างลับๆ แล้วก็ตัดเส้นทางค้าขายพวกมัน ค่อยๆตัด แขนตัดขาพวกมันทีละน้อยก็แล้วกัน คิดจะมาขวางทางข้าก็ ต้องเตรียมตัวเอาไว้ด้วย หึหึหึ
“อ่อ แล้วตอนนี้ กองกำลังของเงาของเราเป็นอย่างไรบ้าง
“เรียนนายท่าน กองกำลังของเราตอนนี้ มีด้วยกันใหมื่นคน รับผิดชอบหน่อยละ100คน พวกนั้นเก่งขึ้นมาก ไม่เหมือนเด็ก น้อยในวันวานอีกแล้ว… ข้าพึ่งแจกจ่ายตำราเล่มล่าสุดให้พวก นั้นคิดว่าพวกนั้นน่าจะถึงขอบเขตปราณสะสมขั้นสูงสุด ในปี ขอรับ”
หมายเลข ก้มหน้าคอมมือทำความเคารพกล่าวออกมา
เมืองหลวงต้าเชียง
เมืองหลวง เมืองที่เป็นจุดศูนย์กลางของแผ่นดิน ผู้คนจาก เมืองอื่นมาที่นี่ด้วยความหวังที่อยากจะมั่งคั่ง เดินทางเข้าออก ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ทั้งทางเท้าและทางเรือ มีแม่น้ำล้อมรอบ เมือง ตรงศูนย์กลางของเมืองมีพระราชวังตั้งอยู่ คือราชวงศ์ฉิน ราชวงศ์ฉินปกครองแผ่นดินต้าเชียงมาช้านานแล้ว
ห้องในตำหนักแห่งหนึ่งในเมืองหลวง มีคนสองคนนั่งอยู่บน เก้าอี้ไม้ธรรดา รูปร่างขาวอ้วน ผมยาวสีขาว ม้วนเรียบร้อย ดูน่า เคารพยกย่อง ใส่ผ้าคลุมสีเหลืองงามสง่า นั่งจิบชาเล็กน้อย หัน ไปทางตรงกันข้าม คนฝั่งตรงข้ามหน้าตาหล่อเหลา ดูแล้วอายุยัง น้อย แต่ออร่าที่อยู่โดยรอบไม่ใช่เด็กน้อยเลย มันดูแข็งแกรง!.. ชายร่างอ้วนคนนั้นมองสักพัก จึงกล่าว
“องค์ชาย 6 ท่านแน่ใจแล้วอย่างงั้นรึ?”
” เรามั่นใจ เราอยากออกเดินทางทั่วแผ่นดิน และเราอยากจะ สืบเรื่องสมาคมลอบสังหารอะไรนั่นด้วย มันเป็นใครกัน กล้ามา อวดเบ่ง ในแผ่นดินของเราเจอหน้ามันที่ไหน เราจะจัดการมันตรง นั้น ต้าหง(เจ้ากรมวัง คอยฟังข่าวดีได้เลย
“องค์ชาย..บางเรื่องควรกระทำ บางเรื่องไม่ควรกระทำ โปรด คิด วิเคราะห์ และแยกแยะด้วย สมาคมนี้ช่วยเราได้ไม่มากไม่ น้อยเลย กระหม่อมตามสืบสมาคมนี้มาเกือบ2ปีแล้ว รู้เพียงผิว เผิน มีผู้นำสมาคม100คน ขอบเขตสูงเท่าใด ไม่แน่ชัด ตอนฆ่าคนจะสวมหน้ากากระบุหมายเลขเอาไว้ ยิ่งเลขน้อยยิ่งแข็งแกร่ง หัวหน้าใหญ่ของพวกมันเป็นใครไม่มีใครรู้วิชาที่พวกมันใช้ไม่ เคยมีในแผ่นดินต้าเชียงมาก่อน อาจจะมาจากแผ่นดินอื่นก็เป็น ได้ คนที่หนุนหลังพวกมันมีเป้าหมายอะไรกันแน่ไม่มีใครรู้เราจึง ต้องตรวจสอบให้แน่ชัด ถึงกองกำลังของมัน ห้ามทำอะไรสุ่มสี่ สุ่มห้า องค์ชายอายุยังน้อยทำอะไรระวังด้วย
“ต้าหงสู่ ท่านคิดมากไปกระมัง เรา18ปีแล้ว อายุยังน้อยอันใด กัน เราอยู่ขอบเขตปราณสะสมขั้นสูงสุด ใครกล้าทำร้ายเรา แถบ เดินทางครั้งนี้เรายังมีองครักษ์คู่ใจเราไปด้วย ต่อให้พวกสำนัก น้อยใหญ่นั่น เจอเรายังต้องไว้หน้าเรา 3 ส่วน เราต้องไปก่อน แล้ว ฝากทักทายเสด็จพ่อด้วย ฝากบอกท่านว่าเจอกันครั้งหน้า แต่งตั้งให้ข้าเป็นองค์รัชทายาทได้เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
องค์ชายหัวเราะลั่นเดินออกมาจากตำหนัก ต้าหงมองภาพ คนเดินหายไปจากสายตา เอ่ยเสียงเบา
“ลาปา…”
ตบ ตบ ตบ เสียงคนเดินออกมาจากด้านหลัง สวมชุดคลุมสี ดำ สูง ยากเห็นหน้า ดูลึกลับยิ่งนัก ออกเสียงแหบแห้ง
“นายท่านมีอะไรให้รับใช้
“คอยสะกดรอบตามองค์ชาย คอยสังหารในที่ลับตา โยน ความผิดให้สมาคมนั่น…
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ