ท่านหญิงจีจอมพลัง

บทที่ 1 เขาคือเป้าหมายของข้า



บทที่ 1 เขาคือเป้าหมายของข้า

ร่างระหงในชุดสีฟ้าที่ยืนเคียงคู่กันสอบชำเลืองดูชาย หนุ่มร่างสูงโปร่งในชุด ขุนนางสีน้ำเงินด้านหน้ามีลายปัก ตราพยัคฆ์

“คนนี้หรือพี่อิงอิง?”

“ใช่ บุตรคนโตของอดีตเสนาบดีฝ่ายซ้าย พี่ชายของ พระชายาฟ่าน วอิง และเขยของชินอ๋อง ตอนนี้กำลัง เป็นขุนนางหนุ่มที่ได้รับการจับตามองว่า น่าจะขึ้นมาเป็น เสนาบดีฝ่ายซ้าย” ท่านหญิงใหญ่จิพยักหน้า เป้าหมาย ของนางใบหน้าคมคายนัก คิ้วคมหนาของเขาพาดตรง จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางตรง ดวงตายาวดูคล้ายไม่ แยแสผู้ใด

“ช่างหล่อเหลาเสียนี่กระไร ข้าเคยเห็นชื่อของเขาติด หนึ่งในสิบอันดับบุรุษรูปงามแห่งเมืองหลวง รูปร่างหน้าตา ช่างคำร่ำลือยิ่งนัก” จีเซียงอี๋ ท่านหญิงผู้น้องยิ้มกว้าง ออกมา นางนึกถึงป้ายจัดอันดับในงานเทศกาลชมดอกไม้ เมื่อปีที่แล้ว ช่วงที่นางยืนอ่านประกาศนั้นก็มีหญิงสาว หลายคนมายืนวิพากษ์วิจารณ์อยู่ใกล้ๆ ชื่อของคนผู้นี้จึง ติดอยู่ในหัว “ฟ่านหลี่เจี๋ย คุณชายใหญ่ตระกูลฟ่าน

“ข้ามิได้สนใจข้อนั้น แต่คุณสมบัติของเขาต่างหากที่จะ ช่วยปกป้องตระกูลจีของเราได้
ท่านหญิงเล็กจีหันไปมองหน้าพี่สาวคนกลาง “ท่านคิดจะ ทำอย่างไรให้เขายอมรับ ข้าได้ยินคนเล่าว่า เขาไม่เคย สนใจสตรีนางใด ในเรือนก็มีเพียงบ่าวรับใช้หาได้มีสาว ใช้ไม่ แม้จะมีผู้มาทาบทามก็ปฏิเสธหมดสิ้น อ๊ะ! พี่อิงอิง ท่านดูดีๆ สิ ใบหน้าของเขางดงามยิ่ง หากแต่งกายเลียน แบบสตรีอาจจะงามกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ”

จีเซียงอี๋หัวเราะเบาๆ พอหยุดขำได้แล้วหน้านางเริ่ม ตึงหน่อยๆ เมื่อคิดภาพคุณชายฟ่านมาเป็นพี่เขย ด้วย ใบหน้างดงามระดับนี้ สตรีในตระกูลนางย่อมไม่มีผู้สู้ได้ ท่านหญิงเล็กจีหันไปมองใบหน้าพี่สาว เคราะห์ดีพี่สาว ของนางมีเครื่องหน้าจุ๋มจิ๋มน่ารักนัก

“ไปสืบหาเรื่องเกี่ยวกับตัวเขามาให้ได้มากที่สุดก่อนเถิด ข้าจึงจะวางแผนได้ถูก แผนต้องรัดกุมรอบคอบ เพราะคน ฉลาดแบบเขา คงจะไม่ถูกหลอกซ้ำสองเป็นแน่” จีลี่อิง มองตามหลังร่างสูงสง่านั้นไป

ท่านชายจีก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างหลัง “พวกเจ้าเห็นเขา แล้วใช่หรือไม่? นี่ล่ะ! บุรุษผู้เป็นเสาหินในหมู่ขุนนางฝ่าย ซ้าย”

“เหตุใดท่านจึงเรียกเขาว่า เสาหิน?”

“ตั้งแต่เขารับราชการมา คนผู้นี้ไม่เคยสนใจจะเอาใจผู้ ใด ทำงานของตนไปเรื่อยๆ คล้ายมิหวังความก้าวหน้าไม่เคยนินทากล่าวร้ายหรือเอาเรื่องที่ได้ยินผู้ใดคุยกันไป เล่าต่อ เพื่อนร่วมงานต่างเรียกเขาว่า เสาหิน”

“อ้อ!” หญิงสาวทั้งสองต่างร้องรับพร้อมกัน

จีลี่อิงยิ้มน้อยๆ อย่างพออกพอใจ “ดี! หากเขาเป็นคน นิสัยเช่นนั้นจริงเงื่อนไขที่เราจะตกลงกันก็คงจะไม่มีผู้ใด ล่วงรู้ หรือหากเขาเป็นชายตัดแขนเสื้อ เรื่องนี้ยิ่งตกลงกัน ง่าย เพราะข้าก็จะทำให้เขาไม่ต้องถูกผู้อื่นสงสัยได้อีก นับว่าเราพอมีข้อแลกเปลี่ยน”

จีหลุนยกมือขึ้นตบบ่าน้องสาวทั้งสองคนเบาๆ “เรากลับ กันเถอะ ท่านพ่อท่านแม่คงรออยู่” สามพี่น้องพยักหน้าให้ กันแล้วเดินกลับไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่

ฟ่านหลี่เจี๋ยรู้สึกคล้ายเสียวสันหลังอยู่เป็นระยะ เหตุใด วันนี้ข้าจึงขนลุกอยู่ตลอดเวลา กลับไปคงต้องบอกท่าน แม่สักหน่อย’ เรื่องที่รู้สึกแต่ยังหาเหตุผลไม่ได้แบบนี้ต้อง ให้ท่านแม่ไปจัดการ แม้การไปไหว้พระสวดมนต์ขอพรจะ ดูเป็นเรื่องไร้สาระแต่ทุกคราวกลับทำให้เขาสงบสุขได้

หลานแฝดสี่ของเขาอายุสองขวบครึ่งแล้ว กำลังพูดคุย ด้วยรู้เรื่อง เขาจึงแวะเวียนไปเยี่ยมบ่อยครั้ง ระยะนี้ชิน อ๋องน้องเขยของเขาเริ่มวางแผนจะหารองแม่ทัพคนใหม่ มาแทนรองแม่ทัพมู่ที่ย้ายไปเป็นแม่ทัพภาคใต้ จึงเดินทางเข้าเมืองหลวงค่อนข้างถี่

ชินอ่องนับเป็นเชื้อพระวงศ์เพียงผู้เดียวที่เป็นแม่ทัพ ใหญ่คุมกองกําลังสําคัญแห่งภาคเหนือที่เรียกขานกัน ว่า กองทัพพยัคฆ์เหิน และยังเป็นพระอนุชาคนสำคัญ ของฮ่องเต้ที่มีส่วนช่วยรักษาบังลังก์มังกรจึงนับเป็นผู้มี อิทธิพลอันดับสองของแคว้นเว่ย

ในฐานะที่เขาเป็นพี่เขยของชินอ๋อง อีกทั้งท่านพ่อของ เขายังเคยเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายคนสําคัญราชสำนัก เมื่อย้ายสังกัดมาทำงานยังสำนักตรวจการจึงได้รับความ เกรงอกเกรงใจอยู่หลายส่วน แม้ตั้งต้นด้วยตำแหน่งหน้า ที่เล็กๆ ในหน่วยงาน

“เจ้าจะเลือกไปถึงเมื่อใดกัน? หลานๆ ก็โตจนเดินได้พูด เก่ง เลือกสตรีตระกูลดีสักคนแล้วแต่งงานเถิด” ท่านพ่อ กับท่านแม่ยิ่งเห็นหลานๆ ยิ่งอยากให้เขาแต่งงานมากยิ่ง ขึ้น อายุเขาเองปีนี้ก็ย่างยี่สิบเจ็ดแล้ว นับเป็นชายที่มีอายุ มากยังไม่แต่งงาน

“แต่ข้ายังมิได้รู้สึกชอบหญิงสาวนางใด?”

“อายุเจ้าป่านนี้แล้ว จะถามหาความรักอันใดเล่า? หาส ตรีที่คุณสมบัติเหมาะสม เรียบร้อย ว่านอนสอนง่ายก็ พอแล้วกระมัง?” ท่านพ่อเริ่มเอือมระอาที่บุตรชายคนโต ยังไม่มีหลานให้สืบสกุล แม้ฮูหยินของเขาจะพยายามยัดเยียดสตรีให้สักเท่าใดบุตรชายก็ปฏิเสธแข็งขัน ใบหน้าที่งดงามอ่อนโยนของเขาช่างขัดกับนิสัยแข็ง กระด้างเสียจริง

“เอาเถิดท่านพ่อ ข้ารับปากพวกท่านแล้วว่า ปีนี้ข้าจะ เลือกภรรยาสักคน นี่เพิ่งจะต้นปี ท่านอย่าเพิ่งเร่งรัดข้า เลย” ฟ่านหลี่เจี๋ยพูดเช่นนี้มาหลายปีจนบุพการีเอือม ระอา หากแต่มองสายตาแข็งกระด้างของเขาแล้วก็ได้ ทอดถอนใจ

ฮูหยินใหญ่หันไปพยักหน้าให้กับใต้เท้าฟ่าน “ท่านพี่ ช่าง เถิด เราสองคนคงหมดหวังจะได้หลานสืบสกุลแล้วจริงๆ”

เมื่อสองสามีภรรยาเดินออกจากห้องโถงได้ ฮูหยินจึง กระซิบบอกสามีว่า เธอจะไปขอยันต์ที่วัดมาแปะขอลูก สะใภ้อย่างจริงจังสักที ที่ผ่านมาสวดมนต์ขอพรอย่าง เดียวอาจจะไม่ได้ผล

ฟ่านหลี่เจี๋ยมองตามหลังท่านพ่อท่านแม่อย่างเอือม ระอา เขาเองก็จนใจที่ยังมิได้รู้สึกสนใจสตรีนางใดอย่าง จริงจัง แต่เดิมเขาเคยใฝ่ฝันจะออกไปใช้ชีวิตอย่างสงบ ตามชนบท ประพันธ์หนังสือที่เขาชอบออกจําหน่าย ทำ มาหากินเรียบง่ายก็เพียงพอแล้ว ทว่าความเป็นบุตรชาย คนโตของใต้เท้าฟ่านทำให้ต้องเข้ามาเป็นขุนนาง
สตรีที่ท่านแม่และคนรอบข้างแนะนำก็ล้วนเป็นผู้ที่เกี่ยว พันมาทางสายอำนาจทางการเมืองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องเพราะคุณสมบัติของเขานับได้ว่าเป็นว่าที่บุตรเขย อันดับหนึ่งในเมืองหลวงที่ทุกตระกูลต้องการ เขาได้แต่ อาศัยความหน้าหนา ทำตัวมึนๆ ไม่ยอมรับรู้ความต้องการ ของผู้ใด

คุณชายใหญ่ฟ่านเลื่อนลังใต้เตียงนอนออก เปิดหา หนังสือที่เขาเขียนค้างไว้ ซ่อนอยู่ด้านล่างของลัง งานที่ เขาโปรดปรานล้วนซ่อนอยู่ที่นี่ และเป็นความลับมาตลอด

‘เดือนนี้ผลงานของข้ายังไม่วางแผงเลย นี่เถ้าแก่ตา เดียวก็เร่งแล้วเร่งอีก’


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ