บทที่ 16 ออกจากสถานที่
เงินเกอเผลอปัดไม้กวาดที่เท้าของหญิงสาว
เธอสวมรองเท้าสีขาวคู่เล็ก น่องขาวของเธอกระดูกอยู่เพราะ เธอกำลังตั้งใจฟังหวังหยางพูดถึงเรื่องรถนั่น
อย่างจดจ่อ
โดยไม่คิดว่าไม้กวาดสกปรกกำลังกวาดรองเท้าของเธอ เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น
จึงอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา
เห็นได้ชัดว่าเสียงนี้ดึงดูดความสนใจของหวังหยางและเจียง
เวยเวย
“มู่หาน มีอะไร?”
เจียงเวยเวยรีบเดินตรงเข้ามาถามไถ่
หวังหยางก็เดินตามมาด้วยเช่นกัน
“ไม่มีอะไรๆ!”
ซูมหานสางผมของเธอขึ้นเล็กน้อยและเอนตัวลง หยิบทิชชู
เปียกมาเช็ดฝุ่น
แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งสกปรก
ซูมู่หานมีนิสัยรักความสะอาด คิ้วของเธอยันเล็กน้อย
“เฉินเดอ นายเป็นคนทำรองเท้ามหานสกปรกใช่ไหม? เจียงเวยเวยถลึงตาใส่เงินเกอในทันที
ด้วยท่าทางเอาเรื่อง
ใบหน้าหวังหยางเต็มไปด้วยความโกรธ
” ให้ตายเถอะ! ไอ้คนจน นายรู้ไหมว่ารองเท้าคู่นี้ของมหาน ราคาเท่าไหร่? เอานายไปขายก็ยังซื้อไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
พอพูดเสร็จก็กระชากคอเสื้อเงินเกอ
“ไม่มีอะไร! ไม่ใช่เขาหรอก!”
พอซูมู่หานเห็นว่าหวังหยางกำลังจะทะเลาะวิวาท เธอจึงรีบลุก ขึ้นมาห้ามไว้
ที่จริงแล้วมู่หานสนใจในตัวเฉินเกอมานานมากแล้ว เพราะ
เธอเห็นว่าเขาคนนี้แตกต่างออกไป
ดูก็รู้แล้วว่าเขาน่าจะจน
นั่นเป็นเหตุผลที่มักจะโดนหวังหยางและคนอื่นๆคอยกลั่น
แกล้ง
แต่ทว่าซูมู่หานกลับไม่เคยเห็นสายตาดูถูกดูแคลนตัวเองจาก แววตาของคนคนนี้เลย เขาดูไม่แยแส
โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้าที่ค่อนข้างบอบบางและจริงใจของ เฉินเกอ
ทำให้ซูมหานนึกอยากจะอารมณ์เสียแต่ก็อารมณ์เสียไม่ลง ดังนั้นพอซูมู่หานเห็นว่าเป็นเกอกำลังจะถูกทุบตีจึงรีบลุกขึ้นยืน เพื่อห้ามปราม
“มหาน ไม่ต้องสนใจ อย่างน้อยก็ให้ไอ้คนจนคนนี้จ่ายค่า รองเท้าให้เธอ!”
หวังหยางพูดด้วยความโมโห
แม้ว่าซูมู่หานจะไม่ใช่คนคณะภาษาจีน และมาจากสาขาวิชา
วิทยุกระจายเสียง
แต่เธอกับเจียงเวยเวยก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก
และวันนี้ก็เข้ามาเล่นด้วยกันที่คณะ
หวังหยางชอบเจียงเวยเวย แต่เมื่อเทียบดูแล้ว เขาชอบซูม หานเพื่อนสนิทของเจียงเวยเวย มากกว่า
“ไม่ต้อง ไม่ต้องแล้วจริงๆ ฉันกลับไปเปลี่ยนรองเท้าที่หอ ก็ได้!”
ซูมู่หานรีบพูดด้วยความร้อนใจ ทั้งยังพยักหน้าให้เฉินเกอเล็กน้อย
“ถือว่าเป็นโชคดีของแก!” หวังหยางค่อนข้างพอใจกับสิ่งที่ เขาแสดงต่อหน้าสาวงามทั้งสอง ในวันนี้
ทั้งยังมองไปทางซูมู่หานที่กำลังจะเดินออกไป
ใช่หาน รอเธอไปเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ พวกเราออกไป รวมตัวกันเถอะ หลายมานี้ทุกฝึกซ้อมอย่างหนัก วันฉัน เลี้ยงเม่ย
ว้าวเมียกั่วหยวน ได้ยินว่าสลัดผลไม้และสเต็กเนื้อที่อร่อยมาก แล้วก็
พี่หยาง พวกเราอยากไป
เมื่อได้ยินว่าเป็นเมียกั่วหยวน สาวก็ร้องชื่อทันที “หวังหยาง
เจียงเวยลากแขนซูมู่หานแล้วยิ้ม มู่หาน เดี๋ยวที่ใต้ตึกหอนะ”
เห็นได้มหานอยากไป
แต่เมื่อเห็นเมื่อหวังเกือบจะเฉินเกอคนนั้นเพื่อช่วยเธอ และทุกล้วนเห็นด้วยแบบแล้ว
ถ้าหาก
ซูมู่หานพยักหน้า
ดี ฉันจะขับรถรอพวก
หวังหยางประสบความสำเร็จคาดการณ์ของเขา หลังจากมองไปเฉินเกอ เขาก็ออกไปด้วย
เจียงเวยเวยมองเฉินเกอแล้วว่า
เงินเกอนายมองอะไร? ทำไม? หรือว่านายคิดว่าเราจะนับ นายไปด้วย? ฉันจะบอกนายให้นะว่าเรื่องทุนสนับสนุนของนาย ยังไม่จบ นายรออยู่ที่นี่ ทำความสะอาดสถานที่นี้ให้เรียบร้อย แล้วรอฉันกลับมาตรวจดู ถ้าไม่สะอาดล่ะก็ หึหึ ก็น่าดู!
แม่งเอ๊ย!
เฉินเกอฟังคำดูถูกเหน็บแนมจากหวังหยางและเจียงเวยเวย ทั้งหน้าทั้งหลัง
อันที่จริงเขาโมโหมาก
แต่ถ้าตัวเองระเบิดอารมณ์ออกไปตอนนี้ นอกจากจะไม่ได้ อะไรเลย ยังจะถูกหวังหยางค่อยเอาได้
นั่นมันไม่ใช่เรื่องดี การทำแบบนั้นเป็นเรื่องไม่ฉลาดเอาซะเลย รู้ทั้งรู้ว่าจะโดนตี
“ไปกันเถอะมู่หาน พวกเรามาลองนั่ง A6 ของหวังหยางดูซิว่า
จะรู้สึกอย่างไร!”
หลังจากใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามมองเฉินเกอแล้ว เจียง
เวยเวยก็คล้องแขนซูมู่หานเดินออกไป
คนอื่นๆก็เดินออกไปทีละคน
แน่นอนว่ารถคันเดียวไม่พอ แล้วพวกเธอจะไปกันอย่างไร เฉิน เกอเองก็ไม่รู้
ในขณะที่เฉินเกอกำลังทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่พวกเธอทิ้งเอาไว้ ในอีกด้านหนึ่งก็คิดว่า
ฉันก็น่าจะมีรถไว้สักคัน?
เป็นความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมา
กว่าจะทำความสะอาดสถานที่เสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะเป็น เวลาอาหารเที่ยงแล้ว
ในขณะนี้โทรศัพท์ของเฉินเกอก็ดังขึ้น
พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นหยางฮุยหัวหน้าหอพัก โทรศัพท์
“พี่เฉิน นายทำเสร็จหรือยัง?”
เงินเกอพยักหน้า “อืม เสร็จแล้ว!”
“แม่งเอ๊ย เจียงเวยเวยเป็นบ้าอะไรวะ ถ้าคราวนี้เธอกล้าผิด สัญญาเรื่องยื่นขอทุนสนับสนุนให้นาย พวกเราปรึกษากันว่าจะ รวมกลุ่มกันเข้าพบหัวหน้าคณะ
เฉินเกออบอุ่นใจ “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว หัวหน้าหอ
“ใช่แล้วพี่เฉิน ถ้าตอนนี้นายไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ตอนเที่ยงพวก เราออกไปรวมกลุ่มกันกินข้าวด้วยกันเถอะ!!
ทันใดนั้นการสนทนาของหยางฮุยก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเขาพูดสองสามคำสุดท้ายด้วยเสียงเบาๆ
มีความรู้สึกลำบากใจในน้ำเสียงของเขา
เงินเกอคุ้นเคยกับหยางฮุยมากจึงรับรู้ได้โดยธรรมชาติ ปกติลูกพี่คนนี้จะเป็นคนพูดจากระโชกโฮกฮากมาก แต่ทำไมคราวนี้ถึงเป็นแบบนี้? “ยังมีคนอื่นด้วยงั้นหรือ?” เฉินเกอถามอย่างสงสัย
“บิงโก! พี่เฉิน นายจำได้ไหมว่าเมื่อวานวันเกิดของหมาเสียว หนาน มีกลุ่มที่นั่งรวมอยู่กับจ้าวยีฟาน สวีเสียเองเธอก็น่าจะเป็น เพื่อนร่วมหอเดียวกันใช่ไหม?”
งานฉลองวันเกิดเมื่อวาน สาวสวยทั้งหอพักจ้าวยีฟานก็มา
ด้วย
สวีเสียและเฉินเกอมีความประทับใจกันอยู่เล็กน้อย ผมสั้น ดู เป็นสไตล์เด็กสาวน่ารักไร้เดียงสา
ทว่าเธอออกจะคล้ายๆกับจ้าว ฟาน เมื่อวานเธอก็ไม่ชายตา
มองเฉินเกอเลยแม้แต่น้อย
เพียงแค่นิ่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไร
“รู้จัก! มีอะไร? นายนัดเธอหรือ?” เฉินเกอตกใจเล็กน้อย
“แหะแหะ บ่ายนี้ตอนที่ฉันกลับไปที่ชั้นเรียนได้เจอเธอระหว่าง ทางพอดีน่ะ เธอลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่โรงอาหาร ฉันเลยกลับไป ช่วยเธอหา โชคดีที่ฉันสนิทสนมกับเจ้าของร้านอาหารที่โรง อาหารนั่น ฉันจึงให้พวกเขาช่วยดูให้หน่อย แล้วก็หาเจอจนได้!”
“นี่คือพรหมลิขิต ความจริงแล้วเมื่อวานตอนที่เจอกัน ฉันก็รู้สึกถูกชะตากับเธอมาก จากนั้นฉันจึงรวบรวมความกล้าพูดออก ไปว่าตอนบ่ายออกไปกินข้าวด้วยกันไหม และเธอก็ตอบตกลง
หยางฮุยพูดด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
พูดตามตรง พอฟังมาจนถึงตอนนี้ เฉินเกอเองก็ดีใจมากที่ได้ ยินหยางฮุยเล่าให้เขาฟัง
แต่เนื่องจากมีเรื่องบางอย่างระหว่างเขากับจ้าว ฟาน เฉินเกอ
จึงไม่อยากสูงสิงกับเพื่อนของจ้าวยีฟาน
ที่สำคัญก็คือไม่อยากเห็นพวกเธอกลอกตาใส่
“งั้นก็ดีเลย งั้นพวกนายก็ไปกันเถอะ ฉันไม่อยากไปเป็นก้าง ขวางคอ ทำให้สำเร็จล่ะ”เฉินเกอยิ้ม
“ให้ตายเถอะ ไปไกลๆเลย พี่เฉินนายไร้สัจจะเกินไปแล้ว พวก เราก็ไปกันหมด พูดก็พูดเถอะ หม่าเสี่ยวหนานก็ไปด้วย และยังมี บุคคลพิเศษอีกคนหนึ่งก็ไปที่นั่นด้วยเช่นกัน คราวนี้ฉันจะ พยายามตั้งใจจับคู่ให้นายกับเสี่ยวหนาน ถ้านายอยากคว้า
โอกาสนี้เอาไว้ก็รีบออกมา
หยางฮุยคิดเพื่อให้เฉินเกอ
“บุคคลพิเศษ?”
เฉินเกอคิดแล้วคิดอีกก็เข้าใจได้ ให้ตายเถอะจ้าว ฟานคง ไม่ไปใช่ไหม?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ