ทะลุมิติตะลุยยุทธภพ

ตอนที่13 บทพิสูจน์ ก้าวแรกสู่สังเวียน



ตอนที่13 บทพิสูจน์ ก้าวแรกสู่สังเวียน

จากการประชุม ได้ข้อยุติ สรรหาตัวบุคคลในการลงแข่งขันแต่ ละประเภท ดังนี้ วาดภาพและดนตรี คงไม่มีใครเหมาะไปกว่า หลงอี้เฟย ซึ่งที่ผ่านมาทำคะแนนได้ดีในด้านนี้มาตลอด โคลง กลอนเป็นหน้าที่ของ เบน เบเซียน สองแฝดเพราะเป็นบุตรเจ้า กรมอาลักษณ์ แม้นจะเป็นรองเพียงหลงอี้เฟย แต่ จัดแข่งเวลาไล่ เรี่ยกันทั้งสองจึงต้องรับไป เดินหมากแทบจะเหลือเชื่อว่า หลี่ เฉียงจิ้งคือตัวจริง เพราะหลงอี้เฟยแอบกระซิบแจ้งแก่นัท ครั้ง เยาว์วัยทั้งคู่เล่นด้วยกันบ่อยครั้ง ยามติดตามบิดาไปเข้าเฝ้า ฮ่องเต้ จากที่ผ่านมา 7 ใน 10 กระดาน หลี่เฉิงจึงคือผู้ชนะ และที่ ผ่านมาก็ไม่เคยแพ้ใคร อันนี้องค์หญิงจื่อเว่ยเป็นผู้รับรอง เพราะ ทุกครั้งที่ทั้งคู่ประลองเดินหมากกัน องค์หญิงอยู่ร่วมเป็น กรรมการ ด้วยทุกครั้ง ด้านทักษะยิงธนู คงต้องยกให้เป็นหน้าที่ องค์หญิงจื่อเว่ย ส่วนขี่ม้า เนื่องจากปีนี้มีการเปลี่ยนแปลง เป็น ใช้รถม้าศึก ในการแข่งและประลอง กวงและหม่าฉินซวง รับ หน้าที่รับผิดชอบ นัดแนะลงฝึกซ้อมเรียบร้อย แต่ การประลอง ยุทธสามคน ในคราแรกตกลงกันว่า เป็นองค์หญิง หม่าฉันซวง และหลี่เฉียงจิ้ง แต่ องค์หญิง และหม่าฉันซวงมีข้อเสนอให้ ประลองกันในกลุ่มกันก่อน เพื่อเป็นการซักซ้อมและได้ประเมิน ฝีมือไปในตัว แต่ ทว่า… จริงๆแล้ว องค์หญิงและหม่าฉินซวงมี วาระซ่อนเร้น นั้นคือ ต้องการทดสอบฝีมือที่แท้จริง ของหล งอี้เฟย ซึ่งหลี่เฉียงจิ้งเห็นด้วยเต็มที่ เพราะจุดประสงค์เดียวกันกับคนทั้งคู่ เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว ทดสอบ หลงอี้เฟย…

“เป็นอันตกลง ตามนี้ พวกเราไปโรงฝึกซ้อม เพื่อทำการคัด เลือกตัวแทน

ลงประลองยุทธ…”

องค์หญิงสบตากับหม่าฉันซวง และหลี่เฉียงจิ้ง

นัท ยืนยิ้มแห้งๆ ไม่มีอะไรจะกล่าวได้แต่เดินตามเหล่ากลุ่ม คณะไปยังโรงฝึกซ้อม

(เอาไงดีท่านกงซุน…)

[เต็มที่ เจ้านัท จะมามัวทำตัวเป็นงูดินไม่ได้แล้ว สมควรแก่ เวลากลายร่างเป็นมังกรให้เหล่าสหายเจ้าได้วางใจ…

(ท่านพี่นัท ข้าขอประลองด้วย ข้าต้องการทดสอบฝีมือตัวเอง

ให้สหายข้ายอมรับ นี่คือก้าวแรกที่ข้าจะได้พิสูจน์ตัวเอง

ตลอดมาหลงอี้เฟยมักถูกตราหน้าว่าไม่ต่างกับสวะเท่าไหร่ จะมีดีตรง ด้านวิชาการ แต่ หากสมชายชาตรีการต่อสู้ต้องควบคู่ กันไปด้วย การทดสอบในครานี้ หลงอี้เฟยจึงถือโอกาสได้ ทดสอบฝีมือตนเอง เพราะที่ผ่านมาตน ฝึกซ้อมกับนัทในมิติแห่ง จิตเท่านั้นนี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้พิสูจน์ฝีมือตนเอง

ณ. โรงฝึกยุทธ สถานศึกษาหลวงกวงหมิง

เมื่อมาถึง หลี่เฉียงจิ้ง ใช้ให้ เบน เบเซียน และอีกวง เฝ้า หน้าประตูด้วยมิต้องการให้คนภายนอกเข้ามาสอดแนม
“คู่แรก ที่จะทําการประลอง ใครจะก้าวออกมา…ขอเป็นการ ประลองเพื่อทดสอบฝีมือ ขอให้หยุดเมื่อถึงตัว ผู้ใดลงมือเกิน กว่าเหตุ ข้าจะลงโทษสถานหนักตามกฎทันที”

องค์หญิงจื่อเว่ย เอ่ย ในฐานะกรรมการ การประลอง ประกาศ กติกาในการประลองเพื่อทดสอบฝีมือ

“ข้าเอง….”

หลี่เฉียงงจิ้ง ในฐานะหัวหน้ากลุ่มก้าวออกมาเป็นคนแรก และก็ไม่ใช่ใครที่หลี่เฉียงจิ้งจะเลือกขอท้าประลองเพราะมีเป้า หมายสำคัญในใจอยู่แล้ว คนผู้นั้นก็คือ หลงอี้เฟย คู่ปรับตลอด กาลของตน นั่นเอง ครานี้ตนจะได้ใช้โอกาสในการทดสอบ ว่า เป็นอย่างที่ตนข้องใจไว้รึไม่ จากเรื่องหยก ในครั้งก่อน

” ข้าขอท้าประลองกัยเจ้า หลงอี้เฟย”

ทันทีที่หลี่เฉียงจิ้ง ประกาศนาม หลงอี้เฟยแจ้งแก่นัทขอตน เป็นผู้ประลองการทดสอบฝีมือในครั้งเป็นคนแรก

และ บัดนี้ หลงอี้เฟย ผู้ซึ่งโดนปรามาส ว่าเป็นขยะมาตลอด กาลเดินออกมาเผชิญหน้ากับหลี่เฉิงจิ้ง ณ.ลานประลอง โดยมี องค์หญิงจื่อเว่ย และหม่าฉันซวงเป็นพยาน

” เริ่มได้.………

องค์หญิงจื่อเว่ย ให้สัญญาณ เมื่อเห็นทั้งคู่ตระเตรียมความ พร้อมในการประลอง

“อี้เฟย หวังว่า เจ้าจะไม่ทำให้ขาต้องผิดหวัง”
หลี่เจียงจิ้งกล่าวพลาง ร่ายกระบวนท่า ค่อยๆขยับย่าง สามขุมเข้าหาคู่ต่อสู้ ดวงตาจับจ้องไปยังเป้าหมายเบื้องหน้า ตา แทบไม่กระพริบ ที่ผ่านมา ตนมิเคยได้ประมือจริงจัง ตั้งแต่เห็น ความเปลี่ยนแปลงของสหายผู้นี้ ครานี้ เป็นโอกาสดีที่จะได้ ทําการทดสอบ เมื่อเห็นหลงอี้เฟยจงใจเปิดช่องโหว่ หลี่เฉียงจิ้ง พลางเร้นลมปราณมารวมไว้ที่ฝ่ามือก่อนสะบัดซัดฝ่ามือออกไป ยังที่ๆหลงอี้เฟยยืนหยัดตั้งรับอยู่ ควรทราบก่อนว่า หลี่เฉียงจิ้ง ระดับปราณ จัดอยู่ในพิภพขั้นที่5 อีกเพียงก้าวเดียว เข้าสู่เจ้า ยุทธขั้นที่ 1 แต่ หลงอี้เฟย ซึ่งอยู่ในสภาวะวิญญาณ นั้นระดับ ปราณ อยู่ที่ จ้าวยุทธขั้นที่2 แต่ ถูกปกปิดลมปราณไว้ให้เห็น เพียง พิภพ ขั้นที่3 หลงอี้เฟยจึงตัดสินใจ ประลองโดยใช้ระดับ ลมปราณนี้มเปิดเผย ลมปราณแท้จริงของตนเอง

ทันที ที่สภาวะฝ่ามือ ลมปราณชั้นที่5 ของหลี่เฉียงจิ้ง พุ่ง ตรงเข้าใส่ หลงอี้เฟยหยิบยืมสภาวะอันดุดันนี้ เบี่ยงวิถีปะทะ ฝ่ามือ ใช้กลยุทธอ่อนสอบแข็ง พลางสลับเท้าใช้ออกด้วย กระบวนท่าสายลมอัสนีที่เน้นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว พลิ้วกาย หลบไปด้านข้าง พร้อมตวัดออกด้วยด้วยปลายเท้า เพลงเตะที่ รวดเร็วจากการหยิบยืมสภาวะที่อีกฝ่ายโถมเข้ามาปะทะ หลี่ เฉียงจิ้ง ร่ำร้อง ผิดท่า อยู่ในใจ ด้วยคำนวนออกว่าสหายตนจะ ใช้แรงส่งของตน ผสานรวมในเพลงเตะที่ใช้ออก ด้วยคาดไม่ถึง สหายที่ตนปรามาสมาตลอดจะมีฝีมือรุดหน้าถึงเพียงนี้ รีบผลัน สลับเท้าฉีกหนีหลบเพลงเตะ ที่กระจายเข้าหาตนแทบมิทันได้ หายใจ พลางรีดเร้นพลังลมปราณ สลับไขว้สองมือ หลงอี้เฟย ตวัดปลายเท้าหมุนตัวเตะปานจักรผันต้านรับฝ่ามือ ของคู่ประลอง พลางพลิกพลิ้วกาย ถีบตัวโหนทะยานสู่เบื้องบน ก่อนเหวี่ยงสะบัดสันมือ ที่อัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณ มุ่งเป้าไป ยังช่องโหว่หนึ่งเดียว ที่เปิดว่างของหลี่เฉียงจิ้ง

หลี่เฉียงจิ้งมิทันได้เหลือบมองสันมือที่สับลงมาดุจอมดาบ กระบวนท่ารวดเร็วและฉับไว เหนือความคาดหมายชุดนี้ เหงื่อ กาฬเริ่มซึม ตามง่ามนิ้ว แทบไม่มีเวลาให้ตรึกตรอง พลางก้มทั้ง ตัวกลิ้งหลบสภาวะโต้กลับ ที่หลงอี้เฟยฟันลงมา ร้องหวาดเสียว ใน ใจ

ถอยร่นไปหยุดตั้งท่ารับ กระบวนท่าต่อไปอยู่ริมสนาม

ประลอง

หลงอี้เฟยคำนวนการเคลื่อนหลบครั้งนี้ไว้แล้ว จึงพลิ้วกาย หมุนตัวจรดปลายเท้าลงกึ่งกลางสนามอย่างแผ่วเบา บ่งบอก ความเหนือชั้นของวิชาตัวเบาที่ตนซุ่มฝึกซ้อม ครานี้ได้ใช้ออก อย่างเต็มภาคภูมิ

( สุดยอด ท่านกงซุนน้องอี้เฟย พัฒนาไปไกลมากจริงๆ ต่าง กับการประลองกับข้าคราก่อน ครั้งนี้ ออกกระบวนท่ารวดเร็ว ใช้ ทีหลังบรรลุถึงก่อน สำแดงความเหนือชั้นได้อย่างหมดจดจริงๆ ท่านให้เท่าไหร่ กระบวนท่านี้

นัทถามความเห็น กงซุนเช่อ รึ AI ผู้เป็นดั่งอาจารย์ของตน และหลงอี้เฟย
(ข้าให้ แค่9 ส่วนอี้เฟยน้องชายเจ้า ช่างมีพัฒนาการเหลือ เชื่อจริงๆ ท่านควรเอาอย่าง

กงซุนเช่อ กล่าวอย่างภูมิใจมองหลงอี้เฟย ผู้เปรียบดั่งศิษย์ ของตน ที่ต้องประเมินความสามารถกันใหม่ หากรู้ถึงซึ่งพื้นฐาน ของแต่ละบุคคลก็ไม่เป็นการยากที่จะเจียรไน เพชรให้งามได้ดัง ศิษย์คนนี้ ความพากเพียรพยายามฝึกฝนอันแสนหฤโหดย่อมได้ ดอกผลที่งดงาม

กลับมาที่หลี่เฉียงจิ้ง บัดนี้ที่ยืนตะลึง

อยู่ขอบเวที มองไปยังดาวข่มตน ที่ยืนอย่างสง่างามอยู่กลาง เวทีประลอง สหายตนตั้งแต่เยาว์วัยผู้นี้ บัดนี้จากลูกไก่ตัวน้อยที่ คอยถูกค่าปรามาส สบประมาท ไม่ต่างกับสวะผู้หนึ่ง เบื้องหน้า ตน ในขณะนี้ จะเรียกว่า อินทรี ย่อมเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินเลยไป จริงๆ ตนทำได้แค่เพียงยอมรับความพ่ายแพ้โดยดุษฎี

“ว่าไง เฉียงจิ้งเจ้าจะประลองต่อไม่…”

องค์หญิงถามไปยังหลี่เฉียงจิ้ง ด้วยเสียงที่คล้ายจะสั่นๆ

ด้วยเพิ่งประจักษ์แกสายตาตนเอง สหายที่เติบโตมาด้วยกัน ถูก

หยามหยั่นจากคนรอบข้างดุจสุนัข ซึ่งตนนึกสงสารเวทนามา

ตลอด บัดนี้ ก้าวมาเป็นมังกรได้อย่างเต็มภาคภูมิ อีกทั้งแววตา

อ่อนโยนที่แสนคุ้นเคย ต่างจากเมื่อสักครู่ แข็งกร้าวเปี่ยมด้วย

พลัง ดุจคนล่ะคน ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมไม่อาจรอดสายตา

หม่าฉันชวงด้วยเช่นเดียวกัน

หลี่เฉิงจิ้ง สลายลมปราณที่คุ้มครองตนเอง พร้อมประสานมือคารวะมายังหลงอี้เฟยสหายคู่ปรับ ตามมารยาทของการ ประลอง พร้อมกล่าวยอมรับการพ่ายแพ้ เพราะไม่กี่กระบวนท่า สำหรับที่ผู้ฉลาดย่อมรู้จักประเมินสถานการณ์ ดีว่าอย่าได้ ดันทุรัง

“รอบนี้อี้เฟยชนะ รอบต่อไป ฉันซวง ประลองกับ อี้เฟย…” องค์หญิงประกาศ การทดสอบในรอบต่อไป ทว่า… ทัน

ที่หม่าฉันซวงจะก้าวขึ้นเวที พลันมีเสียงปรบมือดังแทรกขึ้นมา ทั้งวาจา ที่แฝงไว้ด้วยความโอหัง มิได้กริ่งเกรงผู้ใดในที่นี้

“ยอดเยี่ยมๆ ขอข้าร่วมสนุกด้วยคน……


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ