ทะลุมิติตะลุยยุทธภพ

ตอนที่ 14 มิตรภาพ บนเส้นขนาน



ตอนที่ 14 มิตรภาพ บนเส้นขนาน

“ยอดเยี่ยมๆ… ข้าขอร่วมสนุกด้วยคน”

เสียงผู้มาใหม่ดังมาจากประตูทางเข้า ซึ่งสุดวิสัยแก่เบน เบเซียนที่จะสกัดขวางกั้นเอาไว้ได้ ด้วยผู้มาใหม่คือ อันเตอ เจียง บุตรราชทูตแคว้นต้าเหลียว ที่ถูกส่งตัวมาเพื่อเป็นนักศึกษา ณ.สถานศึกษาหลวงกวงหนึ่ง แห่งนี้ และบริวารร่างยักษ์ อันเดอ

ทันทีที่บุคคลทั้งสองเดินเข้ามาดวงตาหลี่เฉียงจิ้งจ้องเขม็ง ไปยังอันเต๋อเจียง พลางกำหมัดแน่นเนื่องด้วย อันเต่อลู่เจียงได้ แอบอ้างนามของตน ล่อลวงให้ หลงอี้เฟยไปตามสถานที่นัด หมาย ด้วยรู้มาว่าหลงเฟยนั้นอ่อนแอ ว่ายน้ำไม่เป็น จึงรอ จังหวะที่หลงอี้เฟยไม่ทันได้ระวังตัว แกล้งผลักตกน้ำ ซึ่งหล งอี้เฟยเองก็เข้าใจผิดมาโดยตลอดว่า เป็นฝีมือของสหายตน ตั้งแต่เยาว์วัย เป็นผู้บงการ ในครานั้น แต่ หารู้ไม่ว่าทันทีที่หลี่ เฉียงจิ้งทราบว่าหลงอี้เฟยถูกอันเต่อลู่เจียงและพวกล่อลวงจึงได้ รีบติดตามไป พบเห็นเหตุการณ์โดยตลอด รอจนอันเต่อลู่เจียง เดินจากไปหลังจากลอบทำร้ายสหายของตน จึงรีบดำน้ำลงไป ช่วยหลงอี้เฟย จนขึ้นมาจากน้ำ ได้สำเร็จ จากนั้นถ่ายทอดพลัง ลมปราณ ช่วยกระตุ้นชีพจร จนหลงอี้เฟยฟื้นคืนกลับคืนมาเป็น ปรกติ แต่ในขณะนั้น หลงไปหญ่ และเจ้าอ้วนอกวงกำลังมุ่งตรง มาที่ตนพอดี หลี่เฉียงจิ้งเห็นท่าไม่ดีจึงหลบซ่อนตัว ด้วยมิ ต้องการให้ทั้งสองรู้ว่าตนเป็นผู้ช่วยเหลือ มองดูภายนอกเสมือนหนึ่งหลี่เฉียงจิ้ง และหลงอี้เฟยเป็นศัตรูกัน แต่ด้วยตระกูลของทั้ง สอง มักบาดหมางมาตั้งแต่รุ่นปู่ จึงมีกล้าที่จะแสดงออก แท้ที่ จริง หลงอี้เฟยคือสหายเพียงหนึ่งเดียว ที่หลี่เฉียงจิ้งรักและเป็น ห่วงที่สุด ไม่ต่างกับองค์หญิงจื่อเว่ย และดูเหมือนองค์หญิงจื่อเว่ย และหม่าฉันซวงจะรู้สึกได้ในความห่วงหาอาทรนี้เพียงไม่แน่ใจ เพราะการแสดงออกนั้นค้านกับสิ่งที่ตนรู้สึก ทำได้ก็เพียงเก็บ ความสงสัยเงียบไว้ภายใน เฝ้าดู มิตรภาพท่ามกลางความขัด แย้งของทั้งสองตระกูลอยู่ห่างๆ ด้วยตนก็ไม่แน่ใจ ในความ สัมพันธ์ของคนทั้งคู่ มิตรภาพ รีวงษ์ตระกูล

ในขณะที่หลงอี้เฟย เข้าสู่ภาวะจําศีลอยู่นั้น นัทเองก็สงสัย เช่นกัน ต่อมาได้สืบทราบรู้ในข้อเท็จจริงนี้เช่นเดียวกัน และรู้ด้วย ว่าที่ผ่านมา หลี่เฉียงจิ้งจงใจใส่ชื่อหลงอี้เฟยไว้ในกลุ่มของตน ทุกครั้งไปเพราะจะได้อยู่ในสายตาและแอบให้ความคุ้มครอง แต่ด้วยล่วงรู้มาว่ามีกลุ่มคนไม่หวังดีคิดสังหารสหายรักผู้นี้ จึงหา ทางวางแผนกลั่นแกล้งมิให้เข้าทดสอบภาคสนามอยู่ทุกคราไป ก็เพราะห่วงด้านความปลอดภัยในจุดนี้นี่เอง นัทเองในครั้งแรก นึกเฉลียวใจจึงให้กงซุนเช่อดึงความทรงจำสุดท้ายของหลงอี้เฟ ยออกมาดู ในความเข้าใจของหลงอี้เฟย หลี่เฉียงจิ้งคือผู้ผลักตน ตกน้ำ เพราะจดจำใบหน้าได้รางๆ เป็นคนสุดท้ายก่อนที่ตนจะฟื้น แต่แท้ที่จริงแล้วนั้น ขณะที่หลี่เฉียงจึงดำน้ำลงไปช่วยหลงอี้เฟย ขึ้นมาจากน้ำต่างหาก ในระหว่างนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ หล งอี้เฟยได้คว้าหยกประจำตัวของหลี่เฉียงจิดี ในครั้งนั้นจึงให้กงซุนเช่อแอบก๊อปปี้หยกขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่ง เพื่อทดสอบหลี่เฉียงจิ้ง แกล้งลองใจบดขยี้หยกปลอมไปต่อหน้า แต่เก็บหยกของจริงไว้หมายให้หลงอี้เฟยเป็นผู้ส่งคืนและเป็นผู้ พิสูจน์ความจริงในส่วนนี้ด้วยตนเอง

กลับมาที่อันเต่อลู่เจียง บุตรราชทูตต้าเหลียว และผู้ติดตาม ร่างยักษ์ อันเต๋อซีทู้

“พวกท่านประลองกันน่าสนุก ข้าขอส่งอันเพื่อร่วม ทดสอบถือว่า เป็นการประลองฉันท์มิตร พวกท่านคงมีขัดข้อง

พลางส่งสัญญาณให้บริวารขึ้นไปเตรียมพร้อมบนเวที ประลอง ที่มีหลงอี้เฟยอยู่รออยู่ก่อนหน้าแล้ว

“เออ ท่านอันเต่อ ข้าเกรงว่าหากมีข้อผิดพลาดข้าจะรับไม่ไหว

ด้วยพวกเราแค่ทําการทดสอบฝีมือเป็นการภายใน…”

หลี่เฉียงจิ้งแจ้งต่ออันเต่อเจียง ในฐานะตนเป็นหัวหน้า กลุ่ม ต้องรับผิดชอบหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

“หากมีสิ่งใดผิดพลาด ข้า อันเต่อลู่เจียงเป็นผู้รับผิดชอบแต่ เพียงผู้เดียว… ”

กล่าวพลางสายตามองหน้าคนทั่วไปอย่างหยามหมั่นอยู่ ในใจด้วยปรามาสมาตลอด แคว้นต้าหมิงไร้ซึ่งคนมีฝีมือนักสู้รุ่น เยาว์มานานแล้ว แข่งขันประลองระหว่างแคว้นทีไร มีอันพ่ายแพ้ ตกรอบแรกทุกครั้งไป ครั้งนี้ จะได้อาศัยเป็นข้ออ้าง เกิดความผิดพลาดในการประลองถือโอกาสกำจัดทายาทแม่ทัพปราบบูรพาเกริกไกร เป็นการรอนกำลังใจอาจหาญต่อต้านอาณา จักรต้าเหลียวของตน

นัทเมื่อแรกเห็นอันเต่อเจียงและประสงค์ที่แฝงเร้น ได้ 9 10 ส่วนแล้ว แต่ อันเดอเจียง ออกหน้าเป็นรับผิดชอบหลงเฟยภายในใจ เมื่ออันเต๋อเจียงกล่าวเปิดเยี่ยงมี จะรีบคว้าเอา

เชิญ”

ค่ากล่าว เชิญ….มิทันจบ อันเต๋อซีทู้ กระโจนพาเบื้องหน้า หลงเฟยคือ หนุ่มนัทของเรา ยืนยิ้มรออยู่นานแล้ว

ซวง สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ องค์หญิงจื่อเว่ยหันไปกระซิบถามองครักษ์ส่วนตัว

” ท่านคงเห็นแล้ว….. แววหลงเฟย เปลี่ยนการ ประลองเมื่อสักครู่ไปราวกับคนละคน แววตาเจ้าเล่ห์ แต่แฝงไว้ด้วยความ แข็งแกร่ง
หม่าฉันซวงวิเคราะห์ นัท ในร่างหลงอี้เฟยได้ตรงกับความ รู้สึกขององค์หญิง บุรุษผู้เป็นปริศนาอยู่เบื้องหน้า

บัดนี้ ทั้งคู่เตรียมพร้อมเพื่อประลอง องค์หญิงยกมือพร้อมให้ สัญญาณ เริ่ม…!!!!!

มือองค์หญิงยังไม่ทันลด อันเตอซี ที่เตรียมบีบอัดโคจรพลัง ลมปราณ รวบรวมมาไว้ที่ท่อนแขนอันทรงพลัง แข็งแกร่งราวกับ ทองแดง กระโจนร่างยักษ์พุ่งอัดส่งท่อนแขนที่เปี่ยมไปด้วยพละ กำลังอันมหาศาลตรงเข้าปะทะ หลงอี้เฟย ที่ยืนตั้งหลักมั่นอยู่ เบื้องหน้า

นัท หลงอี้เฟยโคจรลมปราณ ระดับจ้าวยุทธขั้นที่ 3 รอรับ การปะทะอยู่ก่อนแล้ว การปะทะครั้งนี้จึงมิใช่สิ่งที่เกินจากความ คาดหมายเท่าไหร่ แต่… ฝืนกัดฟันรับแรงปะทะมหาศาล ด้วยจะ ได้ใช้เป็นข้ออ้างว่าเป็นฝ่ายถูกโจมตีก่อน อีกอย่าง ลึกๆ ต้องการ ทดสอบขีดความสามารถการป้องกันตนว่าทนได้ในระดับไหน คิดพลางนึกหากลยุทธ์เพื่อรับมือศึกการประลอง ในครั้งนี้อยู่ใน ใจ

อันเต่อทะยานเหวี่ยงส่งท่อนแขนเข้าปะทะ คู่ต่อสู้ ด้วยคิด ว่ามทันได้ระวังป้องกัน ส่งผลให้นัทรับแรงปะทะเข้าเต็มๆ ถอย ร่นไปจนสุดเกือบขอบเวทีประลอง ตนเองหยุดดูผลงานแยกเขี้ยว แสยะยิ้มด้วยความสะใจ มองคู่ต่อสู้ตรงหน้าเสมือนสมันน้อยที่ เตรียมเป็นเหยื่ออันโอชะพยัคฆ์เซ่นตน

ทางด้านหลี่เฉียงจิ้งยืนกำหมัดแน่น
นักโทษตัวเองที่ไม่สามารถยุติการประลองอันไร้ความชอบ ธรรมนี้เตรียมกระโจนขึ้นเวที ไม่ต่างกับองค์หญิงจื่อเว่ยที่ทั้ง โกรธแค้นและตกใจตั้งท่าถลาเข้าไปห้าม

ทว่า.. ก่อนที่ทั้งสองจะเคลื่อนไหวสิ่งใด พลันปรากฏร่าง หม่าฉันซวงเข้าขวางคนทั้งคู่พลางส่งสัญญาณอย่าได้เคลื่อนไหว โดยพลการ เดี๋ยวจะเสียเรื่อง ให้อดทนชมการประลองครั้งนี้จน จบ

ต่างกับอันเต๋อเจียงที่มองการกระทำของสมุนตนด้วยความ สมใจ คราก่อนตนออกอุบายแอบอ้างชื่อหลี่เฉียงจิ้ง นัด หลงอี้เฟ ยมาพบ เพื่อลอบฆ่าทิ้งแต่การไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ ครานี้ถือว่า โชคช่วย ได้อ้างเหตุเพราะการประลอง จำกัดทายาทแม่ทัพใหญ่ หลงจิ้งหนาน

นัทค่อยๆประคองตัวลุกขึ้นช้าๆท่าทางที่ดูเสมือนจะบาดเจ็บ มิใช่น้อย ค่อยๆยกมือปาดโลหิตที่ไหลซึมจากมุมปาก พลาง กล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“หากเจ้ามีฝีมือเพียงแค่นี้แล้วหล่ะก็นะ จากนี้ไปเจ้าเตรียม

รับความบันเทิงจากข้าได้เลย…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ