ต้องมนต์บุปผา nc18

บทที่ 9 น้องชายของฝ่าบาท



บทที่ 9 น้องชายของฝ่าบาท

กิริยาของนางทำให้โจวเจ๋อฮั่นรู้สึกว่า บ่าวผู้นี้กำลังโกหก นายบ่าวคู่นี้ไม่อาจปล่อยไปได้จริงๆ เหตุใดจึงต้องพยายาม ปกปิดตัวตนของสตรีผู้นี้เพียงนั้น หากนางไม่มีเรื่องปิดบังจริง

คนของโจวเจ๋อฮั่นนำยาที่เกี่ยวเสร็จเข้ามาแล้ว ชุ่ยหลิน พยายามป้อนหลิวซือซื้ออยู่หลายครั้งแต่ไม่เป็นผล

จวบจนสุดท้ายเป็นโจวเจ๋อฮั่นที่ต้องลงมือ เขาใช้ปากป้อนให้ นางด้วยตนเอง

ซุ่ยหลินบ่าวผู้อ่อนแอถึงกับไม่อาจมองได้ แต่เพราะคุณหนู

ต้องดื่มยานางจึงได้แต่กล้ำกลืนความอดสูเอาไว้

คนผู้นี้ล่วงเกินคุณหนูซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เรื่องนี้นางจะปล่อยให้คุณหนูรู้ไม่ได้เป็นอันขาด

เมื่อป้อนยาเสร็จ โจวเจ๋อฮั่นจึงลุกขึ้น ใบหน้าของเขาเรียบเฉย อีกทั้งยังเอ่ยเสียงเย็นกับชุ่ยหลินว่า

“เจ้ายังต้องตอบคำถามของข้าอีกหลายคำ”

“นะนายท่านได้โปรดเชื่อข้า ข้าไม่รู้เรื่องอันใดจริงๆ”

โจวเจ๋อฮั่นยังไม่ทันได้เอ่ยถาม คนของเขาก็เร่งเข้ามารายงาน อย่างรวดเร็ว

“เรียนนายท่าน ท่านเจ้าเรือนถูกลอบสังหารขอรับ”
“บัดซบ”

ท่านอ๋องตะโกนอย่างอุ่นมัว เรื่องของเขากับสตรีผู้นั้นยังไม่ คลี่คลายอีกทั้งเพิ่งกลับเข้ามาถึงเมืองหลวง

คิดจะพักผ่อนอย่างสงบก่อนจะไปเจอคนน่าเบื่อคนนั้นสัก หลายวัน ท่านเจ้าเรือนที่คนของเขาเอ่ยถึงนั้นแท้จริงแล้วคือ ฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชายของเขานั่นเอง

“หากนางฟื้น ให้พวกเจ้ารีบส่งม้าเร็วแจ้งข้าทันที คอยดูนางให้ ดีให้นางรอข้าอยู่ที่นี่ห้ามนางไปไหนจนกว่าข้าจะกลับมาเข้าใจ หรือไม่”

หลังจัดการกับคนของตนเองแล้ว โจวเจ๋อนไม่รอช้าที่จะ ควบม้ากลับวังหลวงทันที

เขาแน่ใจว่าเสด็จพี่ของเขาไม่ทรงเป็นอันตรายแน่ เพราะ องครักษ์วังหลวงล้วนเป็นคนของเขาที่ฝึกฝนไว้เป็นอย่างดี

เพราะไม่ได้พบกันนานหลายปีจึงอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ อีก ทั้งคนที่ลอบสังหารคงมีฝีมือไม่น้อยจึงเร้นกายเข้าไปในวังหลวง ได้

เช่นนั้นความปลอดภัยของเสด็จแม่ก็ไม่อาจละเลยเรื่องนี้จึง สำคัญยิ่ง

หลงอี้หนานองครักษ์ของหลิวซือซื้อเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่งไม่ น้อย เมื่อเห็นเป็นโอกาสที่จะนำตัวคุณหนูออกมา

อีกทั้งคนที่เขาคิดว่าน่ากลัวที่สุดทั้งสองออกจากโรงเตี้ยมไปแล้ว เขาจึงสั่งคนของเขาให้รมยาเหล่าองครักษ์หลวงที่เฝ้านาง อยู่ด้านนอก

หลง หนานผู้เก่งกาจไม่นานก็พาหลิวซือซื้อที่ยังไม่ได้สติ พร้อมทั้งชุ่ยหลินออกมาจากโรงเตี๊ยมได้สำเร็จ

พวกเขาขึ้นรถม้ากลับเข้าจวนด้วยความเร่งรีบ ความเร็วของ รถมาทําให้พวกเขาหายเข้าไปในความมืด

ความจริงแล้วเป็นเพราะนานๆ คุณหนูได้ออกจากจวนสักครา นางจึงหาโอกาสเกเรไม่ยอมไปที่วัดเสียที กลับยังตั้งอยู่ในเมือง หลวงไม่ให้นายท่านรู้และเที่ยวเล่นจนมืดค่ำ

จวบจนต้องพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้และพบเรื่องน่ากลัวเข้า

เรื่องนี้องครักษ์หลงได้สั่งนางเอาไว้ พาคุณหนูกลับเข้าจวน และแจ้งแก่นายท่านว่าคุณหนูรู้สึกไม่สบาย ไม่อาจเดินทางไปที่ วัดได้จึงจะเป็นการดีที่สุด

พระราชวังหลวง

“น้องข้าเจ้ามาแล้วหรือ ลุกขึ้นๆ ”

โอรสสวรรค์พระพักตร์เปื้อนยิ้มเมื่อเห็นพระอนุชา ไม่คล้ายคน เพิ่งโดนลอบปลงพระชนม์เลยแม้แต่นิด

พระองค์หันมาทักทายเจ้าอี้เหวิน เมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่โตขึ้น ร่างกายกำยำล่ำสันจึงรู้สึกพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง

เพราะมีอาการเมาจึงร่ายคำชมออกมาไม่ขาดปาก อีกทั้งยังให้ของกำนัลแก่เจ้าอี้เหวินไปมากมาย

จวบจนโจวเจ๋อนรู้สึกว่าเขาพลาดและถูกพี่ชายหลอกให้เข้า วังเร่งด่วนเข้าแล้วจึงสั่งเจ้าอี้เหวิน ให้กลับไปยังโรงเตี๊ยมแห่งนั้น “ท่านอ๋อง ท่านจะให้ข้าไปเฝ้าสตรีผู้หนึ่งด้วยตนเองไม่แปลก

ไปหรือ องครักษ์ที่ท่านทิ้งไว้ก็ไม่น้อยน่าจะไม่ทำเรื่องผิดพลาด

“นักฆ่าพวกนั้นฝีมือดีไม่น้อย ข้ารู้สึกว่านางกำลังเป็นเป้า โจมตีอย่างไรเสียต้องป้องกันไว้ก่อน เป็นเจ้าเท่านั้นที่ต้องไป จัดการ”

ในที่สุดเจ้าอี้เหวินก็ยอมแพ้แล้ว อย่างน้อยนางผู้นั้นก็งดงาม ยิ่งการไปเฝ้าคนงามสำหรับเขาก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอันใด เจ้าอี้เห วินจึงออกจากวังหลวงควบม้ากลับไปในทันที

ฮ่องเต้โจวซุ่นจื้อแห่งแคว้นเหลียงนับว่าเป็นโอรสสวรรค์ที่มี ใบหน้างดงามคล้ายอิสตรี ดูบอบบางแต่องอาจเข้มแข็งเป็นหนึ่ง ด้านบน ในแผ่นดินนี้ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยพระพักตร์ที่งดงาม หมดจดของฮ่องเต้จึงทำให้ในช่วงวัยเด็กถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสตรี อยู่บ่อยครั้ง

ด้านท่านอ๋องหนุ่มใบหน้าของเขามีความหล่อเหลาคมคาย ร่างสูงกว่าฮ่องเต้เล็กน้อยสมบูรณ์แบบสมชายชาตรีเป็นที่เลื่อง ลือไปทั่วจนมีหญิงสาวทั่วแว่นแค้นต้องการถวายตัวให้เขา

ท่านอ๋องเก่งกาจด้านวรยุทธ์และเป็นนักวางแผนมาตั้งแต่เด็ก เป็นหนึ่งด้านบ้
สองหนุ่มสูงศักดิ์ผู้เพียบพร้อมมีอายุห่างกันเพียงสองปีมักจะ ตัวติดกันอยู่เสมอจนเป็นที่ชินตาของผู้พบเห็น หนึ่งองค์ชายหล่อเหลา หนึ่งองค์รัชทายาทงดงามนับเป็นคู่พี่ น้องที่ทุกคนล้วนลงความเห็นว่าเป็นเครื่องประดับชั้นดีของวัง

หลวงเป็นที่เจริญหูเจริญตาสร้างความสำราญทางด้านสายตาแก่

ผู้พบเห็น

“กระหม่อมได้ข่าวว่าฝ่าบาทโดนลอบปลงพระชนม์จึงได้รีบรุด มาที่นี่ เห็นท่าทางเช่นนี้แล้วคิดว่าตนเองโดนหลอกเข้าแล้ว เป็น ถึงฝ่าบาทเหตุใดกล่าวเท็จเช่นนี้ ช่างเป็นฮ่องเต้ที่น่ารังเกียจ ที่สุด”

โจวเจ๋อฮั่นลุกขึ้นเมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตจากฮ่องเต้ เป็นพี่ชายที่รัก

เขาและฝ่าบาทถือว่าเติบโตมาด้วยกันอย่างใกล้ชิดกันที่สุด ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด

มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเอ่ยประโยคน่าโดนประหารพวกนี้ ออกไปได้โดยที่ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ฟังแล้วหัวเราะออกมา

“น้องพี่คิดว่าอย่างไรล่ะ ถ้าข้าไม่บอกเจ้าเช่นนี้เจ้าจะยอมมา หาข้าเหรอ เจ้าจะใจร้ายกับข้าเกินไปแล้วท่านอ๋อง”

โอรสสวรรค์ตัดพ้อผู้เป็นอนุชาด้วยพระพักตร์สดใสหาได้ ใส่ใจคำพูดจาประชดประชันนั่นแม้แต่น้อย

การเห็นเขาสุขสบายดีเช่นนี้ทำให้ฮ่องเต้โจวซุนจื่อรู้สึกผิดน้อยลงที่ทำให้น้องชายต้องลำบากอยู่ชายแดนมาหลายปี

แต่จะให้ทำเช่นไรได้เมื่อคนที่สามารถดูแลชายแดนในยาม สงครามได้คงมีแต่น้องชายของเขาผู้นี้ แม้โจวเจ๋อนจะปากร้าย ต้องแต่ยังเยาว์วัยแต่เขาก็หาได้ถือสา

เพราะสิ่งที่โจวเจ๋อฮั่นเอ่ยออกมาล้วนคือความจริงใจหาได้เส แสร้งเอาใจเขาเหมือนผู้อื่นแต่อย่างใด

จึงไม่นับเป็นเรื่องประหลาดที่ฝ่าบาทเช่นเขาจะนิยมชมชอบ น้องชายผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง

“ทรงหลอกกระหม่อม” อ๋องหนุ่มหน้าแดงด้วยโทสะ ส่งเสียง คํารามลอดไรฟัน

ถ้าเป็นเมื่อก่อนครั้งยังเยาว์เขาคงได้จบเรื่องนี้ด้วยกำปั้นกับ

ฝ่าบาทผู้มากด้วยเล่ห์เพทุบายไปแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ