บทที่ 1 ย้อนเวลา
ดอกเหมยแย้มกลีบเบ่งบานงดงามจนเต็มต้น สีชมพูอมชาวช ช่อสว่างสไวตัดกับความมืดมิดในยามราตรี กลีบดอกที่ทนทาน นั้นแม้จะถูกพัดปลิวด้วยลมหิมะก็ไม่ร่วงหล่น ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง กระจายไปตามแรงลมที่พัดปลิวมาเป็นระยะ
หลิวซือซื้อนั่งเท้าคางมองกิ่งเหมยที่ยื่นมาเกือบจนถึงหน้าต่าง ของโรงเตี๊ยมที่พักพลางสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าไปตนเต็มปอด นาน เพียงใดแล้วหนอที่เธอมายังดินแดนแห่งนี้และต้องใช้ชีวิตเฉก เช่นคนที่นี่โดยไม่มีรู้ว่าจะได้มีโอกาสที่จะกลับไปหาคนที่เธอรัก ยังโลกใบเดิมที่เธอจากมา
“คุณหนู น้ำชาเจ้าค่ะ”
หลิวซือซือมองถ้วยน้ำชาที่โชยกลิ่นหอมกรุ่นที่ชุ่ยหลินบ่าวคน สนิทของนางริน ให้อย่างเอาอกเอาใจ หลิวซือซือรับชาจากมือ สาวใช้ กลิ่นหอมของชาลอยอบอวลปนเปไปกับกลิ่นดอกเหมย หอมหวานหลิวซือซืออมยิ้มเล็กน้อย ใบหน้างดงามผุดผ่องเพียง ด้านเดียวนั้นช่างชวนให้เพ้อฝัน ในขณะที่อีกข้างก็ชวนให้รู้สึก สะอิดสะเอียนขนลุกขนพองเป็นอย่างยิ่ง
หลิวซือซือเหม่อลอยทอดถอนหายใจ แม่ของเธอก็ชื่นชอบ ชาดอกเหมยเช่นกันช่วงเวลาที่มีความสุขได้อยู่กันพร้อมหน้าแต่ ก่อนหลิวซือซือไม่คาดคิดว่าจะมีคุณค่าเพียงนี้ แต่เมื่อไม่มี โอกาสเป็นเช่นนั้นอีกหญิงสาวก็รู้สึกเสียใจอีกทั้งเสียดายที่เมื่อตอนนั้นทำสิ่งที่ควรทำน้อยเกินไป
เธอควรดีกับพ่อและแม่ให้มากกว่านี้รักพวกท่านกอดพวกท่าน ให้มากกว่านี้จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลังเช่นนี้อีก
“คิดถึงท่านแม่อีกแล้วหรือเจ้าคะ”
ชุ่ยหลินสาวรับใช้ผู้รู้ใจเอ่ยขึ้น คุณหนูของเธอภายนอกดู เหมือนจะหายเป็นปกติแล้วแต่ในใจนั้นยังคงเจ็บปวดและเศร้า สร้อยเพียงใดมีเพียงชุ่ยหลินเท่านั้นที่รู้ดี
“ข้าจะทำยังไงได้ล่ะชุ่ยหลินที่ผ่านมาข้าก็พยายามที่จะอยู่ที่นี่ อย่างมีความสุขอย่างเต็มที่แล้ว แต่แม่และพ่อของข้าในโลกนั้น เล่าพวกท่านจะอยู่โดยไม่มีข้าได้อย่างไร”
ซุ่ยหลินมองนายหญิงคนงามของตนด้วยความสงสารเป็น อย่างยิ่ง สิ่งที่คุณหนูยอมเปิดใจบอกนางนั้นเป็นเรื่องยากที่จะ เชื่อเหลือเกินแท้จริงแล้วในตอนนี้นายหญิงของนางคือบุตรสาว ของท่านมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่มีความเชี่ยวชาญด้านอักษรและ การปกครองอีกทั้งยังเป็นพระอาจารย์ของฝ่าบาท ถึงหลิวซือซื้อ จะเป็นเพียงบุตรสาวของฮูหยินรองของจวนเสนาบดีแต่ฮูหยิน ใหญ่นั้นก็รักและเอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง
น่าสงสารที่ตั้งแต่เกิดมามารดาก็เสียชีวิตลงทันทีทั้งได้ฝากฝัง บุตรสาวเพียงคนเดียวของตนเองไว้กับท่านเสนาบดีไม่ต้องการ ให้นางเข้าวัง หากเป็นเรื่องคู่ครองแล้วขอให้ท่านมหาเสนาบดี ให้หลิวซือซือเป็นผู้ตัดสินด้วยตนเอง มหาเสนาบดีหลิวฮันรัก ภรรยาของผู้นี้มากอีกทั้งสงสารบุตรสาวที่อาภัพมารดาตั้งแต่เกิด
เขาจึงเฝ้าเก็บนางเอาไว้ในจวนด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงาม หยดย้อยของหลิวซือซื้อเขากลัวว่าอาจจะต้องตาโอรสสวรรค์ หรือท่านอ๋องคนใดได้ เขาไม่ต้องการให้หลิวซือซื้อยุ่งเกี่ยวกับ เรื่องการเมืองให้ลำบาก เพียงให้นางใช้ชีวิตเฉกเช่นหญิงสาว ทั่วไปจึงได้เก็บบุตรีไว้ในเรือนอย่างเงียบเชียบ
เมื่อบุตรสาว โตขึ้นแม้จะซ่อนนางเพียงใดวันหนึ่งเขาก็พบว่า บุรุษที่เคยมาที่จวนของเขาเกิดพบหลิวซือซื้อโดยบังเอิญ หลิว ซือซือที่ไร้เดียงสาของเขาได้มีใจให้คนผู้นั้นแต่ท่านเสนาบดีหลว รู้ดีว่าเบื้องหลังบุรุษผู้นั้นโสมมเพียงใดเขาจึงหาทางที่จะขัดขวาง
ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างเขาเมื่อวันหนึ่งหลิวซือซื้อเกิดพลัดตก น้ำในขณะที่พายเรือเล่นในสระบัวอันกว้างใหญ่ภายในจวน นาง ว่ายน้ำไม่เป็นกว่าคนจะช่วยขึ้นมาได้ก็ทำให้หลิวซือซือเกือบเอา ชีวิตไม่รอด
ที่น่าประหลาดคือเมื่อหญิงสาวฟื้นกลับจำสิ่งใดไม่ได้ ท่าน เสนาบดีจึงได้หลบซ่อนนางจากคนภายนอกอีกครั้ง ให้คนปล่อย ข่าวว่าหลังตกน้ำหลิวซือซือเกิดความจำเสื่อมอีกทั้งยังสติไม่ดีอีก ทั้งนางยังทำไฟไหม้ห้องตนเองและเกิดเสียโฉมเพราะถูกไฟ คลอกมาตั้งแต่นั้น ในขณะที่หลิวซือซือผู้เชื่องซึมไม่ว่าท่านพ่อ ของนางจะให้ทำตัวเช่นไรนางก็หาได้โวยวายอีกทั้งยังเกิดภาวะ เศร้าหมองร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
เรื่องเหลวไหลพวกนี้หลิวซือซื้อย่อมรู้ดีว่าเป็นเพียงอุบายของ บิดาและรู้ดีว่าตนเองนั้นไม่ได้บ้าแต่ประการใด นั่นเป็นเพราะเธอ ไม่ใช่คนที่นี่ ในร่างนี้เป็นเพียงวิญญาณของหลิวซือซือผู้หนย้อนเวลามาด้วยอุบัติเหตุจนมาอาศัยอยู่ในร่างนี้ก็เท่านั้น
ย้อนไปเมื่อห้าปีที่แล้วภาพความทรงจําสุดท้ายที่ยังอยู่ใน สมองของหลิวซือซือคือภาพที่รถของเธอลอยละลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วกระแทกลงมาอย่างหนักจนเธอซาไปทุกส่วนของร่างกาย เธอมองเห็นพ่อสลบไสลอยู่ข้างๆ พร้อมกับเลือดที่อาบทั่วร่าง เธอมองไปรอบรถเห็นคนขับรถถูกอัดก๊อบปี้ด้วยถุงลมนิรภัยไม่รู้ เป็นหรือตายแล้วภาพต่างๆ ก็เลือนรางไปในที่สุด
เมื่อรู้สึกตัวเธอก็กลายมาเป็นคุณหนูแห่งจวนมหาเสนาบดี ฝ่ายซ้ายของราชวงศ์โจวแห่งแคว้นเหลียงไปแล้ว ไม่รู้ว่าสวรรค์ กลั่นแกล้งหรืออย่างไรทำให้เธอย้อนเวลามาเป็นร้อยปีแล้วมา อยู่ในร่างของหลิวซือซื้อผู้หญิงที่มีชื่อและหน้าตาเหมือนกันกับ เธอราวกับคนเดียวกัน
ในตอนแรกเธอไม่กล้าพูดคุยกับใครแม้แต่คนเดียว ความ หวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจ ทุกอย่างที่กระทำเหมือนหุ่นยนต์ ไม่มีชีวิตชีวาจนคิดจะฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง ท่านมหาเสนาบดี มีหน้าตาคล้ายคลึงกับบิดาของเธอช่วยดึงสติเธอมาได้ เธอ ตัดสินใจลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งในดินแดนที่เธอไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่ นิดเดียว
เธอต้องแกล้งทำเป็นความจำเสื่อม เรียนรู้ที่จะอยู่ที่นี่เหมือน เด็กผู้หนึ่งในใจยังหวังอยู่ตลอดเวลาว่าจะสามารถกลับไปหาแม่ และพ่อของเธอได้ แม้ไม่รู้ว่าจะต้องกลับไปด้วยวิธีใดก็ตาม
หลิวซือซือหยิบกระจกที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเพ่งพิศหน้าของตนเองภายใต้แสงเทียน แสงตะเกียงไรไม่สว่างมากนักแต่เธอ ก็ยังมองเห็นใบหน้าของตนเองได้อย่างชัดเจน
นิ้วเรียวขาวผ่องลูบไล้ใบหน้าด้านซ้ายที่งดงามไร้ไฟฟ้าราศีกัน ใด ส่วนด้านขวามีรอยแผลเป็นเล็กๆ เต็มใบหน้าคล้ายรอยแผล ไฟไหม้กระจายทั่วพวงแก้ม
รอยแผลนี้ได้มาจากอุบายของบิดาเสนาบดี เขาสั่งช่างทำ หน้ากากฝีมือดีจากต่างแคว้นทำหน้ากากแผลเป็นนี้มาให้เธอ โดยเฉพาะ
ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าหลิวซือซือมีใบหน้าที่งดงามผุดผ่อง ราวกับเทพเซียน
ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากเล็กกระจิ๋มกระจิ๋มจิ้มลิ้มสีแดงสดเข้า ยวนโดยธรรมชาติ ดวงตากลมโตสะท้อนออกมาถึงความหยาด เพิ่มชวนหลงใหลขนตายาวงอนราวกับปีกผีเสื้อ
หลิวซือซือรู้สึกมีความสุขที่บิดาทำเช่นนี้ การใช้ชีวิตเป็น ภรรยาในโลกโบราณแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยไหนจะต้องทน ช้ำใจเพราะสามีสามารถมีภรรยากี่คนก็ได้ตามต้องการอีกทั้ง สังคมศักดินาก็กดขี่ข่มเหงสตรียิ่งนัก เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่หลิว ซือซือไม่อาจทนได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ