ช็อซ๊อสองเราพันโฉม

บทที่ 4 ฮ่องเต้มาทำไมกัน?



บทที่ 4 ฮ่องเต้มาทำไมกัน?

ครั้นทุกคนอิ่มหนําสำราญกันแล้ว หงซื้อซื้อก็ชวนทุกคนไปนั่ง ดื่มที่ระเบียงกว้างที่ยื่นลงไปในน้ำ “อีกไม่นานหมอกคงจะสลาย แล้ว ยามนี้คงไม่มีใครคิดจะเข้ามาอีกหรอกเพราะค่ายกลจะน่า กลัวยิ่งกว่าค่ายกลหมอกแล้ว”

ตงชางขอตัวไปส่งเสื้อผ้าให้เสี่ยวเอ้อเอาไปซักให้ใหม่ โรงเตี้ยมแห่งนี้มักมีผู้พลาดพลั้งตกน้ำไปเป็นประจำทำให้บริการ ซักรีดได้รับความนิยมอย่างมาก จอมยุทธ์ เจ้าของโรงเตี๊ยมยัง หัวก้าวหน้าทำร้านขายเสื้อผ้าให้ลูกค้าได้ซื้อหาด้วยเพราะจอม ยุทธ์ส่วนใหญ่มักจะเดินทางโดยไม่พกเสื้อผ้าไปด้วย พวกเขา เพียงแต่แบกกระบี่หรือดาบคู่ใจเท่านั้น ที่สำคัญร้านนี้ยังรับซื้อ เสื้อผ้าเก่าของพวกเขาด้วย

พระชายารู้เรื่องนี้จึงไม่ยอมให้พระสวามีเตรียมเสื้อผ้ามาด้วย นางตั้งใจจะมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านในโรงเตี๊ยมใส่เพราะได้ยินหง ซื้ออบอกว่าเสื้อผ้าที่ร้านนี้ปักลวดลายแปลกตา ใช้เนื้อผ้าดี ทนทานต่อการถูกคมอาวุธ

“สุราที่นี่ก็เลิศรส เพราะจอมยุทธ์ให้เถ้าแก่ขี้เมาแห่งตรอก คนโฉดหามาให้โดยเฉพาะไม่มีจำหน่ายที่อื่น” ท่านอ๋องเก้าที่มา เยือนโรงเตี๊ยมแห่งนี้หลายครั้งหันไปยืนยันกับภรรยา หานซูลี่ ได้ยินก็ยิ้มกว้างรีบลากสามีไปยังระเบียงนั้น

“เรารีบไปจองโต๊ะกันเถิด ข้าอยากนั่งชมจันทร์วิวทะเลสาบสวยๆ มานานแล้ว”

“เจ้าไม่ต้องห่วง ประเดี๋ยวข้าจะเลี้ยงสุราพวกเจ้าเองตาม สัญญา” หงซือซือใช้ฝ่ามือดบอกตนเองสองสามที่

เมื่อได้ที่นั่งที่ถูกใจพร้อมกา ราคนละกาแล้ว แต่ละคนก็รีบลิ้ม รสเหล้าขึ้นชื่อที่เสี่ยวเอ้ออวดอ้างว่าหมักไว้กว่าสิบปีบนเทือกเขา มังกรทะยาน อ๋องเก้ากระดูกออกเป็นคนแรกแล้วกล่าวชื่นชม ออกมา “สมแล้วที่เป็นเหล้าหมักบนเทือกเขา รสชาตินุ่มลิ้นยิ่ง

หงมือชื่อดื่มไปสองจอกติดกัน นางมาที่นี่บ่อยกว่าทุกคนใน โต๊ะ ทั้งมาพร้อมบิดามารดาและบางครั้งนางก็มาพร้อมพี่ชาย “สุราที่นี่ขึ้นกับโอกาสนะ หากเจ้าโชคดีบางทีก็จะได้ดื่มสุราที่มา จากเทือกเขาซงซานแถวบ้านเกิดเจ้า” นางเอ่ยกับหาน

“ดีจริง! เช่นนั้นข้าจะขอให้ท่านพี่พาข้ามาอีกคราวหน้า” พระ ชายาหันไปฉอเลาะสวามี เขายิ้มน้อยๆ เพราะรู้ว่าคงไม่อาจ ขัดใจภรรยาได้

“นี่ท่านจะตามใจนางจนเสียคนมิได้นะเพคะท่านอ๋อง

“สหายของผู้ใดก็อบรมกันเอาเถิด ข้าเห็นทีจะคัดค้านอันใด ไม่สําเร็จ” หมิงหลีเหว่ยทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ เมื่อภรรยาหันมา แนบแก้มเข้าที่ต้นแขนเป็นเชิงประจบ

หมอกค่อยๆ สลายไปจนหมด พระจันทร์ที่ยังไม่เต็มดวงดี ทอแสงสุกสกาวสะท้อนบนผืนน้ำมืดดำกว้างใหญ่ มองไกลๆ เห็น ร่องรอยหยักของภูเขาที่อยู่ลิบตาโอบล้อมรอบด้าน
“ไม่คิดว่าอ๋องเก้าจะสุนทรีย์ถึงขนาดพาพระชายามาดื่มถึงที่ นี่” เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังทำเอาท่านอ๋องหันขวับ น้ำเสียงเช่นนี้มี คนผู้เดียวเท่านั้น

“พี่สาม ท่านมาได้อย่างไร?

ชายหนุ่มร่างสูงสง่า ดวงตาเฉียว จมูกโด่งเป็นสันตรง เส้น กรามที่คางชัดเจน ในชุดที่หงซื้อซื้อเคยเห็นแขวนไว้ด้านหน้า ร้านเสื้อในโรงเตี๊ยมที่นางเพิ่งเดินผ่านมาเมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว ทำให้เขาดูเป็นจอมยุทธ์ที่อาจหาญผู้หนึ่ง

มังกรขาวจอมเจ้าเล่ห์ มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน? หงสือซื้อร้อง เอ็ดถึงในใจ เมื่อวานนางเพิ่งคิดถึงเขาและหมายใจจะแปลงโฉม เข้าวังหลวงเพื่อสืบเรื่องต้นสกุลของตนเอง ทว่ายามนี้เขากลับมา ปรากฏตัวต่อหน้าในสถานที่ที่ฮ่องเต้ไม่ควรจะเยี่ยมกรายมาถึง

“ทำไมหรือ? ข้าก็เป็นจอมยุทธ์ผู้หนึ่ง ไม่มีสิทธิ์จะมาโรงเตี๊ยม นี่หรือไรกัน?” เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ในยามที่ไม่สวมชุดปักมังกร เหลืองอร่ามนั้นเขาช่างดูยียวนกวนประสาทดีแท้ พี่สามของท่าน อ๋องเก้าถือวิสาสะนั่งลงข้างจอมยุทธ์หง บุรุษร่างบอบบางที่ยก สุราขึ้นดื่มโดยไม่มองหน้าผู้มาใหม่ “เจ้าจะไม่แนะนำให้ข้า รู้จักเพื่อนจอมยุทธ์ของเจ้าเลยหรือ?”

หานซูรีบทําความเคารพพี่สามในทันที ท่านอ๋องเก้าพลันนึก ขึ้นได้รีบเอ่ยแนะนำ “พี่สามนี่คือจอมยุทธ์หงเพื่อนของเอ๋อร์และ หัวหน้าสวีผู้ดูแลสำนักคุ้มภัย หงส์ไฟสาขาเมืองหมิง”

“อ้อ! ยินดีที่ได้รู้จักพวกท่าน เรียกข้าว่าพี่สามก็พอแล้ว”
แม้ท่านอ๋องเก้าจะไม่เอ่ยพระนามของฮ่องเต้แต่หัวหน้าสวีก็พอ จะเดาฐานะพี่สามคนนี้ได้ว่าต้องเป็นหนึ่งในราชวงศ์เป็นแน่ เพียงแต่เขาไม่เคยพบเจอฮ่องเต้จึงคาดไปไม่ถึงว่าเป็นคนผู้นั้น อ๋องเก้าสบตาพี่ชายคล้ายอยากจะถามสาเหตุที่เขาเดินทางมาที่ นี่ เสี่ยวเอ้อสองคนยกโต๊ะเตี้ยขึ้นไปตั้งบนเวทีที่อยู่มุมระเบียง ด้านหนึ่ง

“แขกผู้เกียรติทุกท่าน วันนี้เรามีนักเล่านิทานอันดับหนึ่งใน ยุทธภพมาให้ความบันเทิง ผู้คนเรียกขานท่านผู้นี้ว่า นักเล่า นิรนาม ขอเชิญรับฟังได้แล้วขอรับ”

ชายชราผมขาวโพลนผู้หนึ่งเดินขึ้นบนเวทีไปนั่งประจำที่ บน โต๊ะมีเพียงไม้ทรงสี่เหลี่ยมอันหนึ่งไว้เคาะให้จังหวะ ด้านหลังมี ชายหนุ่มนั่งประจำอยู่ข้างกลองคอยรัวเรียกความสนใจ เมื่อผู้ เล่านั่งลงเรียบร้อย ชายผู้นั้นก็รัวกลองดังขึ้น

“ข้ามีเรื่องราวเล่าขานในยุทธภพให้พวกท่านฟังมากมาย วัน นี้มาถึงโรงเตี๊ยมยุทธภพย่อมจะต้องเลือกเรื่องที่น่าสนใจมาให้ พวกท่านฟังเป็นแน่ เรื่องร่ำลือหนึ่งที่เพิ่งกลับมาอยู่ในความ สนใจของเหล่าจอมยุทธ์ทางแคว้นตอนเหนือคือวิชาแปลงโฉม บัดนี้ได้ปรากฏผู้มีความสามารถขึ้นที่แคว้นเว่ย คนผู้นี้ร้ายกาจ ยิ่งนัก ปลอมตัวเป็นเจ้าเมืองฉางเฉิงอยู่ได้ปีกว่า ภรรยาเจ้าเมือง รู้สึกสงสัยที่สามีผู้เคยโปรดปรานอนุภรรยา ทั้งสองกลับไม่ยอม ไปมาหาสู่กับพวกนาง ซ้ำยังทำตัวห่างเหินกับบุตรทั้งสาม

ในยามรับประทานอาหารสิ่งที่เคยชื่นชอบกลับมิชอบ เขาอ้าง ว่าตนเองนั้นมีอาการเจ็บป่วยจึงเริ่มไม่ชอบอาหารชนิดเดิมขอให้ภรรยาทําอาหารอย่างใหม่ให้ แรกนางเอาใจสามี ต่อมา พบว่าสามีทําตัวเปลี่ยนไปจากเดิมสิ่ง จึงจับผิด ปกติหนึ่งสัปดาห์สามีของจะต้องมานอนกับนางหนึ่งคืน ทว่าหลังมาเขากลับเก็บตัวในเรือนตนเองและอ้างงานเยอะ งานยุ่ง เจ้าเมืองฉางเฉิงปลดคนรับใช้สตรีที่อยู่เรือนตนเองไปทาสเป็นบุรุษรูปร่างยำหน้าตาคมคายนักเล่านิรนามเคาะหนึ่งใกล้ชิดมักเป็นที่สุดว่าคนใน ครอบครัวตนเปลี่ยนไปเพียงใด?”

“ฮูหยินของเจ้าเมือง ข้องใจยิ่งจึงแอบไปในยามค่ำคืนว่า สามีของตนอยู่อย่างไร? สามแรกก็เห็นเขาอาบแล้วเข้า นอนตามปกติ ยังไม่ถอดใจ เพราะคิดยังพาแอบดูอีกครั้ง คราวนี้นางกับตาสว่างได้ เห็นสามีของนางอ่างอาบน้ำพร้อมทาสชายคนหนึ่ง ทั้ง สองหยอกล้อต่อกระซิกราวกับสามีภรรยา ที่น่าตกใจยิ่งสามีของนางฟอนเฟ้นร่างกายของทาสชายอย่างหลงใหล และร่วมรักกับคนผู้นั้นอ่างน้ำเขาผ่อนลมหายใจและทอดน้ำ เสียงเนิบช้า

“ฮูหยินแทบจะลมลงไป ทว่าสาวของนางประคองร่าง เอาให้ให้จบกลองรัวอีกเจ็ดแปดครั้ง เร่งเร้าให้ทั้งหลายตื่นเต้น
หง อ อ ง ง นางฟังด้วยใจลุ้นระทึกเรื่องนี้เกี่ยวพันกับ ครอบครัวนางโดยตรง วิชาแปลงโฉมนี้หากมิใช่ครอบครัวนาง แล้ว ยังมีผู้ใดอีกเล่าที่นางไม่รู้?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ