ช็อซ๊อสองเราพันโฉม

บทที่ 5 จับผิดผู้แปลงโฉม



บทที่ 5 จับผิดผู้แปลงโฉม

“พวกเขาเป็นชู้รักตัดแขนเสื้อที่รักใคร่กันอย่างยิ่ง ท่ามกลาง ไอน้ำบดบังนั้นเจ้าเมืองฉางเฉิงอุ้มร่างทาสชายที่ไปยัง เตียงนอนและเริ่มต้นบทรักอีกครา ทำเอา ฮูหยินใจสลายจนสาว ใช้ต้องช่วยกันหามร่างของนางกลับเรือนไป” กลองเริ่มรัวถี่กว่า เดิม

เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ผู้ฟังทั้งหลายต่างส่งเสียงฮือฮาวิพากษ์ วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังลั่น นักเล่านิรนามเคาะไม้ทรง สี่เหลี่ยมกับพื้นโต๊ะ ปัง! ปัง! ปัง!

“หลังจากได้สติขึ้นมาอีกคราหนึ่ง ฮูหยินก็รีบไปปรึกษาพี่ สาวของตนที่แต่งงานกับคหบดีเมืองฉางเฉิง พี่สาวคนนั้นเป็นผู้มี สติปัญญาจึงเตือนน้องสาวให้ไตร่ตรองให้รอบคอบ เมื่อ สองพี่น้องคุยกันแล้วจึงตั้งข้อสงสัยว่า บางทีคนผู้นี้อาจมิใช่เจ้า เมืองฉางเฉิงตัวจริง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นปีศาจแปลงกายมา พวก เขาจึงออกไปตามหานักพรตที่มีชื่อเสียง ให้ช่วยเขียนยันต์ให้

นักเล่านิรนามกวาดสายตาไปทั่วบริเวณระเบียงกว้าง “ก็ อย่างที่พวกท่านคิด ในเมื่อคนผู้นี้มิใช่ปีศาจ ยันต์วิเศษพวกนั้น จะช่วยอันใดได้ ความโชคดีที่คราวนั้น มารใหญ่ ได้เดินทาง ผ่านไปยังเมืองฉางเฉิงพอดี เขาได้ยินชาวบ้านซุบซิบนินทากัน เรื่องเจ้าเมืองที่ทะเลาะกับอนุภรรยาเพราะนายเล็กพวกนั้นอิจฉา ในตัวทาสชายที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับสามีมากกว่า ยิ่งฟังมารใหญ่ยิ่งเห็นว่าเรื่องนี้มิใช่เป็นเพราะปีศาจ จึงได้แอบไปเข้าพบกับฮูหยิน ของเจ้าเมือง” ชายชราพักจิบน้ำชา ในขณะที่จอมยุทธ์รอบข้าง ล้วนวางจอกสุรารอฟังต่อ นักเล่าเคาะไม้กับโต๊ะอีกคราหนึ่ง “พวกท่านล้วนรู้จักมารใหญ่ผู้นี้ดีอยู่แล้ว เขาล้วนรู้เรื่องใหญ่น้อย ในยุทธภพเป็นอย่างดี จึงช่วยฮูหยินวางแผนจับผิดคนผู้นี้

“ฮูหยินไปเรียกอนุภรรยาทั้งสองมาหารือกัน เพราะพวกนาง ล้วนรู้จักตำหนิในเรือนร่างสามีทั่วทุกแห่ง คืนนั้นฮูหยินแสร้งไป ร้องห่มร้องไห้กับเจ้าเมือง อ้างว่าตนเองฝันร้ายถึงสามีว่าเขาถูก ฮ่องเต้สั่งประหารชีวิต นางจึงเร่งรีบไปยังวัดโด่งดังประจำเมือง ท่านเจ้าอาวาสจึงนำสมุนไพรให้มาหนึ่งต่อสั่งให้เขามาอาบชำระ กายที่เรือนใหญ่เพื่อเป็นการแก้เคล็ด เจ้าเมืองได้ยินดังนั้นก็ ตกใจรีบตามนางไปเรือนใหญ่ยอมให้อนุภรรยาทั้งสองช่วยกัน อาบน้ำขัดถูร่างกายด้วยสมุนไพร เมื่ออนุภรรยาผู้หนึ่งไม่เห็น ปานที่หน้าท้องของสามีนางก็ตกใจหน้าซีด สามีเห็นนาง แปลกๆ ก็ทักถาม ดีที่นางไม่เผลออุทานสิ่งใดออกมา เมื่อพิธี อาบน้ำว่านเสร็จสิ้น เจ้าเมืองก็กลับเรือนตนเองไป แต่ภรรยาทั้ง สามกลับไม่กล้านอน พวกนางรู้แล้วว่าคนผู้นี้มิใช่สามีของตน จึง รีบไปบอกมารใหญ่มีอี้” ชายชราหยิบจอกน้ำชาขึ้นมาดื่มอีกครั้ง กลองก็รัวดังเพื่อเร้าให้ทุกคนยังคงจดจ่ออยู่กับนิทาน

“มารใหญ่รู้แล้วว่าคนผู้นี้ต้องมีวิชาแปลงโฉม ทว่าในยุทธ ภพนี้วิชาแปลงโฉมอันดับหนึ่งคือเซียนพันหน้าซึ่งหายสาบสูญ ไปเนิ่นนานแล้ว ข่าวที่เชื่อถือได้เล่าว่าเขามีภรรยาจึงวางแผนล่อให้เจ้าเมืองฉางเฉิงตัวปลอมไปติดกับดักในศาลา ว่าการ โดยมีรองเจ้าเมืองช่วยกันจับกุมและเมื่อเปิดเผยโฉมหน้า เขาแล้ว กลับเป็นเพียงจอมยุทธ์ปลายแถวผู้หนึ่งที่อ้างว่าจ่ายเงิน เพื่อเรียนวิชานี้กับหญิงชราที่อาศัยอยู่ในย่านแออัดในแคว้นเวีย แน่นอนว่ามารใหญ่ สงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า หญิงชราคนนั้นเหตุ ใดจึงรู้วิชาแปลงโฉม เขาจึงเดินทางไปยังเมืองหลวงแคว้นเว่ย เพื่อหาคําตอบ” ชายชราเคาะไม้อีกครั้ง หากพวกท่านอยากรู้ พรุ่งนี้รอฟังข้าเล่าการสืบหาความจริงของมารใหญ่อได้ที่นี่ จู่ๆ ชายชราก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ทิ้งไว้บรรดาผู้ฟังนั่งหันไป สนทนาปราศรัยในเรื่องที่ได้ฟังเมื่อครู่

“น้องเก้า เจ้าว่าวิชาแปลงโฉมนี้ในเมืองหมิงมีผู้รู้หรือไม่?” พี่สามหันหน้ามาทางน้องชายที่ยกสุราขึ้นกรอกอีกสองจอก สายตาใคร่ครวญบางอย่าง

“อืม….ข้าว่าเรื่องยุทธภพยากจะหยั่งถึง บางทีพวกเขาอาจ จะอยู่ใกล้จนเราคาดไม่ถึง และอยู่ไกลจนพวกเราไม่อาจจะตาม หาพบ

“เจ้าตอบคลุมเครือเหมือนจะเคยเจอนักแปลงโฉม” พี่สาม ยิ้มร้ายๆ ลอบสังเกตบุรุษตรงหน้าทั้งสอง คนคู่นี้ไม่เคยมี รายงานว่า ใกล้ชิดกับน้องสามมาก่อน ช่างน่าแปลกเสียจริง

จอมยุทธ์หงแอบสะดุ้งในใจ “เจ้ามังกรตัวนี้ไว้ใจไม่ได้ ลอง สังเกตข้าอยู่ตลอดเวลา รู้สึกสงสัยสิ่งใดกันจึงไม่วางตาเช่นนี้?

“คุณชายสาม ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้วก่อนจะจากแคว้นเวียมาทำงานนี่ ที่จริงหญิงชราคนว่าเคยเป็นถกเถียงกันอยู่พักใหญ่ว่าเป็นนางมารโฉมอาจารย์เซียน พันหน้าหรือไม่?หัวหน้าที่ย่างเข้าสี่สิบเคยทอง ยุทธ ภพพอสมควรถึงเรื่องนี้ขึ้นได้

“แล้วตกลงว่า ใช่หรือไม่ล่ะหัวหน้าส

“ช่วงนั้นอาจารย์ของสนใจเรื่องเช่นกัน ท่านยืนยันว่า หญิงชราคนนั้นเมื่อสอบถามข้อมูลแล้วพบว่าลักษณะของ นางมารพันโฉม”

เหตุจึงว่าใช่? ในเมื่อนาง”

“ก็อย่างนักเล่านิรนามได้กล่าวไว้ ใกล้ชิดเท่านั้น

บอกได้ขอ

“ท่านหมายถึงว่าอาจารย์ของท่านเป็นผู้ใกล้ชิดกับนางมาร

พันโฉม”

“จึงคุ้นเคยกับกิริยาอาการบางอย่าง เมื่อลอบสังเกตนาง อยู่พักใหญ่ก็ว่า”

…ยกตัวอย่างให้ข้าฟังหน่อยว่า นางมารพันโฉมอาการแตกต่างจากอื่นอย่างไร?”

หัวหน้าสวยกสุราขึ้นอีกคราหนึ่ง “เท่าข้าได้ นางมาร โฉมชอบกรีดกรายในยามจับตะเกียบเพราะเด็กนางเคยถูกเถ้าแก่เนียในหอคณิกาฝึกมาเช่นนั้น และนางมักจะ ทาแป้งไปรอบคอด้านหลังเพื่อปกปิดรอยน้ำร้อนลวกขนาดหัวแม่ มือ”

คุณชายสามตาเป็นประกายวาบ “สมกับเป็นคนใกล้ชิดจริงๆ หากรู้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ ข้าจะจำไว้เพื่อสักวันนักแปลงโฉม พวกนี้อาจจะแฝงกายไปใกล้ข้า

ท่านอ๋องเก้าได้ฟังก็ชะงักจอกสุราที่ยกขึ้นกำลังจะจิบ “เหตุใด พี่สามจึงคิดว่าคนพวกนี้จะเข้าไปถึงตัวท่านเล่า?”

“ข้าเพียงแต่ป้องกันเอาไว้ คนในวะ เอ๊ย! เรือนข้านั้นมากหน้า หลายตานัก ยากจะสังเกตว่ามีผู้ใดบ้าง? บางทีเดินสวนกันข้า ยังจํามิค่อยจะได้

อ๋องเก้าหัวเราะหึๆ “ท่านก็ลดผู้คนที่รายรอบใกล้ชิดออกบ้าง ก็ได้ เหลือไว้เฉพาะที่จำเป็นและเน้นประวัติไม่มีสิ่งใดน่าเคลือบ แคลงใจ”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น เห็นทีต้องกลับไปจัดเรือนตนเองเสียใหม่” ครั้นสายตาเหลือบไปมองหนุ่มน้อยข้างๆ “จอมยุทธ์หงเจ้าไม่ สนใจเรื่องนักแปลงโฉมบ้างหรือไร?” ร่างบอบบางเงยหน้าขึ้น สบตาคุณชายสาม “เอ๊ะ! ทำไมข้ารู้สึกๆ คุ้นๆ ดวงตาคู่นี้เหลือ เกิน” เมื่อเขาทักเช่นนั้นนางจึงเผลอหลบตาวูบ

“ไม่กระมัง? ข้ากับท่านเพิ่งเคยเจอกันที่นี่ครั้งแรก”

หานซูลี่ยิ้มเก้อๆ รีบรินสุราขึ้นกรอกปาก “อย่าบอกนะว่า เห็น แค่ดวงตาคู่นี้ก็เกิดจำซือซือขึ้นมาได้ มหัศจรรย์เกินไปแล้ว
เขากวาดตามองรูปร่างหน้าตาและการแต่งกายของนางอีก ครั้งหนึ่ง “นั่นสินะ! หรือว่าเป็นเพราะข้ารู้สึกคุ้นลวดลายบน เสื้อผ้าที่เจ้าใส่ มาจากร้านเสื้อโรงเตี๊ยมนี้เหมือนของข้า

“แฮ่ม! ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลยคุณชายสาม มาดื่มกันดีกว่า” นางปิดความสนใจของเขาให้ไปอยู่ที่สุรา “ที่นี่สุรารสเลิศนัก ข้า

รินคารวะพี่สามหนึ่งจอก”

“ดี! ไม่เมาไม่เลิกรา ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะอยากดื่มได้สบายใจ สักครั้ง หากเมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องระวังตัวอะไร รักษาความ ปลอดภัยดีกว่าทุกที่บนโลกนี้ที่ข้าเคยรู้จัก” ชายหนุ่มหน้า คมคายยิ้มกว้าง ยกจอกขึ้นชนกับหนุ่มน้อยด้วยความพอใจ

ผ่านไปหนึ่งชั่วยามหัวหน้าสวีเมาพับลงบนโต๊ะ จอมยุทธ์หง เรียกให้เสี่ยวเอ้อมานำตัวเขาไปส่งยังห้องพัก ตงชางกับหนาน เฉิงไม่กล้าเดินมาสมทบตั้งแต่มองเห็นฮ่องเต้นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับ ท่านอ๋องเก้าจึงได้แต่นั่งอยู่อีกฟาก ท่านอ๋องเก้าหันมาพยักหน้า อนุญาตให้ขึ้นไปพักผ่อนได้ เพราะที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่อาจมีผู้ใด กล้าลอบสังหาร จอมยุทธ์ผู้อื่นเป็นแน่ ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่ สามารถเมาได้อย่างสบายใจ

“น้องหญิง เจ้าไม่ไหวแล้วหรือ?” พระชายาทานที่ดื่มกับ สหายรักอย่างสนุกสนานเซพิงไหล่สวามีหลับไปไม่รู้ตัว “พี่สาม ภรรยาข้าเมามากแล้วขอพานางในห้องก่อน พวกท่านตามสบาย เถิด”

หงซือซือเห็นเช่นนั้นก็คิดจะปลีกตัวหนีไป แม้นางจะคอแข็งกว่าหานซู แต่ก็ไม่อยากจะนั่งอยู่ตามลำพังกับบุรุษสายตา คมกริบผู้นี้ “ข้าเองก็ชักจะไม่ไหวเช่นกัน อยากขอตัวไปพักก่อน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ