ช็อซ๊อสองเราพันโฉม

บทที่ 3 โรงเตี๊ยมยุทธภพ



บทที่ 3 โรงเตี๊ยมยุทธภพ

ทะเลสาบเป็นหลันเอกว้างใหญ่เดินทางจากเมืองหลวงหนึ่ง วันเต็มๆ ก็ไปถึง รถม้าสองคันแล่นตามกันมาจอดที่ท่าเรือเล็ก โรงเตี้ยมริมท่าเรือมีลูกค้ามาเยือนไม่ขาดสาย เถ้าแก่เดินออก มาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

“พวกท่านต้องการห้องพักพี่ห้องขอรับ!”

“เราต้องการเรือสามลำ

“ไม่พักก่อนหรือขอรับ ยามนี้หมอกยังหนาอยู่ หากพวกท่าน คิดจะเข้าโรงเตี๊ยมยุทธภพอาจจะยากลำบากไปสักหน่อย

“ไม่เป็นไร เจ้าบอกค่าเช่าเรือมาเลย

“เช่ายามนี้ราคาไม่แพงแต่ต้องมีค่าประกันเรือด้วย หาก พวกท่านไม่สามารถเอาเรือมาคืนข้าได้ ค่าประกันนี้เป็นอันว่า กลายเป็นราคาซื้อขาด”

อ๋องเก้าตกลงหยิบเงินมาจ่ายค่าเรือนสามลำแล้วหันไปพยัก หน้าให้ตงชางกับหนานเฉิงองครักษ์ประจำตัวตามเถ้าแก่ โรงเตี้ยมออกสํารวจเรือ ให้เรียบร้อย ส่วนหงสืออนำเอาหัวหน้า สวีซึ่งเป็นผู้ดูแลสำนักคุ้มภัยหงส์ไฟสาขาเมืองหมิงมาด้วย การ จะเข้าไปโรงเตี๊ยมยุทธภพได้ต้องมีคู่หูที่เป็นยอดฝีมือช่วยกันฝ่า ค่ายกลจึงจะทำสำเร็จโดยง่าย

“พร้อมแล้วพวกเราก็ไปกันเลย” หงซือซือคึกคักกว่าทุกคนวันนี้นางแปลงโฉมเป็นบุรุษและให้ทุกคนเรียกขานเพียงจอม ยุทธหง ส่วนพระชายาทานซูลี่ก็มาในชุดทะมัดทะแมง ความจริง นางทั้งสองต้องการจะนั่งเรือคู่กันว่าเห็นสายตาดุดันของท่าน อ๋องเก้าแล้วจําต้องแยกย้าย

“เจ้ามานั่งลำนี้น้องหญิง ข้าจะได้ดูแลอย่างเต็มที่” อ๋องเก้าอี้ นิ้วไปที่นั่งด้านหน้า อีกมือก็คว้าไม้พายมากไว้ เมื่อภรรยานั่งลง แล้วก็นไม้พายอีกอัน ให้นาง “เจ้าต้องใช้ไม้พาย ช่วยข้า ป้องกันพวกท่อนไม้ที่จะพุ่งเข้ามา เราต้องระวังอย่าให้เรือคว่ำ เจ้าระวังหน้าให้ดี ส่วนด้านหลังข้าจะพายเอง” เรือน้อยสาม พายตามกันไปจนถึงกลุ่มเมฆหมอกข้างหน้า

คืนนี้แม้พระจันทร์ไม่เต็มดวงแต่กลับส่องแสงสว่างทั่วเวิ้งน้ำ ทะเลสาบ เป็นหลันเซ่อมีน้ำสีเข้มกว่าปกติหากมองในช่วงกลาง วันจะเห็นเป็นสีน้ำเงิน รอบทะเลสาบเป็นที่ลาดเล็กน้อยแล้วก็เลย ไปเป็นภูเขาขนาดหย่อมอยู่รายรอบ ช่วงกลางทะเลสาบมีเกาะ แก่งใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง จอมยุทธ์ผู้เคยครองตำแหน่งเจ้ายุทธภพ ได้มาก่อสร้างโรงเตี๊ยมแห่งนี้และยังส่งต่อกันในสกุล คราหนึ่ง เกิดเหตุนองเลือด ณ ลานด้านหน้าโรงเตี๊ยม จอมยุทธ์คนล่าสุด จึงได้สร้างค่ายกลรอบด้านเพื่อป้องกันมิให้เหล่านักฆ่าเข้ามาที่นี่ ได้ง่าย

อาคารใหญ่สองชั้นบนเนินเขากลางทะเลสาบที่ปรากฏเบื้อง หน้าเมื่อเรือสามลำลอยเข้าไปใกล้ก็เริ่มมีกลุ่มหมอกขาวลอย เข้าปกคลุม

“อาโรงเตี๊ยมหายไปแล้ว หมอกหนาจริงๆ ท่านพี่
“เจ้าอย่ามัวแต่ดูเพลินล่ะ ระวังเอาไว้เราจะเข้าไปในกลุ่ม หมอกแล้ว” ท่าน อ๋องเก้ารีบเตือนภรรยาเมื่อเห็นนางมัวแต่มอง ซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้น

“เอาล่ะ แยกย้ายเข้าคนละด้านนะ เพราะถ้าพายตามกัน ค่ายกลจะบีบรัดพวกเรา คอยระวังท่อนไม้ที่จะพุ่งเข้ามาให้ดี” หง

ออร้องบอก นางกำกับให้หัวหน้าสวีพายเรือออกไปทางขวา

เมื่อพายเรือเจ้าไปในกลุ่มหมอกไม่นานนัก ก็ปรากฏช่อง สำหรับให้เรือพายไปได้โดยมีทางเลือกสองทาง หงซื้อซื้อเลือก ด้านซ้าย นาง ไม้พายแน่นเมื่อสังเกตว่าผืนน้ำมีแรงกระเพื่อม เพิ่มขึ้น “มันกำลังจะมาแล้ว! เตรียมตัว!

ท่อนซุงใหญ่ปลายล่ามด้วยโซ่ ถูกปล่อยลอยน้ำพุ่งเข้ามาหา เรือ หงซือซือใช้ไม้พายที่ทำมาจากท่อนเหล็กค้ำยันไว้แล้วปัด ออกไปทางซ้ายและขวา ในม่านหมอกมีลำไม้ไผ่ใหญ่พุ่งออก มานับไม่ถ้วน หงซือซือ ไม้พายเหล็กด้วยสองมือบริเวณ กึ่งกลางแล้วกวัดแกว่งไปมาเพื่อสกัดท่อนไม้ไผ่ที่หมายพุ่งชน ส่วนศีรษะ หัวหน้าสวีทั้งโยกหัวหลบท่อนไม้ไผ่ทั้งพยายามพาย เรือไปตามช่องทางที่หมอกเว้นว่างไว้ ตะเกียงที่มัดอยู่หัวเตียง ทำให้มองเห็นข้างหน้าได้ถนัดถน

“นายท่านใกล้จะถึงหรือยังขอรับ”

“ยังเหลืออีกด่าน เจ้าพายไปเรื่อยๆ” สักพักหนึ่งซุงที่ลอยมา พุ่งชนเรือก็หายไป เหลือเพียงไม้ไผ่ที่พุ่งออกมาไม่ขาดสาย “ซุง หายไปหมดแล้ว ระวังคลื่น ถ่วงเรือ ให้ดีมันจะพยายามทำให้เรือล่ม วางพายแล้วคว่ำหน้าลงไปจอมยุทธ์หงร้องเตือนหัวหน้าคลื่นขนาดใหญ่โถมเข้าหาเรือจนโคลงเคลง หงซีออ เกร็งพลังไปร่างวางเรือแน่น หัวหน้าสวีทำเช่นเดียวกับ หงสือชื่อ คลื่นแรงเรือโยนตัว กดไว้แน่นอีกนานคลื่นก็จะหมดแล้ว”

คลื่นสูงเป็นศอกกระแทกเรือเข้าๆ เรือน้อยค่อยๆ ลอยถอย จากจุดหมาย เมื่อพวกเขาประคองเรือเอาได้หนึ่งเค่อคลื่นก็หายไป

“นายท่าน คลื่นหมดแล้ว”

“เจ้าเร่งเร็วเข้าคราวไม้มาขึ้นหยิบพายขึ้นจ้วงอย่างเร็วและแรง สวีเหยียนเล่อไม่รอ ช้าทําตามเจ้านาย เรือของพวกเดินหน้าไปตามช่อง ว่างระหว่างกลุ่มหมอกอย่างรวดเร็ว เห็นตลิ่งแล้วระวังตัวหง ออก๋าพายแน่นแล้วขึ้นยืนขาถ่วงน้ำหนักเรือ ไผ่ปลายแหลมเสียบขึ้นมาจากน้ำจนทะลุขึ้นมาหลาย แห่ง และซุงปลายล่ามโซ่ข้างหนึ่งพุ่งออกข้าก่อน นะ” นางกระโจนไปหน้าปลายแตะท่อนซุงที่มาขาดสาย จังหวะใกล้จะถึงใส่ร่าง นางเอาพายเหล็กปัดท่อนไม้ไผ่

หงสือชื่อเข้าไปจองโต๊ะใหญ่พร้อมสั่งอาหารรอ จอมยุทธ์ที่นั่ง โต๊ะอื่นหันมามองครู่หนึ่งแล้วก็ละความสนใจเห็นว่ามือพระชายาทานเข้ามา ส่วนตงซางกับหนานเฉิงทำหน้ามุ่ยเดิน คู่กันเข้าตรงมายังโต๊ะที่เจ้านายนั่งรออยู่

“องครักษ์ตง เจ้าทําไมทำหน้าเช่นนั้น?” จอมยุทธ์หงร้องทัก

“หนานเฉิงน่ะสิ ไม่ระวังทำเรือคว่ำ ดีว่าข้าเกาะขอนไม้ใหญ่ไว้ ได้ทัน เสื้อผ้าข้าเปียกหมด ทั้งยังห่อผ้าข้างหลังอีก

“เจ้าพูดยังกับข้าไม่เปียก บอกเจ้าแล้วไงว่าตอนที่คลื่นมาให้ หมอบๆ เจ้าก็ยังจะยืนอยู่นั่นล่ะ

“ข้ากำลังปัดท่อนไม้ไผ่ที่มันพุ่งใส่หัวเจ้าอยู่นะ”

“เอาล่ะ! มาถึงได้ก็ดีแล้ว ไม่บาดเจ็บก็ถือว่าประสบความ สําเร็จ” ท่านอ๋องเก้าอมยิ้มมององครักษ์ทั้งสองของตนที่เปียกมะ ลอกมะแลก ทั้งยังมายืนเถียงกันเหมือนกับเด็ก พวกเขาวางห่อ ผ้าที่พกมาลงบนโต๊ะใกล้ๆ

“เจ้าก็ไม่เปียกมากนี้ ยังนั่งกินข้าวได้ มาเถอะข้าสั่งอาหารเพื่อ ไว้แล้ว” จอมยุทธ์หงหันไปสั่งให้เสี่ยวเอ้อยกอาหารที่นางสั่งไว้ ออกมาให้หมด ทุกคนก็นั่งล้อมวงเริ่มรับประทานอาหารร่วมกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ