ชีวิตจริงเสมือนฝัน

ตอนที่ 6-1 อม…10



ตอนที่ 6-1 อม…10

ตอนที่ 6 : อมนุษย์

“ให้ข้าจัดที่นั่งให้ท่านตรงนั้นไหม หรือท่านจะนั่งด้านหน้า โต๊ะสั่งอาหารดีเจ้าคะ?”

ขณะที่ถามอมนุษย์ลูกครึ่งหมาจิ้งจอกหูใหญ่ตนนั้น ฉันได้ วางถาดในมือลงบนโต๊ะสั่งอาหาร

ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังสงสัยอยู่ว่าลูกค้าทั้งหมดหายตัวไป ไหนกัน ดูเหมือนพวกเขาออกไปด้วยความสมัครใจเพราะทุก คนจ่ายเงินค่าอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว ทว่ามันก็ยัง รู้สึกแปลกอยู่ดีที่ทุกคนออกไปพร้อมกันหมด

ขณะที่ฉันกำลังสับสนกับเหตุการณ์นี้ ทันใดนั้นฉันเหลือบ ไปเห็นสายตาที่จ้องมองมาจากมุมโต๊ะสั่งอาหาร ฉันสบตากับ อมนุษย์ที่กำลังจ้องมองมาที่ฉัน

เมื่อฉันเอ่ยถามเขาเรื่องที่นั่งด้านหน้าโต๊ะสั่งอาหาร ทว่า ไม่มีเสียงตอบรับใด… หรือว่าเขาจะไม่เข้าใจภาษามนุษย์กันนะ แต่จากที่ฉันเคยศึกษาจากในตำราเรียน อมนุษย์สามารถพูด และเข้าใจภาษามนุษย์ ฉันยิ้มเพื่อรอคำตอบจากเขา ทว่าเขา ได้เดินไปทางด้านซ้ายมือโดยไม่พูดจาอันใด

ฝ่ามือของเขามีขนปุกปุยและรูปทรงแบบสุนัขจิ้งจอก เขา ใช้กรงเล็บสีดำชี้ไปยังลาเต้บนถาด
“นั่นคืออะไร”

น้ำเสียงของอมนุษย์ตนนี้เป็นน้ำเสียงของเด็กหนุ่ม

“นั่นเรียกว่ากาแฟลาเต้เจ้าค่ะ”

“งั้นขาขอกาแฟแบบนั้น และข้าไม่จำเป็นต้องนั่ง ดู เหมือนว่าอมนุษย์ตนนี้จะสั่งกาแฟลาเต้

“ได้เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าทำกาแฟลาเต้แก้วใหม่ให้ นะเจ้าคะ” ขณะที่ฉันพูดจบอมนุษย์ตนนั้นได้สะบัดหัวไปมา

“เอาแก้วนั้นให้ข้าก็ได้ มิเป็นไร”

ช่างน่าแปลกใจเสียจริง ฉันยื่นแก้วกาแฟลาเต้ให้ เขา หยิบแก้วกาแฟและกินมันอย่างเงียบ ๆ

… ฉันไม่ได้สัมผัสมือปุกปุยนั้นเลยแม้แต่น้อย….. น่า

เสียดาย

“เฮ้! ทำไมเจ้าถึงไม่เก็บเงินขาเสียที่เล่า ข้าสงสัยเสียจริง ร้านกาแฟแห่งนี้ไม่มีคนเก็บจานและแก้วไปล้างเลยหรือ อมนุษย์ตนนั้นวางแก้วลาเต้ลงขณะพูดกับฉัน

ฉันตัดสินใจว่าจะคิดเงินค่ากาแฟลาเต้ของเขาและ

ทําความสะอาดร้าน

“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอเก็บเงินเลยนะเจ้าคะ

ขณะนั้น ฉันเช็ดโต๊ะพร้อมกับวางบิลเก็บเงินค่ากาแฟไว้ที่ ด้านซ้ายของโต๊ะ ฉันมีความอยากรู้อยากเห็นในตัวของอมนุษย์ตนนี้อย่างมาก สายตาของฉันเอาแต่จับจ้องความ เคลื่อนไหวของห่างอันแสนปุกปุยที่แกว่งไปมา เขาได้วางแก้ว กาแฟลาเต้ของตนลงพร้อมมองสอดส่องไปรอบ ๆ ร้าน จากนั้น ก็หยิบนาฬิกาทรายของท่านขึ้นมาดูและพลิกมันพร้อมวาง กลับไปที่เดิม

ทรายสีเขียวมรกตเปล่งประกายระยิบระยับร่วงหล่นลงมา สู่ส่วนนาฬิกาทรายด้านล่าง ทว่าอมนุษย์ตนนั้นก็มิได้สนใจ อะไร แล้วเอื้อมมือไปหยิบแซนด์วิช ในถาดอาหารมาคม จาก นั้นเขาก็วางลง

“เอ่อ…ท่านจะรับแซนด์วิชชิ้นใหม่ไหมเจ้าคะ”

“ไม่เป็นไร”

ถ้าเขาพูดเช่นนั้นฉันก็ไม่สามารถทำอันใดได้… ฉันตั้งหน้า ตั้งตาทําความสะอาดแต่สายตาของฉันก็ยังพะวงคอยแอบมอง เขาผู้ที่กำลังเคี้ยวแซนด์วิชหงุบหลับอยู่

เมื่อฉันทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว อมนุษย์ตน นั้นก็ได้เรียกหาฉัน

“ดูเหมือนว่าร้านแห่งนี้จะเป็นข่าวลือ เจ้าคือผู้จัดการร้าน

หรือ?”

“ใช่เจ้าค่ะ”

ข่าวลือหรือ?… ฉันสงสัยว่าเขาพูดถึงอะไร ขณะที่กำลังคิด ฉันก็ได้พยักหน้าตอบรับอย่างสุภาพ
เจ้าเปิดร้านนี้ด้วยตัวคนเดียวหรือ?”

“ใช่ ข้าชื่อรอนย่าเจ้าค่ะ”

“เจ้ายังอ่อนวัยยิ่งนัก ครอบครัวเจ้าไปไหนเสียหมด?

“ข้าไม่ได้อยู่กับพวกเขา… ขาตัดสินใจไม่ข้องเกี่ยวกับ พวกเขาแล้วเจ้าค่ะ”

ถึงอย่างไรก็ช่าง ฉันรู้สึกได้ถึงการพยายามซักถามของ เขา แน่นอน… ฉันก็มิได้พูดว่าตัวเองเป็นบุตรสาวของท่านเคา นต์ตระกูลกาวิเซล่า บุคคลที่รู้ว่าฉันเป็นใครมาจากไหนมีเพียง ท่านปู่และราโม่ แม้กระทั่งบรรดาเพื่อนที่สถาบันรวมถึงเฮนเซล ก็ไม่มีใครทราบถึงที่ตั้งของร้านกาแฟนี้ ทว่าพวกเขามิได้กังวล เพราะรู้ดีว่าฉันสุขสบายดีและได้เติมเต็มความปรารถนาของ ตนเองแล้ว

สถานที่แห่งนี้จะอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากเมืองหลวงและ ฉันก็รู้ว่าที่นี่ไม่มีการแพร่ข่าวลืออย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงไม่ จําเป็นต้องกลัวหรือระวังอะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าถามฉันเกี่ยวกับ ชาวเมืองหรือลูกค้าประจำ ฉันก็คงตอบได้อย่างคลุมเครือและ ไม่แน่ใจนัก

การยิ้มอย่างสุภาพและพูดว่า “นั่นมันความลับ มันเป็นวิธี ที่สามารถแก้ได้ทุกปัญหา ทุกคนรู้ดีว่าฉันมีเหตุผลที่ตอบเช่น นั้นและมิได้ถามอะไรฉันเพิ่ม

“หืมมม?” ดวงตารูปทรงอัลมอนด์เริ่มแคบลงด้วยความ อยากรู้อยากเห็น ทว่าก็เหมือนคนอื่น ๆ เขามิได้ถามอะไรเพิ่ม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ