ชายาหมอเทวดา

บทที่ 1 โลหิตหัวใจ



บทที่ 1 โลหิตหัวใจ

บทที่ 1 โลหิตหัวใจ

“ซี้ด…….. ความเจ็บปวดที่เสียดแทงหัวใจทำให้กู้อ้าว เวยส่งเสียงครางออกมา ทั่วทั้งแขนขาทุกข์ทรมานราวกับ มีมดนับพันตัวไต่คืบคลาน

กลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นที่กำจายอยู่ในอากาศทำให้นาง ขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ ความกดอากาศต่รอบกาย ทำให้กู้อ้าวเวยตีระฆังสั่นเตือนอยู่ในใจ

“ผู้สืบทอดหลิงหนานตระกูลหยุนแสนผ่าเผยก็แค่นี้ ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยก็สลบลงไป

น้ำเย็นทั้งอ่างลดลงมาที่กลางศีรษะ ความเย็นฉับพลัน ทำให้กู้อ้าวเวยหนาวสั่น พลันลืมตาอย่างกะทันหัน มอง ทุกสิ่งที่แปลกๆรอบตัวนาง

“ทำไม ไม่แกล้งตายแล้วหรือ?” บุรุษสวมสุดสีแดงเย้า ยวนทั้งร่างคุกเข่าที่ข้างกาย นิ้วมือเรียวยาวจับคางของกู้ อ้าวเวยไว้ แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “กู้อ้าวเวย เจ้าใช้ทุก วิถีทางเพื่อแต่งให้ข้า ทำให้เจ้าต้องตกตายเยี่ยงนี้ไม่ ใช่ ว่าเป็นการเอาความเจ้าเกินไปหรอกนะ”
อ้าวเวยขมวดคิ้วมองบุรุษตรงหน้า นัยน์ตาคู่นั้นที่เยือก เย็นดุร้ายภายใต้คิ้วกระบี่เรียวเฉียงขึ้น ทำให้อากาศร อบๆเพิ่มความเย็นเยียบขึ้นหลายส่วน ริมฝีปากเรียวบาง หยักปากรูปมนอย่างเห็นได้ชัด ของชั้นหนึ่งเช่นนี้หาได้ ยากจริงๆ แต่บรรยากาศเยือกเย็นที่แผ่ออกมาทั่วทุกอณู บนร่างทําให้คนไม่อาจชมชอบได้ลง

กู้อ้าวเวยกำลังพิจารณาห้องที่ไม่คุ้นเคย เกิดความมึนงง อยู่ชั่วครู่

ตอนนี้มันสถานการณ์อะไรกันเนี่ย นางไม่ใช่ว่าต้อง ทําการผ่าตัดให้คนไข้ที่ห้องผ่าตัดหรอกหรือ?

หรือเป็นเพราะว่านางสลบจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อย เกินไป? บางทีอาจจะใช่ ให้หญิงสาวที่สวยดั่งดอกไม้ ราวกับหยกทํางานไม่หลับไม่นอนสี่สิบกว่าชั่วโมง ถึงเป็น คนเหล็กก็อาจเหนื่อยตายได้

“โลหิตหัวใจถ้วยนี้ถือซะว่าเจ้าให้เป็นของกำนัลพบหน้า ให้กับพ่านเอ๋อร์ก็แล้วกัน”

ขณะที่กล่าว ก็แทงกริชเข้ากลางอกแล้วถอนออกทันที เลือดสดๆไหลพรั่งพรูออกมา กู้อ้าวเวยครางด้วยความ เจ็บปวด

กู้อ้าวเวยแต่ไรก็มิใช่ผู้นำที่ปวกเปียกเป็นลูกพลับอ่อนไม่เช่นนั้นก็คงไม่ได้นั่งตำแหน่งหัวหน้าแพทย์ตั้งแต่วัยรุ่น เช่นนี้ เธอสะบัดแขนของบุรุษ แล้วตบเข้าที่ใบหน้าชาย คนนั้นอย่างรุนแรง “ไอ้ระยำเอ๊ย นายไม่ใช่คนป่วยเรอะ ป่วยแล้วก็ไปกินยาเซ่ มาทําบ้าอะไรฉันเล่า โรงพยาบาล บ้าที่ไหนไม่เฝ้าให้ดีๆถึงปล่อยนายออกมาเพ่นพ่านได้ อยากตายนักเหรอ”? ซ่านจินจื่อนึกไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยเดิม ที่อ่อนแอจะกล้าตบเขา จึงง้างฝ่าเท้าเตะเข้าที่ตัวกู้อ้าว เวย ราวกับยังไม่คลายโทสะ พลางเตะเข้าไปอีกหลาย จึงค่อยรามือ

กู้อ้าวเวยกัดเรียวริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้ส่งเสียงร้อง เจ็บออกมา นางรู้สึกว่าอวัยวะภายในร่างกายของตนถูก เตะจนแทบจะทะลักออกมา ชายคนนี้ไม่รู้จักทะนุถนอม อ่อนโยนกับผู้หญิงบ้างเลย

“กู้อ้าวเวย เจ้าอย่าได้ทำลืม เจ้าก็เป็นแค่ยารักษาอาการ ป่วยให้กับพ่านเอ๋อร์ อย่าได้มองข้ามความหวังดีของผู้ อื่น” ขวดกระเบื้องสีขาวรองรับบรรจุหยดเลือดอย่าง ระมัดระวัง มองกู้อ้าวเวยที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความ รังเกียจ ทิ้งขวดยารักษาแผลขวดหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ กำชับด้วยเสียงเย็นเยียบ “ดูนางให้ดี อย่าให้ตาย

กู้อ้าวเวยนอนเวียนศีรษะตาลายอยู่บนพื้น บาดแผลตรง หน้าอกยังมีเลือดรินไหล ภายในห้องที่เงียบสงัด ทำให้ จิตใจว้าวุ่นอย่างเงียบๆ

มองห้องที่ถูกปิดประตูลง กู้อ้าวเวยกัดฟันลุกคลานขึ้นเตียง มองชุดแต่งงานสีแดงบนร่างที่สีแสบตาเช่นนี้ จึงฉีก ชุดที่ขัดตาออกด้วยความดูแคลน เป็นเพราะความเจ็บ ปวด เหงื่อเย็นๆจึงไหลอาบลงมาที่ใบแก้ม

หลังจากฝืนพันบาดแผลบนร่างแล้วทอดกายลงบนเตียง ดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาทั้งคู่ของกู้อ้าวเวยมองไปยังเพดาน ขณะทำกำลังย่อยข้อมูลทำให้ตนไม่อาจที่จะเชื่อและไม่ อาจยอมรับความจริงนี้ได้

นางเดินทางข้ามโลกมา!

เมื่อนึกถึงบุรุษคนเมื่อสักครู่ที่ใช้กริชทำร้ายหัวใจ เจ้าของร่างเดิมอย่างโหดเหี้ยมเพียงเพื่อให้ได้เลือดหัวใจ บ้าบออะไรนั่น ทําให้หัวใจเจ้าของร่างเดิมเสียหายและ ถึงแก่ชีวิต ทําไมนางจึงติดแหวกและมาครอบครองร่าง เจ้าของเดิม ทำไมนางจึงมาอยู่ที่นี่ ด้วยสาเหตุใดนั้นกลับ ไม่อาจล่วงรู้ได้เลย

ต้องบอกว่าเจ้าของร่างเดิมชะตาอาภัพนัก แม้สถานะ เป็นบุตรสาวภรรยาหลวงจวนอัครเฉิงเซี่ยง (จวนเฉิงเซี่ ยง ตำแหน่งเฉิงเซี่ยง คือตำแหน่งอัครเสนาบดี) แต่กลับ ไม่ได้รับความรักความโปรดปราน ตั้งแต่เกิดมาก็ถูกเลี้ยง ดูอยู่บ้านบรรพบุรุษหลิ่งหนานตระกูลหยุน เมื่ออายุสิบ ห้าปีจึงถูกรับกลับมายังจวนอัครเสนาบดี เพียงเพราะว่า ถึงวัยออกเรือนของเจ้าของร่างเดิม ใครจะรู้ว่างานเลี้ยง เทศกาลไหว้พระจันทร์กลางฤดูใบไม้ร่วงวันนั้นจะทำให้ เจ้าของร่างเดิมปันใจตั้งแต่แรกพบให้กับซ่านจินจื่อผู้มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นอ๋องเทพแห่งสงคราม อายุน้อยที่สุดในแคว้นชางหลาน เมื่อกลับบ้านก็ร่ำร้องจะ เป็นจะตายเพื่อแต่งให้กับซานจินจื่อ

กู้อ้าวเวยแขวะอยู่ภายในใจด้วยความปวดหัวที่เจ้าของ ร่างเดิมไม่เคยพบพานบุรุษหลากหลาย ผู้ชายสวะแบบ นั้นอย่างซ่านจินจื่อ นางไม่เอาด้วยหรอก เจ้าของร่างเดิม รีบร้อนจะแต่งให้เขา ตอนนี้เป็นไงล่ะ กระทั่งชีวิตก็สิ้น แล้ว

แต่แค่นี้ไม่นับว่าเป็นอะไร เรื่องที่น่าปวดหัวก็คือ ใน แคว้นชางหลานนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าซ่านจินจื่อมีศิษย์น้อง หญิงที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่วัยเยาว์-ซูพ่านเอ๋อร์ คนทั้ง สองหมั้นหมายตราบชั่วชีวาวาย บัดนี้ถูกเจ้าของร่างเดิม สอดมือสอดเท้าแล้วจะไม่ถูกผู้คนเกลียดชังได้อย่างไร

เพียงแต่ซูพ่านเอ๋อร์ผู้นี้เดิมทีก็เป็นคนอมโรคผู้หนึ่ง เพื่อ นางแล้วซ่านจินจื่อตระเวณหาหมอผู้มีชื่อเสียงอยู่ตลอด แต่ไม่อาจรักษาได้ ทั้งมีหมอบางคนยืนยันว่าซูพ่านเอ๋อร์ คงมีชีวิตอยู่ไม่ครบยี่สิบปีดี

เมื่อนึกถึงค่ำคืนแต่งงานที่เจ้าบ่าวซ่านจินจื่อใช้กริชแทง เข้าที่หัวใจเจ้าของร่างเดิมเพียงเพื่อนำโลหิตหัวใจของ นางไปช่วยชีวิตซูพ่านเอ๋อร์นั่น!
ถ้าหากโลหิตหัวใจสามารถช่วยคนได้ ทุกๆ บนโลก ก็อาจไม่มีคนป่วยที่ต้องเสียชีวิตเนื่องจากโรคภัยต่างๆ มากมายขนาดนั้น

“เหอะ…เจ้าคนโง่เขลา! โง่จนไม่อาจเยียวยาแล้วจริงๆ!” มองบาดแผลบนทรวงอกด้วยใบหน้าเย้ยหยัน เมื่อนึกถึง บุญคุณความแค้นมากมายในอดีตชาติ กู้อ้าวเวยพลัน ปวดใจแทนเจ้าของร่างเดิม

“เจ้าวางใจ ข้าจะเป็นตัวแทนทวงแค้นพวกมันที่ติดหนี้ เจ้า ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายเปล่าอย่างเด็ดขาด” มือ ค่อยๆวางบนทรวงอก ขณะที่รับรู้ถึงความรู้สึกลมหายใจ อ่อนแรงจากเจ้าของร่างเดิม พลันถอนใจ “ในเมื่อข้ามา อยู่ที่นี่ ใช้ร่างกายและตัวตนของเจ้า ความแค้นนี้ข้าจะ ช่วยเจ้าชำระ เจ้าไปอย่างวางใจเถิด”

จิตใจค่อยๆฟื้นคืนสู่ความสงบ กู้อ้าวเวยที่นอนอยู่บน เตียง ใคร่ครวญพินิจอย่างละเอียดอยู่ภายในหัว ในเมื่อ ต้องชาระแค้น เช่นนั้นก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่ ตนมีสภาพเป็นลูกผีลูกคน คิดจะชำระแค้นเกรงว่าคงยาก นํามาก อย่าเพิ่งรีบกังวล

ซ่านจินจื่อ ซูพ่านเอ๋อร์!

วันหน้าพวกเรายังอีกยาวไกล!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ