ชายาหมอเทวดา

ตอนที่ 12 ความเจ็บป่วยของซูพ่านเอ๋อ



ตอนที่ 12 ความเจ็บป่วยของซูพ่านเอ๋อ

ตอนที่ 12 ความเจ็บป่วยของซูพ่านเอ๋อ

อ้าวเวยมองไปที่ซ่านจินจื่อด้วยความสงสัยอย่าง จริงใจ นางจับหน้าผากอย่างหมดหนทาง สามารถเห็นได้ ว่าในเพลานี้ ซ่านจินจื่อมิได้ขัดแย้งแต่อย่างใด แต่เขา รู้สึกว่ามิมีอันใดผิดปกติจริงๆ

กู้อ้าวเวยกดความโกรธที่นางต้องการจะระเบิดออก มา พลางอธิบายอย่างอดทน “เรื่องอื่นๆมิมีอันใดผิดปกติ เพคะ เพียงแต่แม่นางซูจะต้องตามมาด้วยนี่มันมิดีใช่หรือ ไม่เพคะ?”

ซ่านจินจื่อตกตะลึงอย่างที่กู้อ้าวเวยคาดหวังไว้ เขาเอ่ย ถาม “เกี่ยวข้องอันใดกับซูพ่านเอ๋อหรือ?”

กุ้อ้าวเวยสูดหายใจเข้าลึก ๆ สงบสติอารมณ์ของนาง และแสดงออกอย่างใจเย็น “พระองค์เคยคิดบ้างไหม เพคะว่าแม่นางซูต้องใช้ฐานะใดติดตามหม่อมฉันกลับ เรือน? และมิต้องพูดถึงว่าแม่นางซูอยู่ในตำแหน่งที่น่า อึดอัดใจในจวนของเรา มิมีชื่อเสียงมิมีฐานะ ท่านอ๋อง อย่ารีบร้อนทรงกริ้ว เพียงแค่ฟังหม่อมฉันเอ่ยให้จบ”

กุ้อ้าวเวยมองใบหน้าที่มืดครึ้มราวกับว่ากำลังจะระเบิด ของซานจินจื่อ นางยกมือขึ้นห้ามปรามอย่างรวดเร็ว “ข้า มิได้มีเจตนาร้าย ตั้งแต่เล็กจนโตหม่อมฉันล้วนโตมากับบรรพบุรุษ หม่อมฉันกลับไปที่จวนเมื่ออายุสิบห้าก็ออก จากจวนน้อยครั้งมาก หม่อมฉันมิรู้อันใดเลยเกี่ยวกับเรื่อง ของท่านอ๋องและแม่นางซู จริงๆแล้วหม่อมฉันก็มีข้อผิด พลาด หม่อมฉันมิควรตัดสินใจเหตุการณ์สําคัญของชีวิต ทั้งที่ยังมิเข้าใจอย่างชัดเจน เพียงแค่ท่อนไม้กลายเป็น เรือ เพลานี้หม่อมฉันไม่ต้องการถูกวางไว้กับท่านอ๋องคน เดียวกัน ดังนั้นหม่อมฉันสัญญาว่าจะช่วยเหลือท่านอ๋อง และแม่หญิงซูหาวิธีรักษาโรคนี้ แม้ว่าจะเป็นเพื่อสืบทอด มรดกตกทอดของตระกูลหยุนก็ตามหม่อมฉันก็มิได้กล่าว อ้างเพื่อปฏิเสธ”

หลังจากฟังสิ่งนี้ ความโกรธของซานจินจื่อก็หายไปใน ที่สุด นอกจากสีหน้าที่มิสามารถสว่างขึ้นใดในเวลาอันสั้น นัยน์ตาของเขาแฝงไปด้วยการค้นหา เขาเอ่ย “ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่เจ้าเอ่ยว่าผิดปกติคืออันใดกันแน่?”

“ท่านอ๋องน่าจะรู้ว่าจุดประสงค์หลักของหญิงที่กลับเรือน คือ เพื่อให้ตระกูลฝ่ายหญิงรู้ว่า หลังจากที่ออกเรือนแล้ว ได้รับความรักจากสามีของนางหรือไม่ และได้รับความ ชอบพอจากบิดามารดาของสามีหรือไม่”

กุ้อ้าวเวยเอ่ยถึงตรงนี้ก็หยุดชั่วคราว ชะงักไปครู่หนึ่งก็ เปลี่ยนน้ำเสียงของที่ไม่เห็นด้วยตนเอง “ฐานะของท่าน อ๋องนั้นเป็นคนพิเศษ ดังนั้นในเพลานี้มิต้องเอ่ยถึงบิดา มารดาของสามี หม่อมฉันก็มิได้คาดหวังว่าท่านอ๋องจะรัก ใคร่ ยิ่งไปกว่านั้น ไมตรีจิตของตระกูลกุ้บางทีท่านอ๋อง อาจมิรู้ เพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโตถูกเลี้ยงดูโดยคนต่างเครือญาติ ความรู้สึกต่อท่านพ่อท่านแม่ค่อนข้าง อ่อนแอ เพลานั้นหม่อมฉันเอะอะโวยวายว่าต้องแต่งงาน กับท่านอ๋อง และหม่อมฉันก็ได้ทำร้ายฟางเส้นสุดท้ายอีก ด้วยเพคะ”

กุ้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับร่องรอยของหยาด น้ำตาในดวงตาของนาง น้ำเสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย “ท่าน ปู่ก็อายุมากแล้ว หม่อมฉันมิอยากให้เขาเป็นห่วงอีกเพคะ เพลานี้เขาอยู่ในตระกูลกุ้มิไปไหนเป็นเวลานาน ก็เพื่อ รอวันที่หม่อมฉันกลับเรือน เพื่อดูว่าหม่อมฉันเลือกสามีที่ ปฏิบัติต่อหม่อมฉันดีหรือไม่ บางทีท่านปู่เป็นผู้เดียวที่หวัง ให้หม่อมฉันมีนความสุขของจริง ๆ ท่านอ๋อง กุ้อ้าวเวยมี พียงคำร้องขอนี้เท่านั้นเพคะ หม่อมฉันมิต้องการให้ท่าน ปู่เสียใจ ถ้าแม่นางซูกลับเรือนกับหม่อมฉัน หม่อมฉันมิ สามารถอธิบายกับท่านปู่ได้ว่าเหตุใดสามีที่รักใคร่หม่อม ฉัน จะต้องพาศิษย์ผู้น้องที่เล่นด้วยกันตั้งแต่เด็กของเขา กลับเรือนกับหม่อมฉันด้วย ”

หลังจากที่ซ่านจินจื่อได้ฟังก็เข้าสู่ความเงียบ เขาก็ สัญญากับซูพ่านเอ๋อว่าจะพานางไปด้วย และจะมิคืนคำ

อย่าว่าแต่ซูพ่านเอ๋ออยากตามกลับเรือนด้วยเลย แม้แต่ ต้องการดวงดาวบนท้องฟ้าซ่านจินจื่อก็จะหาทางนำมันมา ให้นาง

ที่กู้อ่าวเวยเอ่ยมันไม่สมเหตุสมผล อีกทั้งก่อนหน้านี้กุ้ อ้าวเวยก็เคยกล่าวถึงว่าถุงน้ำดีหงส์และเลือดมังกรยังคงอยู่ในมือของท่านปู่ ถ้าหากท่านปู่หยุนเห็นว่าหลาน สาวของเขาได้รับความเดือดร้อน ตอนนี้เขายังจะเห็น ด้วยกับการแต่งงานหรือไม่นั้นก็มิอาจเดาได้?

แม้ว่าท่านปู่หยุนจะพากุ้อ้าวเวยไปแล้ว ซ่านจินจื่อก็มีวิธี อื่นที่จะได้รับยาสองชนิดนี้ แต่หลังจากนั้นเวลาจะนาน กว่านี้มาก และร่างกายของซูพ่านเอ๋อก็แย่ลงทุกวัน เขา กลัวว่าจะไม่สามารถรอได้นานถึงเพียงนั้น

ก็อ้าเวยเห็นว่าซ่านจินจื่อไม่ได้พูดอันใดเป็นเวลานาน ในใจของนางก็กลัวว่าสุดท้ายแล้วซ่านจินจื่อจะไม่เห็น ด้วยที่จะไม่พาซูพ่านเอ๋อไป ดังนั้นนางจึงต้องใช้ไม้ตาย สุดท้าย “หม่อมฉันรู้ว่าท่านอ๋องลำบากใจ ถ้าเช่นนั้นท่าน อ๋องดูว่าอย่างนี้เป็นเช่นไรบ้าง แม่นางซูยังสามารถไป ด้วยได้ แต่นางมิสามารถตามท่านอ๋องได้ ให้นางตาม หม่อมฉัน แกล้งทําเป็นสาวใช้ของวัง หม่อมฉันขอรับรอง กับท่านอ๋องว่าจะมิทำร้ายแม่นางซู ยิ่งกว่านั้น เมื่อกลับ เรือนเวลาที่จะต้องแยกกันทั้งหมดคือตอนงานเลี้ยง ส่วน ในเวลาอื่นแม่นางซูสาวก็ติดตามหม่อมฉันและท่านอ๋อง ด้วย นับว่ามิได้แตกต่างนัก ”

ซ่านจินจื่อได้ยินคำพูดนั้น ชั่งน้ำหนักและรู้สึกว่า นอกจากมันจะทำให้ซูพ่านเอ๋อน้อยใจแล้ว มันก็นับว่าเป็น วิธีที่ดีเลยทีเดียว เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยและตอบตกลง “ยังมีอันใดอีกหรือไม่?”

กู้อ้าวเวยกำลังจะตอบ แต่ได้ยินเสียงตะโกนร้องดังมากจากที่ไกลๆ “ท่านพี่จื่อ”

ก้อ้าวเวยและซ่านจินจื่อมองกลับไป หากผู้ที่ยืนอยู่ประตู หน้าลานมิใช่ซูพ่านเอ๋อแล้วจะเป็นผู้ใด?

ซ่านจินจื่อรีบยืนทักทายนาง กุ้อ้าวเวยมองอย่างเย็น ชา คิดในใจอย่างดูถูกเหยียดหยาม กลัวว่าซ่านจินจื่อคง จะป ฏิบัติต่อมารดาของนางไม่มีไมตรีจิตเท่าปฏิบัติต่อซู พ่านเออกระมัง อีกทั้งกุ้อ้าวเวยเป็นผู้มาจากต่างถิ่น หัวใจ ทั้งหมดของนางรู้สึกดูถูกเหยียดหยามผู้หญิงอย่างซูพ่าน เอ๋อ ไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากผู้ชาย ทั้งจิตทั้งใจ ของนางล้วนหาทางผูกมัดใจกับผู้ชาย

“ท่านพี่จื่อ หม่อมฉันรบกวนท่านและท่านพี่กู้แล้วใช่หรือ ไม่เพคะ หม่อมฉันเพียงแค่เห็นว่าท่านพี่มานานเกินไป หม่อมฉันจึงคิดถึงท่านพี่เล็กน้อย”

ซูพ่านเอ๋อจ้องมองที่ซ่านจินจื่ออย่างฉับพลัน และมอง ไปที่กู้อ้าวเวยราวกับเด็กที่ทำความผิด ทำให้ซ่านจินจื่อรู้ สึกเจ็บปวด ในใจคิด เขาต้องรีบพากุ้อ้าวเวยกลับไปที่ เรือน แล้วนำยามาไว้ในมือ เมื่อได้รับมาซึ่งความร่วมมือ ของกุ้อ้าวเวย เขาก็จะไม่เขียนหนังสือหย่า ทั้งสองตระกูล สามารถตกลงกันได้ก็พอแล้ว

ในเวลานั้น ซูพ่านเอ๋อจะสามารถนั่งในตำแหน่งของ ชายาท่านอ๋องได้ และกลายเป็นหญิงที่เจ้าของในจวนแห่งนี้อย่างยุติธรรม

ก่อนที่กู้อ้าวเวยจะถูกสู่ขอเข้ามา ซูพ่านเอ๋อเคยระวังตัว มากเช่นนี้มาก่อน

ซ่านจินจื่อช่วยพยุงซูพ่านเอ๋อไปที่โต๊ะ ผ่อนคลายเถิด “พ่านเอ๋อเจ้าพูดอะไรโง่ ๆ เจ้าคือเจ้าของจวนแห่งนี้ จวน แห่งนี้มีที่ใดที่เจ้าไปมิได้หรือ?”

เมื่อวาจานั้นเอ่ยจบ กู้อ้าวเวยยังไม่ได้ตอบกลับ สีหน้า ของชิงตายและหยินเชี่ยวก็แฝงไปด้วยความโกรธ ซ่าน จินจื่อกล่าวว่าซูพ่านเอ่อเป็นเจ้าของจวนแห่งนี้ แล้วก้อ้าว เวยคือผู้ใดเล่า? ชายาท่านอ๋องที่ได้รับการตบแต่งอย่าง ถูกต้องตามครรลองได้กลายเป็นคนนอกแล้วหรือ?

กุ้อ้าวเวยจ้องมองที่ชิงต้ายและหยินเชี่ยว ส่งสัญญาณ ให้พวกนางไม่ต้องโกรธเกรี้ยว คำพูดของซ่านจินจื่อไม่ ได้เข้าไปในใจแม้แต่น้อย สายตาจับจ้องที่ซูพ่านเอ๋อ และ พินิจพิเคราะห์อย่างลับ ๆ

ตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่ในจวน ก็ได้ยินมาเสมอว่าซูพ่านเอ๋อ นั้นบอบบางและป่วยบ่อยๆ ผู้ที่เคยเป็นหมอมาก่อนเช่น นาง แท้จริงแล้วนางมักสงสัยว่าซูพ่านเอ๋อป่วยอันใด มอง ดูนายหมอที่รักษานางก็ท่าทางยอดเยี่ยม มิใช่ผู้ที่มีชื่อ เสียงอันใด แต่เขาก็ยังรักษามิได้ กุ้อ้าวเวยมีอาการคันมือ

ถ้ามีแค่ต้นหญ้าถุงน้ำดีหงส์และเลือดมังกรเท่านั้นที่ สามารถรักษาได้ เช่นนั้นกู้อ้าวเวยก็ไม่ใช่คนที่ขี้ตระหนี่ แต่ทว่าโรคระบาดในยุคปัจจุบันถูกแก้ปัญหาแล้ว ถ้าเช่น นั้นก็เป็นการที่คนของตระกูลหยุนจะถูกหยุดถ่ายทอดต่อ ไปยังรุ่นของนางและแตกสลายมิใช่หรือ?

เพียงแต่ว่าถ้าหากกู้อ้าวเวยร้องขอการจับชีพจรโดยตรง นางกลัวว่าซ่านจินจื่อจะไม่เห็นด้วยและพวกเขาจะไม่เชื่อ ว่านางมีความรู้ด้านการแพทย์

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ก้อ้าวเวยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเย็น ชา โชคดีที่นางเป็นหมอ ดังนั้นนางจึงไม่ถึงกับว่าเปิดเผย ต่อหน้าชิงตายและหยินเชี่ยวได้ ซ่านจินจื่อไม่ทราบว่ากุ้ อ้าวเวยมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ แต่ชิงต้ายและ หยินเชี่ยวรู้

ถึงแม้ว่าวิชาเอกในมหาวิทยาลัยของกุ้อ้าวเวยจะคือการ ผ่าตัดด้านการแพทย์ตะวันตก แต่นางได้รับความสุขที่ ท่านปู่เอ่ยข้างใบหูตั้งแต่วัยเด็ก และได้รับผลกระทบจาก การแพทย์แผนจีนเป็นอย่างมาก นางสามารถเป็นหัวหน้า แพทย์ตั้งแต่อายุยังน้อยและนางมีความเชื่อมโยงกับ ทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นเมื่อกู้อ้าวเวยพบ โรคที่รักษาไม่หาย นางจึงอาการคันมือเล็กน้อย
ในเวลานี้ บางทีพระเจ้าอาจตัดสินใจชดเชยให้นางเล็ก น้อย เนื่องจากช่วงนี้ อ้าวเวยได้รับความบาดเจ็บมาก จึงตัดสินใจจะชดเชยให้นาง ซูพ่านเอ๋อให้โอกาสที่ยอด เยี่ยมแก่ก้อ้าวเวย เพราะซูพ่านเอ่อล้มลง

นี่มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญ เนื่องจากที่จวนแห่งนี้มิมีผู้ อาศัยและถูกซ่อมแซมมานานหลายปีเพราะความห่าง ไกลพื้นดินใต้ฝ่าเท้าถูกบุกรุกด้วยลมและน้ำค้างแข็งมา นานกว่า 100 ปี เป็นหลุมเป็นบ่อบาง ส่วนสถานที่ที่กู้อ้าว เวยเพิ่งนั่ง เก้าอี้ไม่ค่อยดี เมื่อซ่านจินจื่อกำลังช่วยให้ พ่านเอ๋อนั่งลง ก็ไม่รู้ว่าซูพ่านเอ๋อเกิดจิตวิทยาชนิดใด หลังจากนั่งลงนางก็ไม่ปล่อยมือของตนที่กำลังเสื้อคลุม ของซ่านจินจื่อไว้แน่น แต่ซ่านจินจื่อกลับไม่รู้ตัว เขาหัน กลับมา ยังที่นั่งของตน เช่นนี้จึงทำให้ซูพ่านเอ๋อร่วงลงกับ พน

กุ้อ้าวเวยรีบคว้าโอกาสนี้อย่างรวดเร็ว นางก้าวไปด้าน หน้าและช่วยประคองซูพ่านเอ๋ออย่างแข็งขัน มือของนาง ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ คลำไปที่ช่วงชีพจรของซูพ่านเอ๋ อ นางจับชีพจรอย่างสงบ ยิ่งนางจับยิ่งรู้สึกผิดปกติมาก ขึ้น ชีพจรนี้ไม่ป่วยไม่เนิบ ไม่ลอยหรือจม ไม่เกร็งหรือฝืด ชีพจรนี้ ซูพ่านเอ๋อนางไม่ได้ป่วย!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ