ชายาหมอเทวดา

ตอนที่ 11 ก้อ้าวเวยมิเหมือนกันแล้ว



ตอนที่ 11 ก้อ้าวเวยมิเหมือนกันแล้ว

ตอนที่ 11 ก้อ้าวเวยมีเหมือนกันแล้ว

ในวันนั้นกู้อ้าวเวยเป็นลม ดังนั้นจึงมิรู้ แต่ทว่าซูพ่านเอ๋ อนั้นรู้ชัดเจนมาก ก่อนที่กู้อ้าวเวยจะเป็นลมสลบไป ซ่าน จินจื่อก็รีบพรวดพราดเข้าไปอุ้มนางไว้

แม้ว่าซานจินจื่อจะอธิบายให้นางฟังในภายหลังว่าเขา กลัวว่ากุ้อ้าวเวยตายจริง โรคของซูพ่านเอ๋อไม่สามารถ รักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งซ่านจินจื่อยืนยันว่าหลังจา กฎิอ้าวเวยเพิ่งจะเป็นลมไป นอกจากจัดการให้แพทย์มา แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ถามอีก แต่ทว่าเบื้องหลังที่ซ่านจิน อออกจากนางและรีบไปหากู้อ้าวเวย ยังคงสร้างเงาใน หัวใจของซูพ่านเอ๋อ

ซูพ่านเอ๋อมีความคิดมากมายในใจของนาง หลังจาก ผ่านครุ่นคิดหลายรอบ ใบหน้าของนางก็เริ่มสงบ ดูเหมือน ดอกบัวสีขาวที่ละเอียดอ่อน นางขมวดคิ้วและตำหนิตัว เอง “เหตุใดจึงเอ่ยเช่นนี้เล่า คนผิดยังคงเป็นข้า อย่างไร เสียก็เป็นเพราะร่างกายของข้า แข็งแรง จึงยังขยับตัว มิได้จนกระทั่งวันนี้ ”

ซ่านจินจื่อปลอบโยนนางอย่างอ่อนโยนด้วยใจที่อดทน “เอาล่ะ ซูพ่านเอ๋อของข้า เจ้าอย่าโทษตัวเองเลย เรื่องมัน เกี่ยวกับร่างกายของเจ้า ข้ามสามารถเพิกเฉยได้ กู้อ้าว เวยสัญญาว่าตราบใดที่ข้ากลับเรือนกับนางนางก็จะมอบถุงน้ำดีหงส์และเลือดมังกรให้ข้า ดังนั้นยิ่ง กลับเรือนเร็วเท่าใดร่างกายของเจ้าก็จะดีขึ้นเร็วเท่านั้น ”

ซานจินจื่อยืนขึ้นและจัดระเบียบอาภรณ์ก่อนจะเดินออก ไปทางด้านนอก ก่อนที่จะออกจากประตู เขาก็หันหลัง กลับมายิ้มให้กับซูพ่านเอ๋อ “ข้าไปแล้วจะกลับมา”

ซานจินจื่อหันศีรษะของเขากลับมาเร็วเกินไป ดังนั้น เขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นความทุกข์ระทมที่ปรากฏขึ้นบน ใบหน้าของซูพ่านเอ๋อ

หยินเชี่ยวกลับมาสู่ชีวิตของนาง นางบ่นอย่างโกรธเคือง กับกุ้อ้าวเวย “ท่านอ๋องก็ช่างมิมีเหตุผลเอาเสียเลย นาง ซูพ่านเอ๋อผู้ไม่มีชาติตระกูลถูกนำมาเลี้ยงดูในจวนก็นับ ว่าเกินไปแล้ว แต่ยังให้นางอาศัยอยู่ในลานบ้านใหญ่อีก นายหญิง พระองค์ต่างหากเพคะที่เป็นหวังเฟยอย่างเป็น ทางการ แต่กลับให้พระองค์อาศัยอยู่ในลานที่ห่างไกล เช่นนี้ และนี่ยังเป็นราชสำนักอีก เห็นได้ว่ามิยึดถือกฎ อย่างจริงจังเลยนะเพคะ”

กุ้อ้าวเวยได้ฟังก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เอ่ยปลอบขวัญหยิน เชี่ยวด้วยท่าทีมิได้สนใจเท่าใด “มิได้ออกไปจากในใจ มาก็เป็นเวลานานแล้ว ในจวนแห่งนี้ยังมีสิ่งผิดปกติอยู่เล็ก น้อยหรือ? พวกเราก็มิได้มาที่นี่เพื่อรักษากฏแทนซ่านจินจี้ อเสียหน่อย ผู้ใดอาศัยอยู่ในลานหลักผู้นั้นก็เป็นทุกข์ พวกเรามีความสุขและสะดวกสบาย เอ่ยอีกอย่างก็คือจวนของเรามีอันใดมิดีหรือ? เส้นทางที่คดเคี้ยว ดังนั้นมันจึงมีความหมายเมื่ออยู่ห่างไกล เจ้าดูต้นไม้เหล่า นี้ เหมือนกันกับต้นที่จวนว่ายจู่หรือไม่? ดอกไม้หนึ่งดอก ในห้องหลักนี่ เจ้ามิคิดว่ามันหรือ?

ดูเหมือนว่าหยินเชี่ยวจะถูกเกลี้ยกล่อม แต่ทว่าบน ใบหน้าของนางยังมีร่องรอยของความไม่สบายใจ ราวกับ ว่าอยากจะเอ่ยอีก แล้วมันอย่างไรเล่า นายหญิงของพวก ข้ามพูด ก็ใช่ว่าเขาจะมิสามารถให้มันก่อนได้ เหอะ

การแสดงออกที่คึกคักของหยินเชี่ยวทำให้ก้อ้าวเวย นึกถึงความลําบากใจของหยินเชี่ยวในเพลาที่นางหลบ หนีไปก่อนหน้านี้ อดมิได้ที่จะเล่นกับหัวใจ โบกมือให้กับ หยินเชี่ยว

หยินเชี่ยวโน้มตัวลงอย่างเชื่อฟัง กุ้อ้าวเวยเหยียดนิ้วชี้ จับคางของหยินเชี่ยว แล้วเข้ามาใกล้ที่เบื้องหน้าของนาง ใกล้จนหยินเชี่ยวสามารถได้กลิ่นหอมจาง ๆของพืชหอม จากตัวของก้อ้าวเวย ดวงตาสีเข้มของกุ้อ้าวเวยจ้องมอง หยินเชี่ยว ริมฝีปากเอ่ยเบา ๆ “หรือกล่าวอีกอย่างว่า การ แสดงออกเช่นนี้ของเสี่ยวหยินเดี่ยว คือกำลังคิดว่ามีเพียง ข้าที่รับใช้นายหญิงมันมิพอหรือ?”

ใบหน้าของหยินเชี่ยวเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว นาง ประหม่าเกินกว่าที่จะกระพริบตา เสียงพูดติดอ่างของนางราวกับยุง “นาย นาย นายหญิง …

เมื่อเห็นเช่นนี้ ก้อ้าวเวยก็มิสามารถอดทนได้อีกต่อไป นางดึงมือกลับมาพยุงกับโต๊ะและหัวเราะจนตัวโยน ชิง ตายก็อดมิได้แล้วเช่นกัน นางกุมท้องพลางหัวเราะร่วน หลังจากหยินเชี่ยวมีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา นางจึง เท้าด้วยความโกรธและอับอาย ก่อนจะชี้ไปที่พวกนางทั้ง สองคน “พวกท่าน! พวกท่านเห็นข้าเป็นตัวตลก มันจะเกิน ไปแล้ว!”

เอ่ยไปพลางนางก็ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินตรงปรี่ไปที่ ชิงท้าย ก่อนจะจับที่เอวของชิงต้ายและเริ่มจี้ชิงท้าย นาง จี้ไปพลางเอ่ย “นี่ เจ้ากีบหมูน้อย ข้าทำอันใดนายหญิง มิได้ แต่ข้าก็ยังสามารถจี้เจ้าได้มิใช่หรือ? ”

ชิงต้ายร้องขอความเมตตา นางขำขันจนแทบจะล้มลง บนพื้น ก่อนจะปรี่เข้าไปหาอ้าวเวยแล้วเอ่ยว่า “นาย หญิงช่วยข้าน้อยด้วยเพคะ ฮ่าฮ่าฮ่า นายหญิง พระองค์ จักมิเอ่ยอันใดมิได้นะเพคะ ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราขำขันนาง ด้วยกันนะเพคะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า จะปล่อยให้ข้าน้อยรับโทษผู้ เดียวมิได้นะเพคะ” เอ่ยไปพลาง นางถือโอกาสในขณะ ที่หยินเชี่ยวมองไปที่กู้อ้าวเวย รีบจับมือของหยินเชี่ยวไว้ อย่างรวดเร็ว “น้องสาวที่ดี ข้าผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ ฉันด้วยเถิด”

เมื่อซ่านจินจื่อมาถึงลานกว้าง เขาเห็นภาพเช่นนี้แล้ว เมื่อมองดูความสนุกสนานของเจ้านายเช่นกู้อ้าวเวยและคนรับใช้ของนาง พลันซ่านจินจื่อก็รู้สึกว่าตนเองอยู่ใน จวนของตนเองแต่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนเป็นคนนอก

สิ่งที่ทำให้ซ่านจินจื่อฝังใจยิ่งขึ้นคือรอยยิ้มอันสดใส ของก้อ้าวเวยในเพลานี้ ในความทรงจำของเขา เขามิ เคยเห็นหญิงผู้ใดที่สามารถหัวเราะได้อย่างแพร่กระจาย เหมือนกับกุ้อ้าวเวย เมื่อนางหัวเราะ นางเหมือนดวงดาว บนท้องฟ้ากระโจนเข้ามาในดวงตาของนาง เหมือน สายลมในฤดูใบไม้ผลิ บ่ายที่อบอุ่นในฤดูหนาวที่ทำให้ ผู้คนที่พบเห็นมิสามารถอธิบายได้

อะแฮ่ม! “ซ่านจินจื่อรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะทำลาย บรรยากาศที่สนุกสนานนี้ ในขณะที่เจ้านายและคนรับใช้ ทั้งสามเห็นเขา ก็ปรากฎว่าเป็นไปตามที่ซ่านจินจื่อคาดไว้ พวกนางหุบยิ้มในทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทันทีที่เห็นเขา แสงในดวงตาของกุ้ อ้าวเวยก็ดับลงในทันที และถูกแทนที่ด้วยความมืดลึกล้ำ ที่ไม่สามารถมองออกได้ พลันหัวใจของซ่านจินจื่อก็ห่อ เหี่ยว

ชิงร้ายและหยินเชี่ยวทําความเคารพและผละออกอีก ฝั่ง กุ้อ้าวเวยยืนขึ้นอย่างสงบและทำความเคารพเช่นกัน นางเอ่ย “เมื่อพบท่านอ๋อง ทำให้ท่านอ๋องต้องขำขัน เป็น เพราะกุ้อ้าวเวยมิเข้มงวด ในภายหลังจะดูแลสั่งสอนให้ ดีเพคะ หวังว่าในครั้งนี้ท่านอ๋องจะมิสั่งสอนบทเรียนแทน หม่อมฉันด้วยเจตนาดีเพคะ”
ซ่านจินจื่อจดจําครั้งสุดท้ายที่ตนเองตบชิงต้ายไปถึง สองครั้ง เขาก็แตะจมูกของตนอย่างเคอะเขิน ครั้งที่แล้ว ที่ชิงต้ายมาเร่งรัด เป็นเวลากิจกรรมยามเช้าของซ่านจินจื่ อกับซูพ่านเอ๋อ เพราะการมาถึงของชิงต้ายทำให้เขาต้อง รีบเร่ง หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ซ่านจินจื่อก็โกรธมาก เขาจึงลงมือกับชิงท้าย อย่างไรก็ตาม มันยากที่จะอธิบาย เหตุการณ์ดังกล่าว ซ่านจินจื่อจึงทำราวกับว่าเขามิได้ยิน ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ

“เจ้าขอให้ข้ามาที่นี่ ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการพูดอันใดบาง อย่างเกี่ยวกับการกลับเรือนหรือ ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าว่ามา เถิด”

ซานจินจื่อนั่งลง ก่อนจะยื่นมือออกไปหยิบถ้วยชา และ เทชาใส่ถ้วยพลางยกขึ้นจิบ ดื่มเสร็จก็มิลืมที่จะเอ่ย ยกย่อง “ชา ! แต่น่าเสียดายที่มันเย็นนิดหน่อย”

กุ้อ้าวเวยมองดูถ้วยชาที่ตนเองเพิ่งจะดื่มไปที่ในมือของ ซ่านจินจื่อ นางรู้สึกขยะแขยงราวกับกินแมลงวันเข้าไป นางมิต้องการให้ซ่านจินจื่อรู้ว่าถ้วยชานั้นเพิ่งถูกตนเอง ใช้ไป นางจึงทำเป็นเหมือนมิมีอันใดเกิดขึ้น นางนั่งลงตรง ข้ามกับซ่านจินจื่อ ชิงต้ายก็เก็บชุดน้ำชาที่วางบนโต๊ะกลับ ไปด้วยสายตาที่ยอดเยี่ยม ก่อนจะเอ่ย “ทาสไปต้มกาใหม่ มาให้เพคะ”

“เกี่ยวกับเรื่องการกลับเรือน หม่อมฉันคิดว่ามีบางอย่าง ผิดปกติ ดังนั้นหม่อมฉันจึงขอให้ท่านอ๋องมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยกันเพคะ” ก้อ้าวเวยหยิบถ้วยชาอีกชุดหนึ่งที่ชิงซ้าย เปลี่ยนใหม่ขึ้นมาแล้วจิบเบาๆ น้ำชา ไม่ธรรมดาจริงๆ เพียงแค่เข้าปากรสชาติก็กลมกล่อมและหอมหวาน

“มีอันใดผิดปกติหรือ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ