คุณพ่อสายเปย์

บทที่2 คุณมีเงินสามแสนหยวนไหม



บทที่2 คุณมีเงินสามแสนหยวนไหม

หลังฟานหมิงจากไป แววตาของหลินจุนก็หมองมัว ใบหน้าของ เธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ลู่เฉิน ศักดิ์ศรีของคุณสำคัญกว่า วิตของฉืฉีหรือคะ”

ลู่เฉินเงียบไปครู่หนึ่งและวางกล่องเค้กไว้บนโต๊ะ เขาพูด ว่า”ผมจะไปหายืมเงินมารักษาลูกเอง”

“คุณจะไปหายืมเงินเหรอคะ? คุณจะไปยืมเงินที่ไหนจาก ใคร? ตอนนี้นอกจากผู้อำนวยการฝ่านแล้ว ยังมีใครยอมให้ยืม เงินสามแสนหยวนเพื่อช่วยเราได้ล่ะ? ” หลินจนพูดด้วยน้ำเสียง เจ็บใจ

“ผมมีวิธีของผม” ลู่เฉินส่ายหัวและเดินออกไป เขาเคยก่อตั้ง กิจการขึ้นมาแต่มันไม่ประสบผลสำเร็จ แต่หลายปีมานี้เขาก็มี โอกาสรู้จักกับเพื่อนหลายคน

“ลู่เฉิน! ” เสียงของหลินจุนดังมาจากข้างหลัง “อย่าทำให้ฉัน ต้องเกลียดคุณ!”

ลู่เฉินสั่นสะท้านไปทั้งตัวและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

หลินจุนมองตามหลังเฉินจนกระทั่งลับตาเธอไป ตอนนี้ ร่างกายเธอดูเหมือนไร้เรี่ยวแรง เธอเหมือนสูญเสียความหวัง ทั้งหมด ในชีวิตไป

เธอผิดหวังบ้างเล็กน้อย
ผิดหวังกับการวู่วามของตนที่แต่งงานกับเขา

ทันใดนั้นหลินจุนได้เห็นกล่องเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้เธอ ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง

หลังจากเฉินเดินออกจากโรงพยาบาล

เขาจุดบุหรี่แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกสักตรงช่องอกจน

ไอออกมาอย่างรุนแรง

ดวงตาของเขาแดงก่ำ

เงิน!

เงิน!!

ทั้งหมดเป็นเพราะเงิน

แม้ว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง แต่ถ้าไม่มีเงิน ลูกสาวของเขาก็จะ สิ้นชีวิตเช่นกัน!

ลู่เฉินหาที่เงียบๆ แล้วนั่งลง เขาค้นหาหมายเลขโทรศัพท์อยู่ หลายเบอร์แล้วโทรไปทีละเบอร์ แต่เมื่อได้ยินว่าเขากำลังจะยืม เงิน พวกเพื่อนๆ ก็วางสายทันใด ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจและ หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย

“ผมเองครับ” ลู่เฉินพูดอย่างเย็นชา

“โอ้ คุณชายน้อย” ชายชราพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “คุณชายน้อย ครับ ในที่สุดคุณก็โทรมาแล้ว หมายความว่าคุณยอมกลับไปกับผมแล้วใช่ไหมครับ?

“ขอโทษครับ ผมกลับไปไม่ได้” ลู่เฉินพูดอย่างไร้อารมณ์ “ลุง จงครับ ผมโทรมาหาคุณเพื่อเรื่องอื่นครับ คุณช่วยยืมเงินสาม แสนหยวนในนามส่วนตัวให้ผมได้ไหมครับ ผมมีธุระด่วนต้องรีบ ใช้”

“เรื่องที่คุณชายน้อยยังไม่ทราบก็คือ ทรัพย์สินในนามของผม เป็นของตระกูลลู่ อย่าพูดว่าคุณอยากได้สามแสนหยวน แม้ว่า คุณต้องการชีวิตผม ผมยังไม่กล้าพูดอะไรสักคำเลยครับ ” เขา หัวเราะแล้วพูดว่า “แต่เงื่อนไขเบื้องต้นก็คือ คุณต้องเซ็นสัญญา รับมรดกก่อนจึงจะได้เงิน”

“เรื่องนี้เราไว้คุยกันทีหลัง ตอนนี้ผมต้องการสามแสนหยวน จริงๆ ” ลู่เฉินพูด เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตระกูลลูอีกแล้ว แต่ ลูกสาวของเขาต้องการใช้เงิน และตอนนี้เขาไม่มีทางออกแล้ว

“ไม่ได้ครับ คุณท่านมีคำสั่งไว้ว่า คุณต้องเซ็นสัญญารับมรดก เท่านั้น คุณชายจึงสามารถใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้” ฝ่ายตรง ข้ามพูดอย่างหนักแน่น

ลู่เฉินกัดฟันแล้วพูดว่า “ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอครับ?

“ขอโทษครับ คุณชาย”

ลู่เฉินหายใจเข้าลึก ๆ และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม พร้อมกับรอยยิ้มที่ฝืนยิ้มออกมาบนใบหน้าของเขา

เขาคงต้องยอมแล้วงั้นเหรอ?
ใช่ เพื่อลูกสาวของเขา ถึงเวลาที่ต้องยอมอ่อนข้อแล้ว!

“ตกลง ผมจะเซ็น” ลู่เฉินพูดออกมา เขารู้สึกเจ็บที่ใบหน้า “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ?

“ผมอยู่ที่อาคารจวินเยวี่ย คุณอยู่ที่ไหนครับ? ผมจะส่งคนไป รับคุณ” ฝั่งตรงข้ามพูด

“ไม่เป็นไร ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้” ลู่เฉินพูดจบก็วางสาย

โทรศัพท์ไป

ระหว่างเขากับ ลู่เทียนสิง และตระกูลลู่ด้วย พวกเขามีความ เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดที่ไม่อาจปฏิเสธได้

เขาเคยคิดว่า เขาคงไม่มีวันกลับไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลนี้อีก แล้ว

แต่ตอนนี้ลูกสาวเขาป่วยหนักและเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จริงๆ สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือ วางศักดิ์ศรีลงและปล่อยให้ความ เกลียดชังค่อยๆ จางหายไป

ชีวิตนี้มันช่างน่าขันที่สุด!

ลู่เฉินทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วโบกรถแท็กซี่มุ่งตรงไปยังอาคารจ วินเยวี่ย

เมื่อเขามาถึงอาคารจวินเยวี่ย ลู่เฉินที่เพิ่งลงจากรถและก็เห็น หวังเสวี่ย แม่ยายของเขาเดินออกมาจากอาคาร

เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับหวังเสวี่ย แต่หวังเสวี่ยกำลังเดินเข้ามาหาเขาแล้ว

“แกบอกว่าแกจะไปหายืมเงิน แล้วแกมาที่นี่ทำไมกัน? ” หวัง เสงี่ยมองไปที่ลู่เฉินด้วยความรังเกียจ ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวของ เธอมีลูกกับเขาละก็ เธอคงอดไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวหย่ากับคนได้ ความสามารถอย่างนี้ไปซะ

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงหวังเสวี่ยได้ เฉินจึงพูดว่า “ผมมาที่นี่เพื่อขอยืมเงินครับ”

“ลู่เฉินนะลู่เฉิน แกไม่เห็นหรือไงว่าที่นี่คือที่ไหน? พรมสีแดงที่ พื้นตรงหน้าประตูยังมีค่ากว่าแกอีก แกมีสิทธิ์อะไรจะเข้าไปยืม เงิน แกนี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ! ” หวังเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา

หวังเสวี่ยเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัทเภสัชกรรม เซี่ยคัง เมื่อเร็ว ๆ นี้เธอเพิ่งมีโครงการความร่วมมือขนาดใหญ่ กับกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย เธอเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่ออกมา จากโรงพยาบาล

แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่ของกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย จะ ไม่ปล่อยให้เธอเข้าไป จึงทำให้เธอโกรธมาก

หลังจากถูกปฏิเสธจึงทำให้อารมณ์ของเธอไม่ดีนัก บัดนี้ได้พบ เข้ากับลู่เฉินเธอจึงใช้เขาเป็นที่ระบาย

“ผู้ชายอ่อนแอไร้ความสามารถอย่างคุณ พี่สาวของฉันต้องไป ทำงานและก็ยังต้องดูแลฉีฉีด้วย! คุณอ้างว่ามาขอยืนเงินที่นี่แต่ ที่จริงคุณมาเที่ยวใช่ไหม คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า? “หลิน เจียมองไปที่ลู่เฉินด้วยความรังเกียจ
ลู่เฉินเพิ่งพบว่าหลินเจียอยู่ที่ด้านหลังหวังเสวย และยังมีชาย หนุ่มอีกคนหนึ่งอยู่ข้างๆ หลินเจีย

ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่าหูหง เพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัยของ หลินอี้เจีย

“อี้เจีย นี่คือพี่เขยที่คุณพูดถึงเหรอครับ พี่สาวคุณตาไม่ถึง จริงๆ ผู้ชายคนนี้ดูไม่ต่างจากคนงานอพยพเลย” หูหงมองไปที่ลู่ เฉินด้วยแววตาขบขัน

เขาเคยได้พูดคุยกับผู้จัดการของกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย

ทีงานเลี้ยง

นอกจากนี้เขายังได้ยินว่าหวังเสวี่ยกำลังเจรจาเกี่ยวกับ โครงการใหญ่ที่ร่วมมือกับกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยเมื่อเร็วๆ นี้ เขาจึงอาสาสมัครและพาหวังเสงี่ยมาเยี่ยมผู้จัดการที่นี่ โดย หวังว่าจะช่วยหวังเสวี่ยได้บ้าง

แต่ผู้ดูแลไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไป ซึ่งทำให้เขาเสียหน้ามาก

ในขณะนี้เมื่อได้เห็นหลินเจียและแม่ของเธอกำลังดุด่าเฉิน เขาจึงได้ร่วมวงด้วยเพื่อระบายอารมณ์

“ก็ใช่ซีคะ ฉันก็ไม่รู้ว่าพี่สาวฉันคิดยังไงถึงยอมแต่งงานกับ ผู้ชายอ่อนแอแบบนี้ ที่สำคัญที่สุดคือผู้ชายคนนี้ไม่มีความรับผิด ชอบสักนิดเดียวเลย”หลินอี้เจียพูดประชดประชัน

“ผู้ชายอาจจะไม่มีเงินได้บางครั้งครา แต่พวกเขาต้องมีความ รับผิดชอบ” หูหงยิ้ม
เงินเหลือบมองพวกเขาทั้งสามคนแล้วไม่พูดอะไร เขาหัน กลับไปและเดินตรงไปที่อาคารจานเยวี่ย

“แกจะไปทำอะไรที่นั่น ทำไมไม่กลับไปดูแล? ” เมื่อเห็น เฉันเดินเข้าไปข้างในของอาคารจวินเยวี่ย หวังเสวี่ยกขมวดคิ้ว และค่าขึ้น

“ผมจะไปหาลู่จงคุยธุระนิดหน่อยครับ” เฉินหันไปพูด

“อะไรนะ แกกำลังจะไปหาเศรษฐี? แกอยากจะถูกเตะออก เหมือนหมูเหมือนหมาหรือไง? ” หวังเสวียโกรธเมื่อได้ยินเขาพูด ดังนั้นและยื่นมือออกไปคว้าเงินไว้

ลู่เฉินแค่เป็นยามรักษาการณ์ เดี๋ยวต้องถูกไล่ออกมาแน่ๆ ถึง เวลานั้นคนที่เสียหน้าก็คงเป็นเธอที่เป็นแม่ยายของเขา

“แม่ครับ ปล่อยมือเถอะ ผมมีเรื่องต้องคุยกับลู่จงจริงๆ ครับ”

เฉินขมวดคิ้วขณะที่หวังเสวี่ยงเขาไว้

“นี่คุณจะให้ฉันขำตายหรือไง? จงเป็นคนรวยที่สุดในย โจว คุณมีคุณสมบัติอะไรที่จะเข้าพบเขาล่ะ” หลินเจียยิ้มเยาะ

“คุณจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะเจีย บางทีพี่เขยของคุณอาจจะ คิดว่าพวกเขาแซลู่เหมือนกัน อาจเคยเป็นครอบครัวเดียวเมื่อห้า ร้อยปีก่อนก็ได้” หูหงหัวเราะ

ลู่เฉิน โมโหเล็กน้อยและพูดขึ้นในใจว่า คนพวกนี้ไปกินอะไร มา พูดจาน่ารําคาญจริงๆ หรือเข้าวัยทองกันหมด?

แต่เขาไม่อยากทะเลาะกับหวังเสวี่ยจึงต้องหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหาลู่จงและให้เขาลงมารับ

ในขณะนี้ผู้หญิงรูปร่างสง่างามกำลังเดินมา

เมื่อเห็นเธอกำลังเดินมา หวังเสวี่ยก็ปล่อยเงินออกพร้อม ท่าทีสงสัย

“เลขาของท่านประธานลู่” หลินอี้เจียพูด

“พวกเขาอาจเปลี่ยนความคิดแล้วมั้ง อาจมาบอกให้เรากลับ ไปคุยอีกครั้ง คุณป้าเสวี่ยครับขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วย นะครับ” ดวงตาของหูหงเป็นประกาย

“เธอมาคุยกับเราจริงๆ เหรอ?” หวังเสวี่ยไม่อยากจะเชื่อ แต่ ใบหน้านั้นก็ไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นได้

“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอนครับ ตรงนี้มีเพียงพวกเราไม่กี่คน

และเราเพิ่งคุยกับพวกเขาเมื่อกี้ เธอต้องมาหาพวกเราแน่ ๆ ” หู

หงพยักหน้ายืนยัน

“ก่อนหน้านี้เราคุยกับผู้จัดการหวังแต่ไม่ได้ผล เลขาของ ประธานลู่มาหาเราแบบนี้คงต้องได้รับคำสั่งจากประธานแน่ๆ คุณแม่คะ กิจการใหญ่ของคุณแม่เนี่ยต้องประสบความเสร็จได้ แน่นอน”หลินเจียก็ค่อนข้างตื่นเต้น ดูเหมือนว่าถ้าหากการ เจรจาธุรกิจนี้สำเร็จ แม่ของเธอจะได้แบ่งเงินสองแสนหยวน

หวังเสวี่ยคิดว่าก็ใช่สิ เลขาของประธานลู่ต้องมาหาพวกเธอ แน่ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะมาหาลู่เฉิน

เมื่อหวังเสวียนึกได้ดังนี้ก็เดินไปทักทายเลขาด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ

ก่อนที่หวังเสวี่ยจะพูดจบ รอยยิ้มของเธอก็หุบลงทันทีที่พบว่า

เลขาสวยคนนั้นไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อย เธอเดินผ่านไปหยุด

อยู่ตรงหน้าสู่เฉิน

เธอทำความเคารพเฉินและพูดอย่างอ่อนหวานว่า”คุณชายลู่ คะ โปรดตามมากับฉันด้วยค่ะ”

ลู่เนินพยักหน้า ชายตามองไปที่คนกลุ่มนั้นแล้วเดินตามเลขา สาวสวยเข้าไปในอาคาร

พวกหวังเสวี่ย 3 คนมึนงงอยู่ที่นั่น

ลู่เฉินกับลู่จงคุยไปสักพัก เขาคงยังไม่อยากจะรับมรดกจาก ตระกูล ไม่อยากจะยอมอ่อนข้อจริงๆ

แต่ถ้าเขาไม่เซ็นชื่อ ลู่จงยังไงก็ไม่ยอมยืมเงินให้เขา หรือไม่ เขาก็ต้องโทรหาลู่เทียนสิ่งเอง

ลู่เฉินถอนหายใจอย่างหมดหนทาง เซ็นชื่อไปจริงๆ จากนั้นให้ ลู่จงช่วยหาไขกระดูกที่ตรงกับฉีฉี อีทั้งสั่งให้จงเอาเงินสามแสน มาให้เขาก่อน เขาจึงพกเงินสามแสนนั้นไปจากอาคารจวินเยวี่ย

ส่วนลู่จงจะรายงานกับลู่เทียนสิ่งยังไงหลังจากที่เขาจากไป เขาไม่อยากรู้ด้วยซ้ำ

ขอเพียงแค่ไม่ต้องให้เขาโทรหาลู่เทียนสิงโดยตรงก็พอ เขารู้ว่าลู่เทียนสิ่งน่าจะไม่โทรหาเขาหรอก

ถึงแม้ว่าตอบตกลงจะกลับไปมรดกทรัพย์สิน แต่เขาก็ไม่อยาก จะให้อภัยลู่เทียนสิงอยู่ดี จะ

กลับถึงโรงพยาบาล ลู่เฉินเห็นว่าฟานหมิงกลับมาใหม่ ไม่ใช่ แค่นั้น เขายังนั่งอยู่ข้างเตียงกับหลินจุน เพื่อคุยกับลูกสาวที่ตื่นมา

ฟานหมิงสนิทกับหลินจุนมาก สองคนคุยกันอย่างมีความสุข ลู่เฉินหรี่ตาลงแล้วก้าวเท้าเข้าไปห้องผู้ป่วย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ