คุณพ่อสายเปย์

บทที่17 ผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่ลึกลับ



บทที่17 ผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่ลึกลับ

เมื่อเห็นเสี้ยจนเดินเข้าไปในห้องประชุมพร้อมกับผู้ถือหุ้นราย ใหม่ ผู้จัดการทุกคนต่างกลั้นหายใจไว้

ต่างรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ผู้ถือหุ้นรายใหม่นี้เล่นเก่งเกินไป

ใส่หมวกสีดำและแว่นกันแดดปีกกว้างยังไม่พอ แถมยังได้ใส่ เกากสีดำาด้วย

นี่ไม่ใช่งานพบปะกันของดาราเหรอ?

อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้ถือหุ้นรายใหม่นี้จะดูแปลกๆ แต่ทุกคนก็ เห็นได้ว่าเขาเป็นคนที่หนุ่มอยู่

หลายคนแน่ใจแล้วว่า ผู้ถือหุ้นรายใหม่นี้ต้องเป็นลูกชายของ เจ้าของบริษัทรายใหญ่แน่ๆ

มิฉะนั้นจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีงบเงินเพียงพอที่จะซื้อบริษัทของ

พวกเขามาได้ด้วยอายุน้อยแบบนี้

ในความเป็นจริงการแต่งตัวของเฉินได้ตัดสินใจหลังจาก ได้ยินคำพูดของฟานหมิงแล้ว

แม้ว่าเขาจะไม่ถือฟานหมิงเป็นคู่แข่ง แต่ฟานหมิงกลับคิด อยากจะประจบสอพลอผู้ถือหุ้นรายใหม่ของบริษัทเพื่อมาจัดการ เขา นั้นเขาก็จะให้โอกาสแก่ฟานหมิง
เขาอยากรู้ว่าเมื่อฟานหมิงรู้ความจริงจะมีหน้าตาแบบไหน

นั่นจะต้องวิเศษมากๆ

ลู่เฉินใช้สายตากวาดไปที่ผู้บริหารและเมื่อเขามองไปถึงที่ หลินจุนเขาก็ข้ามอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเขาได้สวมหมวก ใส่แว่นกันแดด แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า

สายตาที่หลินจุนมองเขานั้นเต็มไปด้วยความสงสัยล่ะ

หลินจุนไม่สับสนได้ยังไงล่ะ?

เธอหลงเป็นแฟนกับลู่เฉินมาสามปี และแต่งงานกันมาสี่ปี คุ้น เคยเขาเป็นอย่างยิ่งแล้ว

แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นใบหน้าของเฉินอย่างชัดเจน แต่รูป ร่างของเขานั้นเหมือนกันทุกประการ

จะเป็นเขาหรือเปล่า?

จู่ๆก็มีความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอ และหลินจุนก็ ตกใจเช่นกัน

จะเป็นลู่เฉินได้ยังไงล่ะ?

เธอส่ายหัวและระงับความคิดที่ไร้สาระและตลกในใจลงอย่าง

รวดเร็ว

“ทุกคนรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงใส่ชุดนี้หลังจากลู่เฉินและเซี่ยจุน

นั่งลง ก็พูดขึ้นมาก่อน

แน่นอนว่าเขาจงใจลดระดับเสียงของตนเอง ดังนั้นเสียงของเขาจึงดูแหบเล็กน้อย แม้แต่หลินจุนก็ฟังไม่ออก

ทุกคนส่ายหัวอย่างสงสัย

ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ: “เพราะฉันชื่อในภาษาจีนคำ ว่าท์แปลว่าดิน อุปมาถึงความสกปรก) ฉันเลยสกปรกไปหน่อย ทุกคนล้วนยิ้มจากใจ ต่างคิดในใจว่าผู้ถือหุ้นรายใหม่ยังเป็น

คนอารมณ์ขันด้วย

“สาเหตุที่ฉันจัดการประชุมนี้ในวันนี้ ก็เพราะว่าธุรกิจของ บริษัท ในช่วงนี้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนักฉันมาที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจ ให้ทุกคน

ฉันไม่รู้ว่า ประธานเซี่ยเคยได้วางแผนก่อนหน้านี้อย่างไร แต่ ตอนนี้ฉันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท แน่นอนว่าฉันมี แผนของตัวเอง

ฉันจะไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ฉันบอกให้ทุกคนรู้ได้ว่าเป้า หมายระยะสั้นของฉันคือการทำให้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย ได้ก้าวออกจากเมืองยโจวและกลายเป็นหนึ่งในบริษัท อิเล็กทรอนิกส์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ

เป้าหมายระยะยาวแน่นอนคือก้าวไปสู่ต่างประเทศ

ดังนั้น ในอนาคตบริษัทของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่ง ใหญ่ และเราจะเปิดสาขาขึ้นทีละสาขา ซึ่งมันหมายความว่าผู้ จัดการทุกคนในที่นี้ล้วนมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งมากขึ้น ฉันจะ มอบเวทีให้คุณแต่ละคนเพื่อแสดงความสามารถของคุณ แต่ข้อแม้ว่าคุณต้องมีความมั่นใจที่จะมอบอนาคตที่ดีแก่ฉัน

หลังจากที่ลู่เฉินพูดจบทุกคนก็ปรบมือให้อย่างตื่นเต้น

ลู่เฉินบอกว่าจะมอบเวทีให้กับพวกเขา และจะให้พวกเขานำ บริษัทไปสู่อนาคตที่ดี ดังนั้นทำไมไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อแลกเปลี่ยน อนาคตที่ดีให้กับพวกเขาล่ะ

ผู้ถือหุ้นรายใหม่คนนี้เก่งจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าตกลงเขาเป็นใคร แม้แต่เซี่ยจูนก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

แม้ว่าลู่เฉินจะบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้กับเขามาก่อนแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเขาจินตนาการถึงภาพพจน์ที่ งดงาม ในอนาคต

หากแผนที่เฉินวางไว้เป็นจริงได้ นั้นค่าตอบแทนที่เขาได้จะ มากกว่าตอนที่เขาบริหารที่บริษัทเองเป็นหลายๆเท่า

แน่นอนว่าเมื่อขนาดของบริษัทใหญ่ขึ้น สถานะของเขาก็จะสูง ขึ้นเช่นกัน

“ฉันพูดไปมากแล้ว ทุกคนอาจจะคิดว่าเป็นการพูดเปล่าๆ ดัง นั้นตอนนี้ฉันจะให้บางสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่พวกคุณ ตั้งแต่เดือน หน้าเงินเดือนพื้นฐานของผู้จัดการแต่ละคนจะเพิ่มขึ้นหนึ่งพัน บาททุกคน ส่วนพนักงานธรรมดาจะเพิ่มขึ้นห้าร้อย โบนัสสิ้นปีสูง กว่าเดิม 30%

สำหรับแผนกธุรกิจค่าคอมมิชชั่นสำหรับพนักงานแผนกการ ตลาดเพิ่มขึ้น 1% หัวหน้าเพิ่มขึ้น 2% และผู้อำนวยการเพิ่มขึ้น3% แน่นอนว่าเพื่อให้ได้รับค่าคอมมิชชั่นนี้ พนักงานขายแต่ละ คนและแม้แต่ผู้อำนวยการสองคนในฝ่ายการตลาด จะต้องมี ยอดเงินที่ขายถึงเกณฑ์เป็นรายเดือน ซึ่งประธานเซี่ยงจะเป็นผู้ กําหนดยอดเงินเอง

ยังไงพวกคุณก็พยายามขยันหน่อยและก็จะได้รับผลตอบแทน มากขึ้นด้วย ยอดการขายของคุณยังถือเป็นการประเมินด้วย หากคุณมีผลการประเมินที่ยอดเยี่ยมคุณจะมีโอกาสถูกเลื่อน ตำแหน่งขึ้น ฉันหวังว่าผู้อำนวยการฟางและหัวหน้าหลินจะไม่ ทำให้ฉันและประธานเชี่ยผิดหวัง ”

ลู่เฉินพูดและมองไปที่หลินจุนและฟานหมิง ทั้งคู่พยักหน้า อย่างตื่นเต้น เห็นได้ว่ามีความเชื่อมั่นปรากฏบนใบหน้าของพวก เขา

ผู้จัดการคนอื่น ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน

ลู่เฉินพูดถูก สิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้นั้นเมื่อฟังแล้วทำให้คนน่า น่าตื่นเต้นมาก แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องไม่จริง สิ่งที่ พนักงานสนใจมากที่สุดคือเงินเดือนปัจจุบัน

ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ ผู้จัดการหลายคนจึงส่งข่าวใน กลุ่มแผนกของพวกเขา

ทันทีที่พวกเขาเห็นว่าสิ่งแรกที่ผู้ถือหุ้นรายใหม่ทำก็คือเพิ่ม เงินเดือนให้พวกเขา พนักงานในแผนกต่างๆล้วนรู้สึกตื่นเต้นเช่น กัน

มีเสียงเชียร์และเสียงปรบมือทุกที่ เพราะการขึ้นเงินเดือนเป็นสิ่งที่ทุกคนชอบ

แม้ว่าการเพิ่มขึ้นจะไม่สูงมาก พนักงานธรรมดเพียง 500

แต่เงินเดือนต่อเดือนของพวกเขาค่อนข้างต่ำ ห้าร้อยใน สายตาของหลายๆคน เป็นค่าเช่าตั้งหนึ่งเดือน

ซึ่งเท่ากับว่าบริษัทจ่ายค่าเช่าให้พวกเขา

ควบคู่ไปกับโบนัสสิ้นปีก็เทียบเท่ากับว่าได้ขึ้นเงิน เดือน700ต่อเดือน

และไม่ว่าผู้ถือหุ้นรายใหม่จะสร้างรายได้มหาศาลให้กับทุกคน แต่สิ่งที่แท้จริงคือเขาทำให้ทุกคนมองเห็นภาพพจน์ของการ ก้าวหน้าในบริษัท

พนักงานที่ไม่อยากเป็นผู้จัดการไม่ใช่พนักงานที่ดีใครไม่ อยากเป็นผู้จัดการในบริษัทที่มีอนาคตสดใสละและจะได้เงิน เดือนสูงขึ้นด้วย?

“อืม ฉันจะพูดแค่นี้หรอก จากนั้นคุณสามารถถามในสิ่งที่คุณ ต้องการถาม” ลู่เฉินมองไปที่ทุกคนขณะที่เขาพูด

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรหลินจุนจึงยืนขึ้นและกล่าวว่า “ประธานลู่ ฉันไม่สงสัยเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทเรา แต่ในขั้น ตอนนี้ฉันคิดว่า บริษัท ของเรายังไม่มีความสามารถที่จะเอา โครงการวิลล่าจึงหลงหูลงมาได้ แต่ผู้อำนวยการฝ่านกลับต้อง ให้ฉันติดตามโครงการนั้น ฉันมีข้อสงสัยอยู่ในใจจึงอยากถาม

ประธานลู่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร ”
เมื่อฟานหมิงเห็นหลิน จนบ่นกับถือหุ้นรายใหม่ต่อหน้าตัวเอง ใบหน้าของเขาก็ค่อนข้างน่าเกลียดขึ้น พวกเขาทุกคนล้วนรู้ว่านี่ เป็นงานที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว ผู้ถือหุ้นใหม่จะไม่รู้ได้ยังไงล่ะ?

อีกะหรี่ รอดูฉันสิ!

ฟานหมิงปล่อยเสียงแผ่วเบาและกำลังจะลุกขึ้นเพื่ออธิบาย

ในขณะนี้ลู่เฉินยิ้มและกล่าวว่า “วิลล่าจึงหลงหู อืม ด้วยชื่อ เสียงของบริษัทเราในตอนนี้โครงการนี้คงยากที่จะเอาชนะได้

แม้ว่ามันจะลำบาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสใช้ หรือไม่? หัวหน้าหลิน เรื่องบางสิ่งจะประสบความสำเร็จหรือไม่ มันไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือคุณเต็มใจที่จะลองดูไหม

กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยไม่ได้บอกโดยตรงว่าจะไม่ใช้ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรา บางทีพวกเขาอาจพบว่าราคาของบริษัท เราถูกกว่าบริษัทอื่น และพวกเขาก็จะเซ็นสัญญากับบริษัทเรา มัน ก็เป็นไปได้นะ?

ดังนั้นข้อเสนอแนะของฉันคือ อย่าปล่อยมือจากธุรกิจใดๆที่ ยังไม่ได้รับการสรุป แม้ว่าคำสั่งซื้อนี้จะไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อย เราได้รับประสบการณ์จากงานครั้งนี้ และการสั่งซื้อครั้งต่อไปก็ อาจจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น ”

เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน ฟานหมิงมองไปที่หลินจุนด้วยรอยยิ้ม

ผู้ถือหุ้นรายใหม่นี้เอียงมาที่เขาด้วยเหตุนี้ ฟานหมิงจึงมั่นใจมากขึ้นในการประจบสอพลอ ถือหุ้นรายใหม่

“ขอบคุณประธานลู่ ฉันจะทำโครงการนี้อย่างจริงจัง” ผู้ถือหุ้น

รายใหม่กล่าวเช่นนี้แล้วหลินจุนยังสามารถพูดอะไรได้อีกล่ะ แต่เธอยังคิดว่าสิ่งที่ผู้ถือหุ้นใหม่พูดนั้นสมเหตุสมผล ไม่ว่าจะ

มีโอกาสแค่ไหนเธอก็ต้องลองดู

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการปลอบใดตัวเองของหลินจุน เธอยังไม่เชื่อว่า ธุรกิจนี้มีความหวังที่จะประสบความสำเร็จ หลังจากเลิกงานในช่วงบ่าย หลินจุนได้โทรหาลู่เฉิน “คุณเลิกงานกี่โมง?” หลินอี้จนถาม

“ฉันกลับมานานแล้ว มีอะไรเหรอ?” ลู่เฉินถาม

“คืนนี้เป็นวันเกิดพ่อของฉัน ไปซื้อของขวัญสักชิ้นด้วย” หลินอี้

จนพูด

“อืม ฉันเพิ่งได้รับฉีฉี เดี๋ยวฉันจะไปซื้อ” ลู่เฉิน กล่าว

“ช่างเถอะ คุณก็ไม่รู้ว่าพ่อของฉันชอบอะไร รอฉันเลิกงานไป กับคุณละกัน” หลินจุนพูดและวางสายโทรศัพท์ เธอเก็บของใน โต๊ะให้เป็นระเบียบ จากนั้นก็ออกจากบริษัท


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ