ข้าเป็นฮองเฮาผู้แสนร้าย

ตอนที่ 10 ท่านอ๋องป่วยหนัก2



ตอนที่ 10 ท่านอ๋องป่วยหนัก2

ตอนที่ 10 ท่านอ๋องป่วยหนัก2

ไม่มีการตอบกลับใดๆ นางจึงรู้สึกไม่ชอบมาพากล แล้ว พยุงเขาลุกขึ้นมานั่ง แล้วถึงได้รู้ว่าเขาหลับตาอยู่ ใบหน้า ขาวใสก็เริ่มซีดเซียว แล้วนางก็ไปสัมผัสโดนมือเขาอย่าง ไม่รู้ตัว ถึงได้รู้ว่ามือเขาเย็นกว่าปกติมาก

ยังดีที่เขายังหายใจอยู่ เย่เล่อจือเรียกเขาสองสามครั้ง แต่เขากลับไม่กระดุกกระดิกเลย แล้วพลันคิดขึ้นมาได้ว่า เขาขอยากับตัวเอง นางจึงรีบพลิกตัวเขาแล้วหายาในเสื้อ เขาทันที มียาขวดนึงอยู่ในพกเสื้อเขาจริงๆด้วย นางจึง เอาออกมาเม็ดนึง แล้วก็ยัดเข้าไปในปากเขาทันที

สีหน้าของเขาถึงได้ดูดีขึ้นมาหน่อย นางเองก็โล่งอกขึ้น มาได้สักที ทันใดนั้นสมองก็ผุดขึ้นมา ช่วงนี้เป็นโอกาสที่ นางสามารถหนีไปได้ โดยที่เอาขวดยายัดไว้ในมือให้เขา แล้วก็เอาเสื้อคลุมตัวเขาไว้ นางก็สามารถหนีไปได้แล้ว

ตอนนี้ก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว เย่เล่อจือเงยหน้าขึ้นไป มองท้องฟ้าอย่างอดไม่ได้ ที่แท้แล้วท้องฟ้าก็เงียบสงบ แบบนี้นี่เอง และก็ดูคึกคักมาก พระจันทร์ที่ลอยอยู่ตรง กลางคล้ายกับจานสีเงิน แล้วก็มีดวงดาวรายรอบ ส่อง แสงระยิบระยับ แสงพระจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้เห็น หิ่งห้อยที่บินไปมา เป็นภาพที่งดงามกว่าในหนังในละครซะอีก ถ้าหากว่ามีใครสามารถบันทึกภาพนี้ไว้ได้ นางก็ คงคิดว่าภาพที่นางเห็นนั้นเป็นเพียงรูปวาด ในโลกนี้ยังมี ท้องฟ้าที่งดงามแบบนี้อยู่หรอ? ท้องฟ้าที่ไม่มีมลพิษ ที่แท้ ก็สวยสดงดงามแบบนี้นี่เอง

มองไปมองมานางก็พลันเดินช้าลงเอง ตอนที่นางถูกทิ้ง ลงในเหว นางก็เห็นดวงจันทร์ที่กลมแบบนี้ แล้วเหมือนกับ ว่าอยู่ดีๆแสงของดวงจันทร์ก็พลันส่องมาที่ตานาง หลัง จากนั้นนางก็หมดสติไปทันที นางย้อนอดีตมาที่นี่ได้ยัง ไงกัน? แล้วจะกลับไปได้ยังไง? อยู่ดีๆนางก็เหมือนไม่รู้ อะไรเลย นางไม่รู้วิธีจะกลับไปได้เลย

ย้อนอดีตงั้นหรอ? พูดน่ะพูดง่าย? ถ้าหนีก็จะหนีไปไหน ได้? คนที่อยู่ในที่ไม่คุ้นแบบนี้ หรือว่าต้องหนีไปหลบที่ ยอดเขาเป็นนางจิ้งจอกขาวงั้นหรอ? เย่เล่อจือเบะปาก ที่ จริงนางอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเลย มู่หรงเจิงไม่ใช่เพื่อน หรอกหรอ? เขาเองก็ดีต่อนางอย่างมาก พอนึกถึงมู่หรง เจิง นางก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ยาเม็ดเดียวจะทำให้เขา ฟื้นขึ้นมาได้มั้ย? ป่าแบบนี้จะไม่มีสัตว์ป่าออกมาหรอ? เขาจะเป็นอันตรายมั้ย?

ถ้าหากเขาถูกสัตว์ร้ายเข้าไปทำร้าย นางเองก็ผิดต่อเขา อย่างมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล นางจึงรีบเดินกลับไปอย่าง รวดเร็ว จนสุดท้ายก็ตัดสินใจวิ่งกลับไปทันที นางวิ่งกลับ มาถึงที่เดิมด้วยความเหนื่อยหอบ มู่หรงเจิงก็ยังนอนอยู่ เหมือนเดิม ขนาดท่านอนยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
นางเดินเข้ามาหาเขา แล้วมองสีหน้าที่พอจะมีสีสันขึ้นมา บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงไม่ได้สติอยู่ พลันยื่นมือออกไปสัมผัส ที่หน้าผากเขา แล้วก็ลูบที่มือของเขา ก็รู้สึกว่าอุ่นขึ้นบ้าง แล้ว พลันเขย่าตัวเขา”มู่หรงเจิง ท่านพื้นสี

เขาไม่กระดุกกระดิกเลยสักนิด นางจึงรู้สึกเป็นกังวล อย่างมาก อาจจะเพราะว่ายานั่นไม่แรงพอแน่เลยใช่ มั้ย? งั้นให้กินเข้าไปอีกที แล้วนางก็เอาขวดยาที่มือเขา เปิดออกแล้วหยิบมาเม็ดนึง พลันยัดเข้าไปในปากเขาอีก ที

“เจ้าจะฆ่าข้างั้นหรือ? ” มู่หรงเจิงลืมตาขึ้นมาทันที เย่เล่อจือกระโดดออกอย่างตกใจ ท่าน ท่านฟื้นแล้ว หรอ? ”

มู่หรงเจิงลุกขึ้นมานั่ง แล้วก็เอายาที่นางหยิบออกมา เก็บเข้าไว้ในขวดตามเดิม “ยานี้ครั้งนึงกินแค่เม็ดเดียวก็ พอแล้ว ถ้ากินเยอะเกินอาจถึงแก่ชีวิตได้

“ท่านฟื้นนานแล้วหรอ? “เย่เล่อจือเห็นเขาดูกลับมาเป็น ปกติแล้วจึงพูดขึ้น ไม่เหมือนคนที่นอนสลบเหมือดเมื่อกี้

“ในเมื่อเจ้าไปแล้ว ทำไมถึงกลับมาอีก? ” มู่หรงเจิงถาม ขึ้น
ที่แท้เขาก็ฟื้นตั้งนานแล้ว นางแอบทำหน้าเสียใจที่ตัวเอง ไม่รู้กลับมาทําไม? แล้วพลันลุกขึ้นเหมือนจะเดินหนี มู่ห รงเจิงจึงดึงนางเอาไว้”ในเมื่อกลับมาแล้ว ก็ควรจะพักก่อน ค่อยไปเถอะ”

“เห็นว่าท่านไม่สบายอยู่ ข้าก็จะไม่ทำอะไรมาก มู่หรง เจิง ท่านเป็นโรคอะไร? “นางถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

มู่หรงเจิงหน้านิ่งไปทันที”ข้าไม่ได้เป็นอะไร”เขาปล่อย มือนางออกทันที

ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร นางเองก็ไม่ถามอะไรต่อ พลัน นั่งลง”ข้าหิวแล้ว ยังมีของกินเหลือมั้ย? ”

“ไม่มีแล้ว” มู่หรงเจิงตอบออกมาตรงๆ แต่พอเห็นสีหน้า ที่ดูผิดหวังของนาง เขาก็ทนไม่ได้”เดี๋ยวข้าไปหาผลไม้ป่า มาให้เจ้ากิน”

เย่เล่อจือมองเห็นต้นพุทราอยู่ไม่ไกล นางจึงรีบมองหา ไม้ที่มีอยู่รอบๆ แต่กลับหันไปเห็นมู่หรงเจิงเหาะขึ้นไปเก็บ แล้ว เขายืนอยู่บนกิ่งไม้แล้วก็เก็บพุทรา มือนึงก็จับเสื้อ ทําเป็นพก อีกมือก็ยื่นไปเก็บพุทราลูกแดงๆ พอโดนแสง จากพระจันทร์ส่องมาก็ยิ่งเห็นชัด แล้วก็เห็นเป็นเงาสีขาว ที่ลอยไปลอยมา ช่างดูงดงามราวกับเป็นการเต้นรำของผู้ หญิง
นี่ถึงจะเป็นคนที่มีวรยุทธสูงส่ง วรยุทธของคนสมัยก่อน ช่างดูตระการตากว่าในหนังซะอีก อะไรคือการเหาะได้ ในหนัง ล้วนแต่เป็นการแสดงเท่านั้น เปรียบกับมู่หรงเจิง แล้ว ดูเป็นไก่อ่อนไปเลย พอนางแน่ใจว่าเขาเป็นคนไม่ใช่ ผีสางแล้ว นางเองก็มองเขาอย่างตะลึง ถ้าหากว่านาง สามารถฝึกได้ละก็ เกรงว่าโลกนี้คงไม่มีใครกล้าต่อกรกับ นางแล้วใช่มั้ย? “มู่หรงเจิง วรยุทธท่านเป็นที่หนึ่งในใต้ หล้าใช่หรือไม่?

“ถ้าเรื่องวรยุทธ น่าจะที่สอง” มู่หรงเจิงเหาะลงมาข้างๆ นาง แล้วเปิดพกเสื้อออก พุทราลูกโตโตสีแดงทั้งนั้น

“ที่สองหรือ? ก็ถือว่าไม่เลว แล้วใครเป็นที่หนึ่ง? “เย่เล่อ จือหยิบพุทราขึ้นมาแล้วถามขึ้น

มู่หรงเจิงวางลูกพุทราลงบนพื้น แล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้า ขึ้นมาเช็ดพุทรา “หากว่าข้าเป็นที่สอง ใครจะกล้าเรียกตัว เองว่าที่หนึ่งอีกละ? “พูดเสร็จเขาก็เอาพุทราที่เช็ดสะอาด แล้วยื่นให้นาง

“สอนข้าได้มั้ย? “เย่เล่อจือพูดเสียงออดอ้อนเขา แล้ว ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ

“แต่งงานกับข้า แล้วข้าจพสอนเจ้า” มู่หรงเจิงพูดขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ