Rebirth เกิดใหม่มารักคุณ

ตอนที่ 12 ฉันจะทำให้เธอจำได้มากกว่านี้อีก



ตอนที่ 12 ฉันจะทำให้เธอจำได้มากกว่านี้อีก

ตอนที่ 12 ฉันจะทำให้เธอจำได้มากกว่านี้อีก

“ไม่ต้อง!” เธอคิดอยากจะผลักมือเขาออกไป แต่คาดไม่ถึงเลย ว่ากลับถูกสายตาที่เยือกเย็นของเขาสะกดไว้ “เธอไปเองไม่ได้ หรอก ระยะทางจากตรงนี้ถึงล่างเขาประมาณหนึ่งกิโลเมตร เธอ สามารถเดินลงไปโดนเท้าข้างเดียวได้งั้นเหรอ”

เศวยาคิดอยากจะปฏิเสธ แต่พอนึกถึงสภาพตอนที่เดินลงเขา เมื่อวาน เธอก็เงียบปากลงอย่างเชื่อฟัง มีความแค้นกับผู้ชายคน นี้ ก็ไม่ได้แปลว่าจะแค้นกับเท้าของตัวเอง ตอนที่เขากำลังตรวจดู ข้อเท้าของเธอ ก็ไม่ควรที่จะไปต่อต้านหรือขัดขืน นี่เป็นสิ่งที่เขา ให้บทเรียนแก่เธอ

เมื่อเห็นเศวยาเชื่อฟัง สายตาของธนเทพก็ค่อยๆ ผ่อนความโหด ลง เขาก้มดูแล้วยื่นมือไปจับเท้าขวาของเธอ เพียงแค่เอามือไป สัมผัสที่ข้อเท้า เศวยาก็อุทานด้วยอาการเจ็บปวดขึ้นมาเบาๆ

เสียงของเธอนั้น ฟังแล้วทั้งรู้สึกเย็นชาและอ่อนโยน โดยเฉพาะ ตอนที่เธออุทานในช่วงที่เธอไม่รู้ตัวนั้น เสียงของเธอจะแหบแห้ง ที่เต็มไปด้วยความเซ็กซี่

ธนเทพรู้สึกจุกๆ ในลำคอ เขาสามารถจินตนาการได้ถึงว่า ถ้าเสียงแบบนี้ ตอนที่มีอะไรกัน มันคงจะเป็นรสชาติที่เหมือน วิญญาณหลุดออกจากร่างไปเลยก็ได้

เขาถอดรองเท้าออกจากที่เท้าของเธอ ในตอนที่เห็นเท้าที่ทั้ง เรียวและขาว แววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเงามืดไป

เขายื่นมือออกไปจับข้อเท้าของเธอเบาๆ ความอบอุ่นจากฝ่ามือ ของเขาส่งแผ่ไปที่เธอ ใจของเศวยาเต้นแรงอย่างกระทันหัน ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างไม่ได้ตั้งใจ และแดงแผ่ กระจายไปจนถึงช่วงลำคอ

เธอนึกถึงคืนนั้น

ฝ่ามือของเขาได้เฉียดผ่านหน้าอกอันอิ่มเอิบของเธอไป ทำให้ เธอรู้สึกเร่าร้อน เหมือนถูกเผาวิญญาณไปแล้วทั้งร่าง ตอนที่เขา ออกแรง ความเผด็จการของเขานั้นเต็มไปด้วยกำลังและความที่ จะเอาชนะ ยิ่งทำให้เธออยากที่จะค้นพบเสียงที่อยู่ใต้ก้นบึ้งของ

ໃຈ

มือของธนเทพค่อยๆ นวดไปทีละนิดตามข้อเท้าของเธอ มือของ เขากำลังอยู่ภายใต้ความรู้สึกที่ไวต่อการสัมผัส ทำให้เขารู้สึก ใจเต้น มือข้างหนึ่งของเขากำลังจับบนข้อเท้าเธอเบาๆ มืออีก ข้างหนึ่งจับเท้าที่เรียวสวยของเธอไว้ และกดๆนวดๆไปสองสาม ที เมื่อได้ยินเสียงฝ่ายหญิงที่อุทานด้วยความเจ็บปวดนั้น สายตา ของเขาก็ปรากฏความอันตรายและดุร้ายดั่งสัตว์ร้ายออกมา

ธนเทพยอมรับว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ชายที่โรคจิต และก็ไม่ได้เป็น พวกชอบความรุนแรง ความบ้าคลั่งในบางครั้งนั้น เป็นเพียงแค่ อารมณ์สนุกที่บริสุทธิ์ก็เท่านั้น ไม่ได้เพื่อที่จะตอบสนองความ อยากของตัวเอง และก็ไม่เคยเคี่ยวกรำผู้หญิงคนไหนมาก่อน

แต่เสียงที่เบาๆ และนุ่มนวลของเธอนั้นกลับทำให้เขาชื่นชอบ อย่างมาก ถึงขนาดที่เย้ายวนเขามากกว่าที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ กระโปรงเมื่อวานอีก!

คาดไม่ถึงเลยว่า เขาบ้าขนาดที่อยากจะฟังเสียงร้องจากความ เจ็บปวดอีกสักสองสามที

เมื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ออกมาจากสายตาของเขา ที่เหมือน จะเผาผิวหนังของเธอ สีหน้าของเธอก็ชัดขึ้น กัดฟันแล้วพูดอย่าง เย็นชาว่า “ฉันไม่เป็นไรแล้ว”

ธนเทพไม่ได้พูดอะไร อยู่ดีๆ ก็ก้มลงมาอุ้มเธอขึ้น แล้วก้าวยาว เดินไปที่รถ

เศวยารีบร้อนมาก ให้ตายสิ! “ธนเทพ ฉันบอกว่าฉันไม่เป็นอะไร แล้วไง ไม่ได้ยินรึไง!
จำชื่อผมได้ด้วยแล้วเหรอ ไม่เลวเลยนะ” ธนเทพฉีกยิ้มอย่างชั่ว ร้าย สายตาที่ไม่สนอะไรทั้งสิ้นไปตกอยู่บนหน้าอกของเธอ ความ อิ่มเอิบจากจุดนั้นมันยั่วยวนเขาเป็นอย่างมาก “ต่อไปฉันจะทําให้ เธอจําให้ได้มากกว่านี้อีก….

คําพูดของเขาคลุมเคลือมากถึงมากที่สุด

เศวยามองไปตามสายตาของเขาที่ดูตื่นตัวเพราะหน้าอกที่ของ เธอ เธอรีบเอามือทั้งสองข้างมาปิดไว้ ไม่ให้เขาเห็นแม้แต่ซอก เดียว

เมื่อชาติที่แล้ว ถึงแม้ว่าจะเคยแตะต้องสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด สนิทที่สุดกับเขา รวมถึงความทรงจำต่างๆ แต่มันกลับไม่ได้เป็น สิ่งมหัศจรรย์อะไร ชาตินี้ เธอจะไม่ให้สิ่งแย่ๆ แบบนั้นเข้ามาหาตัว เองอีก เธอจะรักษาร่างกายที่สะอาดร่างนี้ของเธอไว้ให้ดี รวมทั้ง หัวใจของเธอเองด้วย

เธอถูกพาเข้าไปนั่งในที่นั่งข้างคนขับ จากนั้นเขาก็เดินอ้อมรถ แล้วขึ้นไปที่นั่งคนขับ แล้วออกรถไป

หลังจากที่เวียนรถหนึ่งรอบแล้ว ก็ต้องเวียนรถลงจากเขาอีก บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสนิทอย่างแปลกประหลาด เศวยา หันหน้าไปอีกทางหนึ่งและขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่หันไปมองผู้ชาย ที่อยู่ข้างๆ และไม่ร้องอุทานถึงอาการเจ็บออกมา
ก็แค่เป็นการได้สัมผัสนิดๆ หน่อยๆ เธอยังรู้สึกใจนิ่งไม่ได้ แล้ว ต่อไปล่ะ? เธอควรที่จะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร?

ทั้งสองมือกุมจับกันไว้แน่น เล็บจิกฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บ เธอจะใจ เต้นหรือหวั่นไหวเพราะเขาไม่ได้อีก!

“เท่าที่ผมรู้ ครึ่งเขานั่นก็มีอยู่แค่บ้านหลังนั้น คุณไปที่นั่นทำไม คุณรู้จักคนในบ้านนั้นเหรอ” ธนเทพขับรถพลางกวาดสายตาไป มองเธอเบาๆ

เศวยาทำเหมือนไม่ได้ยิน ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้น มาได้

พึ่งความสัมพันธ์ของธนเทพกับตระกูลวรวงศ์คุณากร วิธีที่ดี ที่สุดที่จะได้เจอนินัทธ์ก็คือต้องผ่านทางธนเทพ!

พอคิดจนถึงตรงนี้ เธอก็รีบหันมา แล้วพูดอย่างเย็นชา “คนบ้าน นั้น คือตระกูลวรวงศ์คุณากรใช้รึเปล่า”

ทันใดนั้นลูกตาของธนเทพก็ดูต่างไปจากเดิม เขาหันมามองเธอ ตรงๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เธอรู้ได้ไง”

“เพื่อนฉันทำข่าวอยู่” ไม่มีข่าวไหนหลบหูทิพย์ของเธอได้ ข่าวที่ ยังไม่ได้ออกสู่สาธารณชนเมื่อวานนั้น จันทรชาก็ได้ทิ้งเงินของตัวเองไป ก็เลยถือโอกาสเอามาให้เธอซะเลย แน่นอนว่า หลังจากที่จันทรชาเรียนจบแล้วนั้น เค้าทำข่าวอย่างซื่อสัตย์และ เป็นความจริงล้วนๆจริงๆ

ธนเทพจ้องไปที่เธอ ในเมื่อเธอพูดคำว่าตระกูลวรวงศ์คุณากร ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าต้องรู้จักคนใน

เขาเริ่มค่อยๆ ละสายตาออกไป แล้วถามอย่างดูเหมือนไม่สนใจ “เธอไปทำอะไรที่นั่น

เศวยาจ้องตาเขา ไม่ตอบและถามกลับ “คุณล่ะ คุณไปที่นั่น ทำไม”

ธนเทพชำเลืองมองเธอเป็นระยะเวลานาน แล้วยิ้มอย่างมี เลศนัย “ไม่นึกเลยว่าคุณเศวยากับตระกูลวรวงศ์คุณากรจะมีความ เกี่ยวข้องกัน”

เศวยายิ้มมุมปาก สายตาเต็มไปด้วยความคิด ชีวิตคนเรามีเรื่อง อะไรที่คาดไม่ถึงอยู่มากมายจริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ