Rebirth เกิดใหม่มารักคุณ

ตอนที่ 11 เธอควรใจเย็นไว้



ตอนที่ 11 เธอควรใจเย็นไว้

ตอนที่ 11 เธอควรใจเย็นไว้

เศวยาไม่ได้สนใจเลย ถ้าจะแบล็คเมลก็คงแบล็คเมลไปนาน แล้ว คงไม่รอมาจนถึงตอนนี้หรอก

“ให้ตายสิ คุณเศวยา คุณไปเรียนรู้นิสัยแย่ๆ มาจากไหน เย็นนี้คงต้องให้พ่ออบรมสั่งสอนคุณซะแล้ว!

เศวยากลับไปที่ห้อง แล้วหยิบเสื้อยืดตัวใหญ่สบายๆออกมา ถ้าไม่ดวลเหล้าก็จะไม่รู้ว่าตัวเองคออ่อนหรือคอแข็งขนาดไหน ไม่รู้ว่าฤทธิ์เหล้ามันเป็นยังไง ต่อไปกินเหล้า แล้วไม่รู้ฤทธิ์ เหล้า แบบนั่นถึงจะเรียกว่าเกิดเรื่อง!

บริตกระพริบตา ทันใดนั้นก็คิดได้ว่าคำพูดของพี่เศวยาก็ดูมี เหตุผลอยู่ หลังจากอดกลั้นมานานก็พูดออกมาว่า “แต่…แต่ดื่ม เหล้าก็ไม่ดีนะ”

เธอพูดอย่างขอผ่านไปที่ “ก็ได้ จากนี้ไปพี่ไม่ดื่มแล้ว ออกไป พี่จะเปลี่ยนเสื้อ”

“อื้อ” บริวตออกจากห้องไปอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับปิดประตูให้ เธอด้วย แต่เขายังยืนอยู่หน้าประตู ไม่ได้เดินไปไหน จากนั้นก็ ตะโกนผ่านประตู “พี่ แต่ยามที่เฝ้าประตูตะวันออกบอกว่า เมื่อเช้านี้มีผู้ชายมาหาพี่ด้วย

เศวยานวดคิ้วด้วยความเครียด นึกไม่ถึงเลยว่ายามหน้าประตู บ้านจะนินทาเธอ แถมยังเอาเรื่องนี้มาบอกน้องชายเธออีก เธอ เปลี่ยนเสื้อผ้าพลางตอบแบบลวกๆ ว่า “ถามทางน่ะ

เธอไม่อยากให้คนในบ้านรู้ว่าเธอไปเกี่ยวข้องพัวพันอะไรกับธน เทพ ทางที่ดีก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขามีตัวตนอยู่

“ใช่เหรอพี่ ยามที่เฝ้าประตูตะวันออกบอกว่าพวกเขาจ้องมอง มานานและเห็นว่าผู้ชายคนนั้นพยายามจะลวนลาม พวกยาม เตรียมลุยแล้ว แค่พี่ตะโกนเรียกก็จะบุกไปกระทืบหมอนั่นทันที!

เศวยาหน้าตาดี แต่งตัวแต่งหน้าก็เป็น พวกวัยรุ่นที่ทำงานเป็น ยามในหมู่บ้านนี้ล้วนแต่มองเธอเป็นนางฟ้า ใครก็ตามที่กล้า ร้งแกนางฟ้าของพวกเขาก็คือพวกที่ไม่รักชีวิตของตัวเอง!

“พี่ มันเป็นพวกที่มาจีบพี่ใช่ป่ะ ถ้าใช่ละก็ บอกวุฒิ วุฒิจะพา คนไปตัดเจี๊ยวไอ้เหลือขอนั่น!” เขาพูดรัวเป็นชุดโดยไม่เว้นวรรค เลยสักนิด

ประตูห้องถูกเปิดออก เศวยาโบกหัวน้องชายไปทีหนึ่ง“ไอ้โง่ที่ไหนจะโง่มาจีบที่นี่กันหล่ะ”

บริตเบะปาก “ใครใช้ให้พี่เสน่ห์แรงล่ะ มาจีบที่นี่แล้วมัน แปลกตรงไหน”

เศวยาดึงแก้มของเขาจนยึด “แกเนี่ยนะ ไปตั้งใจเรียนซะไป ไม่ต้องเอาเวลามาห่วง ”

เป็นครั้งแรกที่พี่ล้อเล่นกับเขาอย่างสนิทสนมกันแบบนี้ บริต ล็กมีความสุขจนอยากจะลอย เขารีบยื่นหน้าอีกฝั่งหนึ่งเขาไป “พระเยซูบอกว่าหยิกแก้มซ้ายแล้ว ก็ต้องหยิกแก้มขวาด้วยน่ะ

เศวยาถูกเขาแหย่เล่นจนเผลอยิ้มออกมา พี่สาวน้องชายคู่นี้ดูมี ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมปรองดองกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ในตอนที่ดุสิดากลับมาจากข้างนอก ก็เห็นว่าลูกชายกับเว ยาเดินคุยไปยิ้มไปเข้าห้องรับแขก เธอยังคิดว่าตนมองผิดไป ทําไมเจ้าหญิงองค์น้อยของบ้านหลังนี้ ถึงเปลี่ยนไปแบบนี้อย่าง กระทันหันได้”

ต่อให้เศวยาเห็นดุสิดาก็ยังทำตัวเหมือนไม่เห็น บริวุตยกมือ โบกเพื่อทักทายจากนั้นก็กลับมาอยู่ข้างกาย ของตนอีกครั้ง เหมือนกับลูกหมาตัวเล็กๆ ที่แกว่งหางไปมาเพื่ออ้อนให้ลูบหัว

ดุสิดาเห็นลูกชายมีท่าทางเหมือนไม่มีอนาคตก็โกรธจัดเอา มากๆ เดิมทีในบ้านนั้น เค้าชอบผู้หญิงคนนี้มาก มีเพียงเด็ก คนนี้ที่เป็นลูกเมียหลวงแต่ถูกแม่เลี้ยงที่เป็นเมียน้อยดูแล แต่แม่ เลี้ยงอย่างดุสิดาก็ไม่ได้ถูกมองเป็นคนสําคัญของเธอเลยแม้แต่ น้อย! ไม่เพียงแต่มองไม่เห็น แต่ยังเอาแต่พึ่งพาชาวบ้านอีก! จากนี้ไปดุสิดาจะหวังอะไรกับลูกชายของตนได้

พอดุสิดาโกรธ ก็หยิบกระเป๋าแล้วออกไปเล่นไพ่ ดีที่ช่วงนี้มี บ่อนเปิดใหม่ และเธอก็มือขึ้นมาตลอด เล่นไพ่ชนะจนได้เงินไป ไม่น้อย ถือเป็นการปลอบใจตัวเอง

วันต่อมา เศวยาก็ไปที่บ้านทรงยุโรปหลังนั้นอีกครั้ง ตอนที่ เพิ่งลงจากรถก็เห็นผู้ชายใส่สูทสองสามคนกำลังตรวจสอบอะไร บางอย่างอยู่

เธอจึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย “ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็น

ใครคะ”

มีคนหนึ่งหันมาหาเธอ อาจเป็นเพราะความสามารถอย่างหนึ่ง ของสาวงามที่มีตั้งแต่กำเนิดผู้ทำให้คนสบายตาอย่างเธอ เดิมที คู่สนทนามีหน้าตาที่เคร่งขรึมจริงจัง แต่พอเห็นหน้าเธอก็ฉีกยิ้ม ออกมาเล็กน้อย “สาวน้อย เธอมาที่นี่มีธุระอะไรเหรอ”
“ฉันมาพบคนคนนึงค่ะ”

“คนในบ้านนี้น่ะเหรอ

“ใช่ค่ะ”

“งั้นเธอก็มาช้าไปก้าวนึ่งแล้วล่ะ พวกเขาย้ายออกแล้ว บ้านนี้ พวกเขาขายให้เราแล้ว”

ทันใดนั้นดวงตาที่เหมือนตาของนกฟินิกส์ของเธอก็เบิกกว้าง “ย้ายไปแล้วเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่

“เมื่อเช้านี้เอง” อาจเป็นเพราะเจอคนสวย คนคนนี้จึงพูดมาก “น่าจะเป็นเรื่องด่วน ตอนพวกเขาย้ายออกดูค่อนข้างจะรีบมาก

เศวยายืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่สวยงามดั่งนกฟินิกส์ของเธอ ค่อยๆ เล็กลง “น้าลิลลี่ต้องกลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้น ก็เลย แจ้งข่าวในตระกูลวรวงศ์คุณากร ดังนั้นพวกเขาเลยรีบร้อนย้าย ออกไปแบบนี้ และพานินัทธ์ไปซ่อนตัว

เธอตำหนิตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับคำสาปแช่ง ทำไมเธอ ต้องคิดที่จะรีบมาที่นี่ด้วยนะ
คู่สนทนาของเธอยังคงอยากที่จะพูดต่อ เธอพูดขอบคุณแล้ว ลงไปจากทางบนภูเขา

พอคิดได้ว่า นัทธ์อาจถูกขังอยู่ในกรงทอง เธอก็รู้สึกไม่ สบายใจ โดยที่เธอไม่ได้สังเกตเลยว่ามีรถออดี้สีดำาคันหนึ่ง ค่อยๆ ขับกลับมา

พอลดกระจกหน้าต่างรถลงก็เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของ ธนเทพ ในตอนที่เห็นเธอเขาก็ตกใจมาก “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยัง

เศวยากลับไม่รู้สึกแปลกใจที่เจอธนเทพ แถมยังพูดกลับไปว่า “ที่นี่วิวสวยดีน่ะ เลยมาเดินเล่นชมวิวสักหน่อย”

สายตาที่คมกริบเฉียบแหลมของธนเทพมองไปที่ชุดเสื้อนอก ที่เธอใส่ “คุณเศวยา คุณนี่แปลกจริงๆคุณสวมชุดแบบนี้มาเดิน เล่นเหรอ”

“รสนิยมของฉันน่ะ คนทั่วไปไม่เข้าใจหรอก” เธอไม่อยากจะ พูดอะไรอีก ฝ่ายตรงข้ามคือธนเทพ เธอยังโกรธและเย็นชาได้ ไม่มากพอ

ธนเทพมองด้วยสายตาที่คมกริบมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าคำพูด ของเธอจะดูขัดแย้งมาก เขากลับไม่ถามเรื่องนั้นต่อ และยังพูด เสียงเรียบว่า “นรถสิ ฉันไปส่งเธอเอง”
“ฉันจะเดินเล่น” ในตอนที่เธอพูดกลับไม่ได้ระวังจึงสะดุดเข้ากับ

ก้อนหินจนเท้าพลิก

เศวยาล้มไปนั่งและลูบข้อเท้าตัวเองความเจ็บปวดที่ทิ่มแทง หัวใจนี้ทำให้เหงื่อเย็นชืดไหลลงมาท่วมใบหน้าของเธอ

ธนเทพจอดรถแล้วเปิดประตูรถ พอเดินมาหาเศวยาเขาก็โน้ม

ตัวลงมา ไหนขอผมดูหน่อย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ