Prince of Dark Land เจ้าชายแห่งแดนด

บทที่ 7 ผนึกที่ถูกทำลาย



บทที่ 7 ผนึกที่ถูกทำลาย

“นี่คือเอกสารทั้งหมดที่ท่านต้องจัดการขอรับ

‘เยอะไปหรือเปล่าวะ’ เจ้าชายแห่งแดนมืดมองกองเอกสาร ตรงหน้าที่เด็กรับใช้ยกมาให้ก่อนที่เขาจะค้อมศีรษะแล้วเดินออก ไปเงียบ ๆ ทิ้งให้เจ้าของห้องทำงานนั่งอึ้งไปหลายนาที

สามวันหลังจากกลับบ้าน เซเรียสก็เตรียมข้าวของเครื่องใช้ บางส่วนที่จะนำไปใช้ในหอพัก โรงเรียนซินเทลล่า อีกสอง สัปดาห์ที่นั่นก็จะเปิดเทอม ระหว่างนี้เขาก็ทำหน้าที่ของเจ้าชาย โดยการช่วยงานจ้าวปีศาจ งานที่ชายหนุ่มรับผิดชอบ ส่วนใหญ่ เป็นงานของกองทัพ วันนี้มีรายงานจากทหารที่ประจำอยู่ในเมือง ทางทิศตะวันตก ประเด็นคงไม่พ้นความวุ่นวายจากสัตว์อสูรที่มา ระรานชาวเมือง

“ให้ตายสิ” คนพูดถอนหายใจพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากห้องนี้อยู่ชั้นบนสุด ของปราสาทกรมกลาโหม

เซเรียสหยิบรายงานฉบับหนึ่งขึ้นมาอ่าน ในนั้นเขียนถึงความ วุ่นวายที่พวกสัตว์อสูรก่อขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้แต่เพราะเกิดเรื่องร้าย ๆ เมื่อนานมาแล้ว จึงส่งผลให้มีปัญหาตามมา และการที่สัตว์อสูร ออกมาระรานชาวบ้านที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว

ก ก

อยู่ดี ๆ โต๊ะก็สั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น สังเกตได้จากน้ำชาใน ถ้วยกระเพื่อมก่อนที่แรงสั่นสะเทือนนั้นจะรุนแรงขึ้น เสียงกรีด ร้องของผู้คนดังแว่วมาแต่ไกลทำให้เซเรียสตัดสินใจวิ่งออกไปที่ ระเบียง ข้างล่างเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่วิ่งไปวิ่งมาเต็มไป หมด ร่างสูงตัดสินใจทิ้งตัวจากชั้นที่ยี่สิบห้าลงไปยังพื้นเบื้องล่าง วงเวทสีดำปรากฏใต้เท้าชะลอความเร็วในการตก ทันทีที่ปลาย เท้าแตะพื้นหญ้า ขาสองข้างก็พาไปยังลานกว้างหน้าตัวปราสาท ทันที

เกิดเสียงฟ้าร้องดังก้องตามมาด้วยหมู่เมฆบนท้องฟ้าที่ แปรปรวนราวกับจะเกิดพายุ คลื่นพลังสีแดงอ่อนถูกซัดมาจากที่ ใดไม่ทราบแต่มันผ่านน่านฟ้าเหนือนครหลวงซัลลิแวนชนิดที่คน ทั้งเมืองสามารถเห็นได้ชัดเจนไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็ตาม พลันแผ่น ดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทำให้ชาวแดนมืดที่กำลังวิ่งไปทั่ว ต้องล้มลงเพราะทรงตัวไม่ได้ เซเรียสนั่งชันเข่าลงกับพื้นทำให้ตัวเองไม่เซล้มเหมือนคน อื่น ๆ

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!! เจ้าชายแห่งแดนมืดสบถในใจพลาง มองฝูงนกกาที่บินแตกฮือออกมาจากต้นไม้ใหญ่ ผ่านไป ประมาณสองนาที ทุกอย่างจึงกลับมาสู่ความสงบ

“เจ้าชาย…”

“ส่งทหารออกไปดูความเรียบร้อยของประชาชนเดี๋ยวนี้!” ร่าง สูงหันไปสั่งทหารที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ คนรับคำสั่งค้อมศีรษะแล้วรีบวิ่ง ออกไป เซเรียสเริ่มคาดเดาสถานการณ์ อยู่ ๆ ก็เกิดเรื่องไม่คาด ฝันขึ้น ประชาชนคงแตกตื่นแน่ นึกแล้วก็จะไปที่กำแพงวังเพื่อดู ว่าข้างนอกเป็นยังไงจนกระทั่งมีทหารจากหน่วยองครักษ์พิทักษ์ จ้าวปีศาจสองนายเดินมา

“เจ้าชาย”

“มีอะไร”

“ท่านจ้าวมีคำสั่งเรียกท่านเข้าพบเป็นการด่วนที่คฤหาสน์ของ อดีตราชินีขอรับ มีเรื่องด่วนจากท่านวานาเลีย ท่านจ้าวกับเจ้า ชายจําเป็นต้องรับทราบ” หนึ่งในสองรายงานพลางค้อมศีรษะ คนฟังขมวดคิ้วสงสัย มันเกิดอะไรขึ้นอีก หรือจะเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้

“เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบไป

“ขอรับ”

“ท่านพ่อ!”

เสียงของลูกชายดังแว่วมาแต่ไกลทำให้ร่างสูงที่เพิ่งออกจาก ท้องพระโรงหันไปมองทันที เซเรียสวิ่งมาก่อนจะหยุดกะทันหัน ทำให้เขาสไลด์มาหยุดอยู่ตรงหน้าจ้าวปีศาจ ผู้มาใหม่มีอาการ หอบเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยึดตัวขึ้นแล้วเปิดประเด็นการสนทนา

“ทหารองครักษ์บอกว่าท่านเรียกข้า

“เกี่ยวกับแผ่นดินไหวเมื่อครู่นะ ที่สำคัญย่าเจ้าส่งข้อความมา นางอยากให้เราไปพบ” วาเรียสหมายถึงอดีตราชินีแห่งแดนมีด ซึ่งเป็นย่าแท้ ๆ ของเซเรียส ทางด้านคนวิ่งมากขมวดคิ้วก่อนจะ ถามกลับ

“ท่านย่ามีเรื่องสำคัญจะบอกพวกเราเหรอครับ”

“ไม่รู้สิ ไปถึงก็คงรู้เอง” กล่าวจบก็หันไปออกคำสั่งกับ องครักษ์ เรื่องดินแดนนั้นเรื่องใหญ่แต่เรื่องของใครบางก็สำคัญ สําหรับเขาเช่นกัน “กลับไปบอกพวกคุณหญิงให้มาอยู่กับเซซา เนีย เสร็จแล้วก็กลับมาคุมสถานการณ์ อย่าให้ประชาชนแตกตื่นเด็ดขาด”

“ขอรับ” สองครักษ์ค้อมศีรษะจากนั้นก็รีบแยกย้ายกันกลับ คฤหาสน์เพื่อไปบอกให้ภรรยาตัวเองมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหญิง แห่งโรซาน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เธอรู้สึกไม่ดี

“ไปกันเถอะ บางทีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวกับ “นาง ก็ได้” คนที่วาเรียสกล่าวถึงทำให้เจ้าชายแห่งแดนมีดเลิกคิ้วข้าง หนึ่ง พ่อของเขาพูดว่า “นาง” แสดงว่าหมายถึงผู้หญิง หรือว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะมีต้นตอมาจากผู้หญิง

สถานที่ตรงหน้าคือคฤหาสน์ที่สร้างจากหินอ่อนสีรัตติกาลและ ตั้งอยู่บนภูเขาสูง บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตัวอาคารปรากฏ ร่างของหญิงสาวผมสีแดงหยักศกยาวสยาย นัยน์ตาสีแดงอ่อน เธอสวมชุดสีแดง พลางเดินวนไปวนมาด้วยใบหน้า เคร่งเครียด พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นปีศาจสองตนกำลัง สะบัดปีกร่อนลงมาจากท้องฟ้า ชาวแดนมืดคนหนึ่งมีปีกสามคู่ ส่วนอีกคนมีปีกสองคู่ แน่นอนว่าเธอรู้จักพวกเขา

“วาเรียส เซเรียส มาจนได้นะ” เธอกล่าวขึ้นเมื่อสองพ่อลูกรีบ ตรงมาหาเธอก่อนจะพร้อมใจน้อมศีรษะเล็กน้อยเพื่อทำความ เคารพ
“ท่านย่าวานาเลีย

“ว่าไงหลานรัก ได้ยินว่าไปที่แดนมนุษย์ เห็นอะไรใหม่ ๆ เยอะ แยะเลยสินะ” วานาเลีย เมนเดลรอน เดินมากอดหลานชายสุด ที่รักอย่างคิดถึงตามประสาคุณย่าที่ไม่ได้เจอหลานมานาน ถ้าไม่ บอกว่าเป็นย่ากับหลานคงนึกว่าเป็นพี่สาวกับน้องชายแน่ ๆ

“แม่ มันเกิดอะไรขึ้น คลื่นพลังที่ซัดออกมาตอนแผ่นดินไหวคง ไม่ใช่…”

“อย่างที่เจ้าคิด” หญิงสาวผละออกจากหลานชายแล้วหันมา เปิดประเด็นคุยเรื่องสำคัญ “คาเรียสไปดูสถานที่ผนึกแล้ว ดู เหมือนว่า ‘นาง’ จะทำลายผนึกออกมาได้”

“เวรเอ๊ย” จ้าวปีศาจสบถเบา ๆ ในขณะที่คนใกล้ตัวก็มองย่า กับพ่อสลับไปมาทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม เขาอยากได้คํา อธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ท่านพ่อ ท่านย่า นี่มันเรื่องอะไรกันครับ

“จำได้ไหมที่พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าทำไมบ้านเราถึงมีปัญหาเรื่อง ภัยธรรมชาติ สภาพอากาศแปรปรวน และทรัพยากรเริ่มหมด ไป” วาเรียสหันมาถามลูกชายกลับคืน เซเรียสเงียบไปชั่วขณะ เพราะกำลังเค้นความรู้ในสมองจนกระทั่งนึกอะไรออก
ท่านหมายถึง เทน่า เหรอครับ

“นางทําลายผนึกของปู่เจ้ากับสองครักษ์รุ่นก่อน แต่ท่าทาง นางคงจะเสียพลังไปมากระหว่างทำลายผนึก ตอนนี้คงหนีไป ที่ไหนสักแห่งกับข้ารับใช้” วานาเลียคาดเดาสถานการณ์ และ เธอคิดว่าตัวเองควรจะพาสองพ่อลูกเดินทางไปยังที่เกิดเหตุได้ แล้ว

“ไปกันเถอะเซเรียส ไปดูให้เห็นสถานที่ผนึกกัน” วาเรียสหัน มาเรียกลูกชายที่นิ่งเงียบ เซเรียสพยักหน้าก่อนจะเรียกปีกสองคู่ ออกมาแล้วเหินฟ้าตามทั้งสองไป และนั่นเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัว เห็นว่าปีกของคุณย่าไม่เหมือนกับชาวแดนมืด เพราะมันเป็นผ้า คลุมที่สยายออกคล้ายปีกผีเสื้อขนาดใหญ่มากกว่า

แต่ถ้ามันบินได้ก็ไม่เป็นไร

สถานที่ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือพื้นที่แห้งแล้งทุรกันดาร บนฟ้า มีเมฆปกคลุมคล้ายกับฝนจะตก สายลมร้อนที่พัดมาทำให้เจ้า ชายแห่งแดนมืดก้มมองภาพเบื้องล่างอย่างแปลกใจ ไม่นึกมา ก่อนว่าในแดนมืดจะสถานที่แบบนี้ด้วย ชายหนุ่มสะบัดปีกบิน ตามพ่อกับย่าร่อนลงไปบนชะง่อนผาที่ยื่นออกมาจากปากทาง เข้าถ้ำขนาดใหญ่ พอเห็นสภาพตรงหน้าก็ขมวดคิ้ว
‘ ถล่ม?’ เขาเห็นเศษหินกระจายอยู่ตามปากทางเข้าถ้ำ เมื่อ เดินตามทั้งสองเข้าไปด้านในก็พบว่าทางเข้านั้นแคบมาก คง เพราะไม่นานมานี้เกิดแผ่นดินไหว ทำให้เพดานถ้ำถล่มลงมา ทางเดินจึงคับแคบลงไปอีก ด้านในสุดของถ้ำเป็นโถงขนาด ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเศษคริสตัลสีโลหิตกระจายเกลื่อนพื้น ตรง กลางโถงมีผนึกที่แตกแล้วตั้งอยู่

“ผนึกถูกทำลายจริง ๆ ด้วย” วานาเลียมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อย่างหนักใจ ใกล้ ๆ กับผนึกนั้นมีร่างโปร่งแสงของใครบางคน ยืนอยู่ “คาเรียส”

“มีกลิ่นอายเวทตกค้างอยู่ นางกับข้ารับใช้คงหนีไปได้ไม่นาน แต่ก็เร็วพอที่เราจะตามไม่ทัน

“ท่านปู่?” เซเรียสจำได้ว่านั่นคือวิญญาณของอดีตจ้าวปีศาจที่ สิ้นไปเมื่อนานมาแล้ว คาเรียสหันมามองหลานชายก่อนจะหาย แวบจากตรงนั้นมาอยู่ตรงหน้าคนทัก

“กลับมาจากแดนมนุษย์แล้วเหรอ”

“ครับ”

“ให้ตายเถอะ ยายป้านั่นหนีไปได้ ทุกสิ่งที่เราทำมาสูญเปล่า หมดก็วันนี้แหละ” วาเรียสไม่สนใจบรรยากาศกับหลาน ครอบครัวสุขสันต์ ร่างสูงนั่งชันเข่าแล้วหยิบเศษคริสตัลขึ้นมา ในใจก็นึกถึงความทรงจําหนึ่งที่เป็นสาเหตุให้แดนมีดสูญเสียจ้าวปีศาจและ ญาติพี่น้องทุกคน

สงครามระหว่างแดนมืดกับอดีตนางฟ้าผู้สาปดินแดน!

“แล้วเราต้องทําอะไรบ้างครับ” เซเรียสคิดว่าตัวเองควรจะมี ส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ทว่าปู่ ย่า และพ่อต่างพร้อมใจกันสาย หน้า

“เจ้าจะไปเรียนที่แดนมนุษย์ไม่ใช่เหรอ การหาประสบการณ์ เป็นเรื่องดีนะ ย่าคิดว่าเจ้าน่าจะสนใจเรื่องนั้นมากกว่า ส่วนเรื่อง เทน่า พวกเราจะจัดการเอง” วานาเลียตรงมาลูบศีรษะหลาน ชายที่ตอนนี้ตัวสูงกว่าเธอแล้ว เซเรียสขมวดคิ้วเพราะไม่เต็มใจ ทําตามที่อีกฝ่ายบอก

“แต่เรื่องนี้ข้ารู้สึกว่าข้าต้องช่วยด้วย

“ไม่เป็นไรหรอก นี่มันเรื่องของผู้ใหญ่ เจ้าเป็นเด็กรุ่นใหม่ ไป หาประสบการณ์ในต่างแดนเถอะ ถ้ามีอะไรที่ต้องให้เจ้าช่วย จะ ให้พ่อเจ้าเรียกเจ้ากลับมาละกัน” คาเรียสไม่อยากให้หลานชาย เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย เพราะเรื่องทั้งหมดมันเกี่ยวกับเขา วานาเลีย และวาเรียสต่างหาก

“แต่ว่า…”

“เจ้าเด็กดื้อ อีกไม่นาน โรงเรียนซินเทลล่าก็จะเปิดเทอมแล้ว ไปเรียนหนังสือ หาเพื่อน เข้าสังคม และทำ กิจกรรมร่วมกับคนอื่นดีกว่า อยู่บ้านมากไปเดี๋ยวก็ไม่มีเพื่อน หรอก” วาเรียสเดินมาตบบ่าลูกชายด้วยรอยยิ้ม เซเรียสมอง หน้าพ่อก่อนกวาดสายตาไปมองปู่กับย่าด้วย เขาจะยอมกลับไป ที่แดนมนุษย์ก็ได้ แต่ก็ไม่ลืมแถมท้าย

“ถ้ามีอะไรที่พวกท่านรับมือไม่ไหว พวกท่านต้องเรียกข้ามา ชายนะ”

“…ก็ได้”

สุดท้ายก็ต้องรับปาก

“กรี๊ด!”

“อ๊าก!”

“ช่วยด้วย!”

เสียงกรีดร้องฟังไม่ได้ศัพท์ดังแว่วมาจากที่ใดไม่ทราบ ทว่า เขามองอะไรไม่เห็นเลยนอกจากความมืดมิด เสียงนั้นค่อย ๆ ดัง ขึ้นจนกระทั่งรู้สึกเหมือนกับว่ามันดังอยู่รอบตัวนี่เอง แต่ทำไมเขา ถึงมองไม่เห็น

“งานเข้าสั่ง เรียบร้อยดีไหม

“เรียบร้อยดีครับ นักฆ่าที่เราส่งไปสังหารพวกนั้นหมดแล้ว” สินค้าถามของเจ้าของเสียงหวาน ก็มีเสียงของชายหนุ่มที่เขาไม่รู้จักตอบกลับมา

“หาต่อไป ใครเป็น ‘คนของเอเตน’ ต้องสังหารให้หมด อย่า ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!

“ครับ นายหญิง” หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาอีก ตามมาด้วยเสียงเหมือนของมีคมตวัดลงบนอะไรสักอย่างก่อนที่ เสียงร้องจะหายไป พลันเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่ก็ดังแว่วมาพร้อม เสียงกรีดร้องที่ค่อย ๆ ดังขึ้นอีกจนกระทั่งมันดังเหมือนอยู่ข้างหู

“กรีด!!!”

“อ๊าก!!!”

“!!!” เจ้าตัวสะดุ้งตื่นจากความฝันก่อนจะลุกขึ้นมานั่งถอน หายใจเฮือกใหญ่แล้วเบนสายตาออกไปมองนอกหน้าต่าง ตอน นี้เป็นเวลากลางคืนแต่น่าแปลกที่ท้องฟ้าไม่มีหมู่ดาวปรากฏให้ เห็น ตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อสามวันก่อน หลาย ๆ คนก็กังวล ไปหมด เพราะกลัวว่านั่นจะเป็นลางร้าย

‘ฝันบ้าบออะไรวะ!’ เซเรียสสบถในใจจากนั้นจึงก้าวลงจาก เตียงนอนใหญ่โดยไม่ลืมหยิบเสื้อคลุมมาสวม แดนมืดเป็นดิน แดนที่มีอากาศเย็น จึงไม่แปลกที่ตอนกลางคืนจะหนาวมาก

ร่างสูงเปิดประตูกระจกแล้วเดินออกมาที่ระเบียงหลังห้อง นัยน์ตาแดงทอดมองทิวทัศน์ของตอนหลาย ๆ บ้านดับไฟตะเกียงเวทมนตร์กันแล้ว

ไอ้ความฝันนั่นมันอะไรหน้า ทำไมเขาถึงฝันแปลก ขึ้นมาทั้งเมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบ นี้ โดยเฉพาะเสียงของชายหญิงนั้น ถ้าให้เดาฝ่ายหญิงจะ เป็นเจ้านาย ส่วนฝ่ายชายเป็นข้ารับใช้

แล้วคนนั้นสังหารใคร?

“คิดมาก เข้าห้องและ

ช่วงเช้าวันต่อมา สภาพอากาศไม่แจ่มใสเหมือนทุกฟ้า เต็มด้วยเมฆมืดครึ้มอีกทั้งยังลมพัดแรง อากาศเย็นลง มากยิ่งไม่ต้องพูดผู้คนอาศัยอยู่บนภูเขาสูง ป่านนี้ที่มั่นคงหิมะตกแล้ว เซเรียสแต่งกายในชุดเขาเดินห้องอาหารก่อนเด็กรับใช้เปิดประตูให้เขาเข้าไป

“ท่านพ่อ อรุณสวัสดิ์ครับ” เจ้าตัวทักทายคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ วันสวมผ้าคลุมสัตว์เช่นกัน วาเรียสปิดปากหาวนอนพลางพยักหน้ารับเล็กน้อย

“อรุณสวัสดิ์ ลูกชาย”

“วันนี้สภาพอากาศไม่ดีเลยนะครับ” เซเรียสเดินมานั่งทางขวา มือซึ่งเป็นที่นั่งประจําเวลามากินข้าวกับพ่อทุกมื้อ “ท่านแม่ล่ะ ครับ ไม่มากินข้าวด้วยกันเหรอ”

“มาสิ เดินมาโน่นแล้ว” วาเรียสบุ้ยใบ้ไปทางร่างบางที่สวมชุด กระโปรงยาวหนา ๆ แต่ยังมีผ้าลูกไม้คลุมศีรษะและใบหน้าอยู่ เช่นเดิม เซซาเนียเข้ามาทางประตูเล็กซึ่งอยู่หลังผ้าม่านก่อนจะ นั่งเก้าอี้ทางซ้ายมือซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเซเรียส

“ท่านแม่ อรุณสวัสดิ์ครับ”

“อรุณสวัสดิ์จ้ะ” เจ้าหญิงแห่งโรซานเลิกผ้าลูกไม้ขึ้นเปิดหน้า เพราะตอนนี้อยู่ในห้องกันสามคนจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมา เห็น

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เรื่องจัดการอาหารแต่ละมื้อก็เป็นฝีมือเธอทั้ง นั้น แน่นอนว่าอร่อยเหาะไปเลย ขนาดเซเรียสที่ไม่ชอบกินผักยัง ไม่เอี่ยมะระทิ้งไว้ข้างจานเหมือนในสมัยเด็กเลย

“ที่แดนมนุษย์มีข่าวไม่ดีแต่เช้าเลย”
“ทําไมเหรอครับ” คนถามชำเลืองมองหนังสือพิมพ์ที่วาเรีย สวางไว้บนโต๊ะวางของทางด้านหลัง เขาเห็นแวบ ๆ ว่ามันเกี่ยว กับคดีฆาตกรรมที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง

“เมื่อคืนนี้มีชายหญิงห้าคนถูกฆ่าตาย แต่ละคนไม่มีความ เกี่ยวข้องกันเลย แถมอยู่คนละหมู่บ้านด้วย แต่ดันมาตายใน เวลาไล่เลี่ยกัน สภาพเหมือนถูกของมีคมฟัน สันนิษฐานว่า คนร้ายเป็นคนเดียวกัน ตอนนี้เจ้าหน้าที่คงกำลังตามจับคนร้าย อยู่ล่ะนะ” สิ่งที่ชายหนุ่มเล่าออกมาทำให้ลูกชายซะงักเมื่อนึกถึง ความฝันเมื่อคืน ปฏิกิริยานั้น เซซาเนียสังเกตเห็นจึงถามด้วย ความเป็นห่วง

“เซเรียส มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีครับท่านแม่ แค่…อาหารอร่อยมาก” เขาเลือกที่จะไม่ บอกความจริงกับเจ้าหญิงแห่งโรซานและจ้าวปีศาจที่นั่งฟังอยู่ เขายังไม่แน่ใจว่าความฝันกับเหตุการณ์ในข่าวเกี่ยวข้องกันหรือ ไม่ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีอะไรส่งผลต่อแดนมืดและครอบครัว เซ เรียสก็ยังไม่อยากเก็บเรื่องนั้นไปคิดให้ปวดสมอง

บางทีคงไม่มีอะไร คิดมากไปได้!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ