Prince of Dark Land เจ้าชายแห่งแดนด

บทที่ 6 กลับบ้านที่แดนมีด



บทที่ 6 กลับบ้านที่แดนมีด

ช่วงเช้าตรู่ของวันใหม่ คนจะเดินทางก็สะพายเป้ออกมานอก โรงแรม โดยมีเมเทเลีย เอวิส และเลน่าตามมาส่ง แม้จะไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจ้าตัวถึงรีบกลับนัก แต่พวกเขาเดาว่าอีกฝ่ายอาจจะรีบ กลับไปบอกทางบ้านเรื่องสอบเข้าเรียนต่อ เชสหันกลับมาแล้ว ค้อมศีรษะเล็กน้อยเพื่อขอบคุณทุกคน

“สำหรับทุกเรื่องตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ขอบคุณที่ดูแลมาตลอดนะ ครับ”

“เดินทางดี ๆ นะ แล้วเจอกันวันเปิดเทอมจ้ะ” หญิงสาวเจ้าของ เรือนผมสีขาวอวยพรให้ชายหนุ่มก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับแล้ว เดินจากมาเงียบ ๆ ท่ามกลางสายหมอกที่ปกคลุมตัวเมือง

ยามเช้าอย่างนี้ไม่ค่อยมีใครออกมาข้างนอก อย่างมากก็คง เป็นเจ้าของร้านค้าตามข้างทางที่เปิดร้านแล้วจัดของก่อนที่ช่วง สาย ๆ จะได้ขายเพราะผู้คนเริ่มออกจากบ้าน คงมีลูกค้าแวะ เวียนมาเหมือนทุกวัน เซเรียสที่ตอนนี้สวมฮู้ดคลุมศีรษะก็ถอด แว่นออกเพราะไม่อยากให้มันเกะกะลูกตา เจ้าตัวตรงไปยังที่ตั้ง ของฐานการเคลื่อนย้ายข้ามมิติซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่สองคน คราวก่อนเขาไม่ไปใช้บริการเพราะต้องจ่ายเงินเยอะจึงเลือกนั่งรถม้าเพื่อประหยัด แต่ตอนนี้จะกลับบ้านแล้ว จ่ายแพงคงไม่เป็นไร

“จะไปที่ไหนล่ะ พ่อหนุ่ม

“ชายแดนประเทศซิลวาที่ติดกับแดนมืดครับ” เขากล่าวเสียง เรียบขณะยืนมองคนถามใส่พิกัดลงในเครื่องระบุตำแหน่งเพื่อ ให้วงเวทส่งผู้ใช้บริการไปยังจุดหมายโดยสวัสดิภาพ

“ค่าโดยสารเจ็ดร้อยเหรียญ

“นี่ครับ” เซเรียสยื่นบัตรเมจิกมันนี่การ์ตให้ เจ้าหน้าที่คนนั้น รับไปวางไว้บนวงเวทที่เป็นฐานสแกนโค้ด จากนั้นเขาจึงคืนบัตร ให้

“เรียบร้อยแล้วพ่อหนุ่ม ขึ้นไปยืนบนแท่นศิลาเวทมนตร์ได้ เลย”

“ขอบคุณครับ” เจ้าตัวเก็บบัตรขณะเดินไปยืนบนแท่นศิลา เมื่อวงเวทเคลื่อนย้ายข้ามมิติทำงาน เจ้าชายแห่งแดนมืดก็มา โผล่บนแท่นศิลาอีกแห่งซึ่งอยู่ในเมืองใกล้ ๆ กับกำแพงกั้น ชายแดน

เซเรียสรีบเดินลงมาเพื่อที่คนอื่นจะได้ใช้บริการต่อ เขาเดินไป ตามทางที่ตอนนี้มีคนเดินสวนไปสวนมาอยู่ไม่กี่คน ระหว่างทาง ผ่านหน้าร้านขนมปังที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ ๆ จึงแวะเข้าไปหาอะไรรองท้อง ขนมปังสอดไส้ทะลักน่าอร่อยวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ก่อนที่คนขายซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนจะเดินออกมา

“อยากได้ขนมปังแบบไหนล่ะพ่อหนุ่ม”

*ขอขนมปังไส้ดาร์กช็อกโกแลตสองชิ้นครับ

“สักครู่นะ” นางหยิบถุงกระดาษขึ้นมาแล้วใช้ที่คีบ คีบขนมปัง ไส้ทะลักสองชิ้นใส่ลงไปนั้นก่อนจะส่งให้ลูกค้ารายแรกของวันนี้ “ทั้งหมดยี่สิบเหรียญ แต่อากาศเย็นอย่างนี้ ไม่รับอะไรอื่น ๆ ไว้ ดื่มด้วยเหรอ”

มีกาแฟเอสเพรสโซ่ไหมครับ”

“มีสิ รอเดี๋ยวนะ” นางรีบเข้าไปหลังร้านเพื่อตักกาแฟใส่แก้ว กระดาษแล้วนำมาจัดใส่ถุงที่ใหญ่กว่ารวมกับขนมปังก่อนหน้านี้ ด้วย “ทั้งหมดสี่สิบเหรียญนะ พ่อหนุ่ม

“นี่ครับ” เซเรียสจ่ายเงินแล้วรับของมา ระหว่างเดินไปตาม ท้องถนน เจ้าตัวก็กินขนมปังสลับการดื่มกาแฟ คุณป้าเจ้าของ ร้านแถมหลอดดูดมาให้จึงไม่ต้องยกซดให้ลำบาก

ร่างสูงเดินมาถึงสี่แยกก็เลี้ยวซ้ายไปยังเส้นทางใหม่ซึ่งตอนนี้ ไม่มีใครเดินผ่านเลย จังหวะนั้นก็มีผู้ชายสองคนเดินมาแถมยัง ทําท่าตรงมาหาเขาด้วย

“เซส โดโนเวน ใช่ไหม”

“ใช่” เขาหยุดกินพลางจองผู้มาใหม่ทั้งสองเขม็ง จิตสังหาร จาง ๆ แผ่ออกมาทำให้พวกเขาต้องดึงฮู้ดที่คลุมศีรษะขึ้นเล็ก น้อยเพื่อให้คนถูกทักเห็นหน้าชัด ๆ

“ขออภัยที่เสียมารยาท พวกเราหน่วยองครักษ์ได้รับคำสั่งจาก ท่านจ้าวให้มารับท่านกลับไป” หนึ่งในสองกล่าวขึ้นจากนั้นก็ ค้อมศีรษะให้คนตรงหน้า เซเรียสหยุดแผ่จิตสังหารแล้วถอน หายใจเฮือกใหญ่

“ท่านจ้าวส่งพวกเจ้ามากี่คน

“ถ้าไม่รวมขาสองคน ก็ยังมีอีกแปดคนขอรับ” คนตอบ ชาเลืองมองด้านหลัง หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าตามดาดฟ้า หลังคา บนต้นไม้ และสองข้างทางมีคนของแดนมืดประจำที่อยู่

“สงสัยท่านพ่อกลัวว่าข้าจะกลับบ้านไม่ถูก เอาเถอะ เพื่อความ สบายใจของท่านล่ะนะ

“ที่จริงท่านจ้าวอยากให้เจ้าชายเดินทางกลับเอง แต่ท่านหญิง ขอไว้นะขอรับ” คนที่หนึ่งในสองกล่าวถึงทำให้เซเรียสที่เดินน่า หน้าเลิกคิ้วข้างหนึ่ง

“ท่านหญิง?”
“สนมของท่านจ้าวขอรับ หลังจากเจ้าชายเดินทางมาที่แดน มนุษย์ ท่านจ้าวก็รับท่านหญิงผู้นั้นมาเป็นสนม

“งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว” เจ้าชายแห่งแดนมืดไม่คิดจะถามอะไร อีก เขาเดินตรงไปหาพวกองครักษ์ที่เหลือ เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็ ตั้งใจว่าจะถามพ่อเกี่ยวกับเรื่องสนมคนนั้น

แล้วแม่ของเขาล่ะ พ่อเอาไปไว้ไหน!

ภาพรุ่นน้องสามคนนั่งคุยกันอย่างมีความสุขระหว่างทานมื้อ เข้าไปด้วยกันทำให้พวกพี่ ๆ ที่นั่งมองอยู่ห่าง ๆ พลอยยิ้มไปด้วย โดยเฉพาะยามที่เห็นเมเทเลียยิ้มสดใส ใครจะไปนึกว่าห้าปีก่อน เธอต้องเจอกับใครบางคนที่ทำให้ตัวเองต้องฝันร้าย เมอร์เด สกับเมอร์เดียสถอนหายใจขณะหันมาจัดการอาหารเช้าตรงหน้า อ

“เจ้าเด็กที่ชื่อเซสกลับบ้านแล้วเหรอ” พี่ใหญ่ถามขึ้นพลางใช้ มีดหั่นไส้กรอก พี่รองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและกำลังเทซอสมะเขือ เทศลงบนไข่ดาวฟองใหญ่ก็พยักหน้ารับ

“กลับไปตอนเช้าตรู่นะครับ แต่ช้าก็สงสัยนะท่านพี่ ทำไมข้า รู้สึกว่าเจ้าเด็กนั่นท่าทางคุ้น ๆ ยังไงก็ไม่รู้เรื่องหน้าตา ข้าไม่เคย เห็น แต่ท่าทางนี้มัน…”

ข้าก็คิดเหมือนเจ้า แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก เอาไว้ว่าง ๆ ค่อย ไปถามเมเทเลียละกันว่าไปรู้จักเขาได้ยังไง แล้วหมอนั่นเป็นใคร มาจากไหน” เมอร์เดสรู้สึกว่าตัวเองน่าจะเคยเจอเจ้าหนุ่มคนนั้น แต่ในเมื่อนึกไม่ออกก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากหาเวลาไปถามน้อง สาวแทน

“ถ้านึกไม่ออกก็อย่าไปนึกให้ปวดสมองเลยท่านพี่ ดูน้องสาว เรายิ้มดีกว่า กำลังมีความสุขเชียว” เมอร์เดียสเห็นหน้าพี่ชาย แล้วก็ไม่อยากเครียดจึงเปลี่ยนเรื่องมาที่น้องสาวแทน

“เมเทเลีย โตเป็นสาวแล้ว เรียนอยู่โรงเรียนซินเทลลาสามปี จบออกมา เมื่อถึงตอนนั้นท่านพ่อกับท่านแม่คงจะหาผู้ชายดีๆ สักคนให้นาง หวังว่าเขาจะดูแลนางได้ดีนะ” สายตาที่เมอร์เด สกับน้องชายมองไปยังน้องสาวคนเล็กนั้นเต็มไปด้วยความรัก และห่วงใยตามประสาพี่น้อง

เธอเป็นน้องคนเล็ก ซึ่งเป็นผู้หญิง จึงไม่แปลกที่ทั้งบ้านจะรัก และเป็นห่วงมากกว่าใคร เรื่องต่อสู้หรือเอาตัวรอดจากอันตราย แม้ว่าเธอไม่ถนัดแต่ไม่ต้องห่วง พวกพี่ชายจะคอยจัดการเรื่องนั้น ให้เอง!
พระราชวังซัลลิแวนแห่งแดนมีดยังคงเหมือนเดิมไม่ เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่วันที่เขาเดินทางไปยังแดนมนุษย์ ทุกคนที่อยู่ ในสถานที่แห่งนี้รีบพากันค้อมศีรษะทำความเคารพร่างสูงที่เพิ่ง กลับมาจากต่างแดนอย่างพร้อมเพรียงด้วยแววตาที่มีทั้งความ เคารพและเกรงกลัว

เจ้าชายแห่งแดนมืดกลับมาแล้ว!

ท่านพ่ออยู่ที่ห้องทำงานสินะ” เซเรียสถามพวกข้ารับใช้ก่อน จะมาหาข้าวปีศาจแล้ว ตอนนี้เขาเปลี่ยนจากชุดเดินทางมาเป็น ชุดสีดำขลิบทองตามฉบับชนชั้นสูง ชายหนุ่มเดินขึ้นไปบนชั้น ของปราสาทหลังใหญ่กลางพระราชวังก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้อง สุดทางเดินที่อยู่ส่วนปีกตะวันออก แน่นอนว่าที่นั่นคือห้องทำงาน ของพ่อเขา

“ท่านพ่อ ข้าเซเรียสนะครับ” ชายหนุ่มเคาะประตูให้คนที่อยู่ ด้านในรู้ว่าใครมา ทุกอย่างเงียบสงบไปชั่วขณะจนคนเคาะยัง นึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยิน จังหวะที่กำลังจะเคาะเรียกอีกก็มีเสียงดัง ขึ้น

“เข้ามา” ทันทีที่เจ้าของห้องอนุญาต คนกลับมาบ้านจึงเปิด ประตูเข้าไปด้านในแล้วก็พบกองงานเอกสารจำนวนหนึ่งตั้งอยู่ บนโต๊ะ เซเรียสเห็นใครบางคนสวมชุดสีดำยืนหันหลังเพราะ กำลังเปิดดูแฟ้มเอกสารอยู่ตรงหน้าชั้นวาง ผู้มาเยือนปิดประตูสนิทแล้วก้าวเข้ามาตรงโต๊ะงาน

ท่านพ่อ

“กลับมาจนได้นะเจ้าของเสียงหล่อวางแฟ้มงานลงบนโต๊ะ ก่อนหันกลับลูกเหมือนพ่อเพียงแต่ว่ารายน้อย ถ้าไม่บอกว่าเป็นพ่อลูกกัน นึกเป็นพี่น้องกันแน่ ๆ

ชายหนุ่มผมทมิฬซอยยาวประบ่า นัยน์ตาสีแดง หน้าหล่อ เหลาเหมือนคนอายุประมาณยี่สิบแต่ความจริงแล้วอายุ มากกว่าเมื่อเห็นลูกชายยืนนิ่งอยู่จึงผายมือสองข้างออก อย่างเชื้อเชิญ

“จะเข้ามาหน่อยเหรอ

“ท่านพ่อ คิดถึง

มา กอดกัน” วาเรียสกับชายที่วิ่งกอดเหมือนเคยบ่อย มุมน่ารักแบบด้วย

อีกหนึ่งเรื่องน่าก็คือเซเรียสเป็นคนติดพ่อ
“กลับบ้านสักที รู้ไหมว่าตอนที่เจ้าไม่อยู่ พ่อเกือบจะจมกอง งานตายแล้ว” คนบ่นหันมาจัดเรียงเอกสารที่โต๊ะด้วยสีหน้า เหมือนคนอยากจะทําให้รู้แล้วรู้รอด เซเรียสกลอกตามองบนจาก นั้นก็ก้าวไปดูเอกสารที่เหลือบ้าง

“ทั้งหมดนี้เป็นงานในส่วนของท่านพ่อไม่ใช่เหรอครับ หน้าที่ ท่าน ท่านก็ทำสิ จะมาประท้วงอะไรกับข้า

“ใช่! เจ้าน่ะมีเทมเพสคอยดูแลงานให้ตอนไปต่างแดน ส่วน พ่อน่ะไม่มี ก็ไม่ได้ หนีเที่ยวก็โดนเจ้าสองครักษ์ลากกลับมา ตลอด พระเจ้า! อีกหน่อยข้าคงได้แต่งงานกับเอกสารแน่ ให้ตาย เถอะ!” วาเรียสทำหน้าเหมือนคนเครียดจัดถึงขนาดกัดเล็บตัว เอง เซเรียสถอนหายใจยาวแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยาก ทำให้อีกฝ่ายประสาทเสียไปมากกว่านี้

“ข้าได้ยินว่าท่านพ่อมีสนม

“รู้แล้วเหรอ คิดว่าจะบอกเจ้าอยู่พอดี” ท่าทางของเขาเหมือน ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนัก ผิดกับเจ้าชายแห่งแดนมืดที่อยากตะโกน ใส่หน้าจ้าวปีศาจเหลือเกิน

ตอนนี้พ่อเอาแม่ไปไว้ส่วนไหนของหัวใจ

“สนมที่ว่าเป็นใครครับ แล้วท่านแม่ล่ะ ท่านพ่อลืมท่านแม่เซซาเนียของข้าไปแล้วเหรอ” เซเรีย รู้สึกผิดหวัง อย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่าวาเรียสไม่สนใจเรื่องแม่แท้ๆ ของเขา ยิ่งนึกถึงข่าวของเจ้าหญิงแห่งโรซานก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดหวัง มากขึ้นไปอีก

“อะไรของเจ้า อยู่ดี ๆ ก็โวยวาย กินอะไรผิดสำแดงมาหรือ เปล่า” เจ้าบ้านเพนเตลรอนมองลูกชายพลางขมวดคิ้ว จังหวะนั้น หนังสือเล่มหนึ่งก็บินมาโดยล็อกเป้าไปที่ศีรษะก่อนที่ร่างสูงจะยื่น มือไปคว้าโดยไม่หันไปมอง เซเรียสที่เห็นเหตุการณ์จึงมองไป ด้านหลังพ่อตัวเอง และพบว่านอกจากพวกเขาแล้วยังมีอีกคนอยู่ ในห้องนี้

ใครวะ’ เจ้าตัวมองหญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีม่วงดำ แล้วมีผ้าลายลูกไม้คลุมศีรษะกับใบหน้าทำให้ไม่รู้ว่าหน้าตาของ เธอเป็นแบบไหน

“นี่เจ้าบ่าหนังสือ ใส่ข้าเหรอ” วาเรียสมองตำราปกแข็งชนิดที่ ปาใส่ใคร คนนั้นหัวแตกได้ทันที ทางด้านร่างบางที่เป็นคนปา ของก็เดินมาตีไหล่เจ้าของห้อง เรี่ยวแรงที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นของ คนตัวบางอ้อนแอ้นทำเอาไหล่แทบหลุดเลยทีเดียว

“ก็ท่านว่าเซเรียส” เธอเถียงกลับอย่างหงุดหงิด

“ท่านพ่อ ผู้หญิงคนนี้…” เจ้าชายแห่งแดนมืดถามพลางมองผู้มาใหม่ หรือว่าเธอคือสนมที่คนทั้งวังพูดกัน ทาง ด้านคนถูกถามก็นวดไหล่ตัวเองแล้วค่อยตอบกลับ

“ในนี้ไม่มีใครนอกจากเราสามคน เปิดหน้าให้เขาเห็นเถอะ เขากำลังคิดว่าข้าเป็นพวกหลายใจ” วาเรียสมีท่าทางเหมือนคน อารมณ์เสีย ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้แล้วจัดการเอกสารต่อโดยไม่ คิดจะเข้าไปยุ่ง ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ค่อย ๆ เปิดผ้าลูกไม้ที่ปิดบัง ใบหน้าออก

“บ้าน่ะ…” เซเรียสไม่สามารถเก็บอาการตกใจไว้ได้ ตอนนี้ใน หัวของเขามีคำถามเต็มไปหมด เห็นได้จากปฏิกิริยาที่มองหน้า หญิงสาวสลับกับมองคนนั่งทำงาน

“ตกใจอะไร อยากเจอแม่ไม่ใช่เหรอ นั่นแหละท่านแม่เซซา เนียของเจ้า”

“ก็ตอนนั้น…” ภาพข่าวจากประเทศโรซานไหลย้อนเข้ามาใน ห้วงความทรงจํา เจ้าหญิงที่หายไปถูกพบและถูกพาตัวกลับไป แต่ทำไมเธอคนนั้นถึงมาอยู่ตรงนี้ได้

หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเขียวน้ำทะเลยาวสยายถึงสะโพก นัยน์ตาสีเดียวกันกับเส้นผม ใบหน้านั้นงดงามราวกับนางฟ้าผู้ ใจดี ท่าทางเธอเหมือนคนอายุยี่สิบกว่า ๆ เท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานจนมีลูก แล้ว

“ยี่สิบปีก่อน ครั้งสุดท้ายที่เห็นเจ้า ตอนนั้นเจ้ายังไม่หย่านม เลย วันนี้โตขึ้นมากจนจําแทบไม่ได้” เซซาเนียตรงเข้ามากอด ลูกชายด้วยความคิดถึง เซเรียสที่ยังอึ้งอยู่ก็ได้สติ ความรู้สึก คิดถึงและโหยหาทำให้เผลอกอดตอบโดยไม่รู้ตัว แม่ที่เขาอยาก เจอมาตลอด ในที่สุดก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่คงจะดีกว่า นี้ถ้าไม่…

“ท่านแม่ ข้าหายใจไม่ออก” คุณแม่กอดลูกชายแน่นเกินไป แล้ว เจ้าตัวจึงพยายามดิ้นเพื่อหาอากาศหายใจแต่หญิงสาวไม่ ยอมปล่อยเพราะคิดถึงลูกชายมากแถมยังอยากกอดลูกมาก ด้วย!

“เซซาเนีย เจ้าจะฆ่าลูกเหรอ เขาหน้าเขียวแล้ว” วาเรียสเดิน มาแกะมือหญิงสาวออกก่อนที่เซเรียสจะได้ไปที่ชอบจริง ๆ เจ้า หญิงแห่งโรซานยอมปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ แต่ก็คิดว่าถ้ามี โอกาส เธอจะจับลูกมากอดให้หายคิดถึงแน่

“ท่านพ่อ อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลย เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ข้า ได้ว่าทางโรซานเจอตัวท่านแม่และพากลับไปแล้วด้วย แต่ทําไม ท่านแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ แถมยังมาเป็นสนมของท่านอีก” เขา ต้องการคําอธิบายโดยเร็วเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่วาเรียสเห็นหน้าลูกชายแล้วก็อดหัวเราะได้

“ถล่มไหมล่ะ

“ได้ยินครับเรื่องนั้นใคร ๆ ก็รู้ เมืองหลวงแคนเดียนเสียหาย หนักมาก ถึงจะแปลกไม่เสียชีวิต อีกทั้งยังว่าพายุอาจได้เกิดตามธรรมชาติ เซเรียสที่ตอน แรกยังหน้างง ๆ อยู่เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง “ท่านพ่อเป็น คนเหรอ

“ไม่ได้อยากถล่มเละหรอกนะ แต่พอดีว่าสิบก่อน เจ้าพวก นั้นแสบไว้เยอะ ระบายความแค้นหน่อยเถอะ ใจดีแค่ไหน แล้วที่ไม่ใครตาย

เหรอครับเวทพวกนั้นเป็นเวทกำจัดปีศาจ แน่นอนว่ามันส่ง ผลต่อชาวแดนมืดทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งจ้าวปีศาจหรือเจ้าชาย แห่งแดนมีด

เสียงเรียบพลางเลื่อนซ้ายไปแขนขวาสั่นขณะจับ ปากกาเขียนงานอยู่ เซเรียสเห็นว่าแขนข้างนั้นมีผ้าพันแผลพัน อยู่แล้วยังมีเลือดไหลซึมออกมาด้วย
“สมัยที่ขายังเด็ก ท่านโกหกขาว่าแค่น้ำร้อนลวก แต่ตอนนี้ข้า รู้แล้วว่านั่นเป็นบาดแผลจากการทดลองเวทกำจัดปีศาจ ท่านพ่อ ท่านยังไม่เลิกทดลองกับตัวเองอีกเหรอครับ” เขากังวลว่าสักวัน มันจะทําให้วาเรียสต้องตาย ทางด้านคนมีอาการบาดเจ็บก็ ปล่อยให้เซซาเนีย ใช้เวารักษากับเขาก่อนจะตอบลูกชายอย่าง อารมณ์ดี

“พ่อไม่ตายหรอก ทุกครั้งที่ร่างกายฟื้นฟู เวทมันก็ทำอะไรต่อ ไม่ได้อีกแล้ว แต่ที่ยังทดลองอยู่เพราะมีเวทบทใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุก วัน พ่อก็ต้องทำความรู้จักมัน ก่อนที่มันจะกลายเป็นจุดอ่อน

“ท่านพ่อพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของปีศาจ…ทำไม?”

“ก็ถ้าไม่ทำ พ่อก็จะไม่แข็งแกร่งพอปกป้องสิ่งสำคัญ ตอนนี้เจ้า อาจจะยังไม่เข้าใจแต่สักวันเจ้าจะเข้าใจ ถ้าเจ้ามีบางสิ่งที่อยาก ปกป้อง” คําพูดนั้นทําให้คนฟังขมวดคิ้ว สิ่งที่เขาอยากปกป้อง ใช่ว่าไม่มี แต่ท่าทางอีกฝ่ายพูดเหมือนกับว่ามันมีมากกว่านั้น

“สิ่งที่ข้าอยากปกป้อง นอกจากดินแดนแล้วก็มีพวกท่านนั่น แหละ”

“ก็คงจะใช่ แต่อนาคตอาจมีเพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้…ขอบใจนะ เซซาเนีย” วาเรียสหันไปกล่าวขอบคุณหญิง สาวที่ใช้เวทรักษารวมทั้งเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ใหม่ “มือยังเบา เหมือนเดิมนะ เจ้าหญิง

“ขอบคุณค่ะ” เจ้าของเสียงใสกล่าวสั้น ๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนจะ ยกกล่องยาไปเก็บชั้นวาง

“ว่าแต่คนที่ทางฝ่ายโรซานจับไปเป็นใครเหรอครับ ข้าเห็น ภาพในข่าว ดูยังไงก็ท่านแม่ชัด ๆ หรือว่าท่านพ่อส่งตัวปลอมไป แทน” ถ้าเซซาเนียตัวจริงอยู่ที่นี่ คนที่ถูกจับไปก็คงเป็นตัวตายตัว แทน แล้วใครกันที่อาสาไปเป็นตัวแทนของเจ้าหญิงแห่งโรซาน

“ไม่มีใครไปแทนทั้งนั้นแหละ ก็แค่ สิ่งของ ที่ย่าเจ้าให้พ่อยืม มาใช้

“สิ่งของ?” เซเรียสขมวดคิ้วพลางมองพ่อกับแม่ที่หันมายิ้มให้ กัน ในใจก็แอบหงุดหงิดนิด ๆ เขาไม่ได้รู้ใจทั้งสองมากขนาดนั้น มีอะไรถึงต้องถาม ในขณะที่วาเรียสกับเซซาเนีย แค่มองตาก็รู้ แล้วว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไร

นี่เรียกว่าคนรู้ใจใช่ไหม?

“ท่านแม่มาอยู่ในฐานะสนม จะไม่เป็นไรเหรอครับ ท่านแม่ เป็นเจ้าหญิงนะ”

“จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากให้เป็นสนม แต่ถ้าทำอะไรเอิกเกริกก็อาจ มีคนสงสัยได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้เอาผ้าคลุมหน้าหรอก ว่าแต่เจ้าเถอะ ไม่คิดจะเล่าเรื่องในประ เทศซิลวา ให้พ่อกับแม่ฟังหน่อยเหรอ ส่งจดหมายมาให้อ่าน มัน ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่นะ” วาเรียสเล่ามามากพอแล้ว คราวนี้เซ เรียสต้องเป็นฝ่ายเล่าบ้าง เจ้าชายแห่งแดนมีดพ่นลมหายใจยาว ก่อนจะเริ่มอธิบาย

“หลังจากที่ข้าแอบหลบเข้าชายแดน….


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ