ลูกชายของประธาน..เรียกฉันหม่ามี..

บทที่ 9 ความรู้สึกเมื่อถูกหลอก



บทที่ 9 ความรู้สึกเมื่อถูกหลอก

“ห้ะ อะไรเร็วๆนี้”

จนเฟิงเหรายังไม่ได้ดึงสติกลับมา

สีหน้าของกู้เนี่ยนก็เต็มไปด้วยความสับสน

ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความมึนงง แล้วก็หันไปมองยังจิ้นเฟิง

เฉินโดยไม่ได้นัดหมาย จิ้นเฟิงเฉินเงียบไม่พูดอะไร สีหน้าเคร่งเครียด ราวกับคนที่พูด เมื่อกี้ไม่ใช่เขา ทำให้พวกเขารู้สึกงง

จิ้นเฟิงเหรากลับตื่นเต้นขึ้นมา “พี่… ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม เมื่อกี้

พี่บอกว่าใกล้จะแต่งงานแล้ว”

จิ้นเฟิงเฉินสายตาเย็นชา “นายฟังผิดแล้ว”

“ไม่…. ผมไม่ได้ฟังผิดแน่ จะฟังผิดได้ยังถงกู้เนี่ยนคุณก็ได้ยิน แล้วใช่ไหมเมื่อกี้พี่บอกเร็วๆนี้ เกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยู่แค่ไม่กี่วัน พี่กลับ บอกว่าจะแต่งงานเร็วๆนี้”

จิ้นเฟิงเหราตื่นเต้นจนยากที่จะหยุดนิ่ง

ช่างน่าตกใจจริงๆ

นี่พี่เขานะ พี่ที่ระงับกิเลสได้ดีกว่าพระ ผู้ชายที่ถึงแม้จะกินยาก ระตุ้นก็ไม่เกิดผลอะไรเนี่ยนะ เขากลับบอกว่าใกล้จะแต่งงานแล้ว

“ใครกันนะ พี่ชอบใคร สาวฐานะดีบ้านไหนกัน หน้าตาเป็นไง สวยรึเปล่า หุ่นดีไหม”

ตอนนี้คุณชายสองเปรียบเสมือนกับพ่อที่เป็นห่วงเรื่องแต่งงาน ของลูก เริ่มที่จะซักประวัติของอีกฝ่าย

จิ้นเฟิงเฉินนั่งพิงลงบนเก้าอี้แล้วก็อ่านเอกสารด้วยท่าทางที่สง่า งาม ราวกับเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

คุณชายสองโดนยั่วด้วยปริศนาของหญิงสาวคนนั้น เขาอยากรู้ มากจริงๆ “พี่ งั้นได้ งานตอนเย็นกับงานเลี้ยงผมจะไปแทนพี่เอง แต่พี่บอกผมมาเถอะว่าผู้หญิงคนนั้นคือ”

จิ้นเฟิงเฉินเริ่มรำคาญ สีหน้าเคร่งเครียด “ออกไปได้แล้ว”

“ผมไม่ไป พี่ยังไม่บอกผมเลยว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร พูดก็พูดไม่ หมด มายั่วผมแบบนี้ พี่ไม่มีความจริงใจซะเลย”

จิ้นเฟิงเหรายังคงไม่หยุดหย่อน” ถ้าพี่ไม่บอกผมจะนอนแผ่อยู่

บนพื้นนี่แหละ”

จิ้นเฟิงเฉินพูดข่มขู่ว่า ” ยังอยากไปอยู่ที่แอฟริกาอีก3เดือนไหม ”

จิ้นเฟิงเหราถึงกับสำลักน้ำตาไหล

ไม่เอาแล้ว !

เขาอยากจะเมาท์เต็มทน แต่พี่ชายกลับไม่เปิดเผย แน่นอนเขา ว่าเขาคงจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ

ณ ฝูหรงย่วน

เนื่องจากได้รับสิทธิพิเศษเธอเลยไม่ต้องไปทำงานเจียงสื้อสื้อก็ ได้อยู่บ้านดูแลเสี่ยวเป่าอย่างสบายใจ เด็กชายคนนี้เป็นเหมือนหาง ติดตามเจียงซื้อสื่ออยู่ด้านหลังไปๆมาๆ

เวลาพลบค่ำเจียงซื้อสื่อกลัวว่าเสี่ยวเป่าจะเบื่อ เลยพาเสี่ยวเป่า ออกไปเดินเล่น แล้วก็ได้ซื้อของมามากมายเพื่อที่จะนำมาทำอาหารค่ำ ให้เสี่ยวเป่าทาน

เธอคิดในใจนี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจิ้นเฟิงเฉินไม่ยอมทน นอนต่อบนโซฟาแน่นอน ถ้าเป็นแบบนี้เสียวเป่าก็คงไม่ได้มาค้างคืน แล้ว

แต่ในใจของเจียงสื่อสื้อก็ยังรู้เสียดาย แต่ก็เข้าใจว่าทั้งหมดเป็น แค่การพบเจอโดยบังเอิญเท่านั้น รอพวกเขากลับไปยังบ้านตระกูลจิ้น เราก็คงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว เวลาค่ำจิ้นเฟิงเฉินก็มาถึงบ้านตาม เวลาที่นัดไว้

เจียงสื่อสื่อก็ไม่ได้ตกใจอะไรมาก แล้วก็อนุญาตให้จิ้นเฟิงเฉิน

เข้ามา “อาหารค่ำพร้อมแล้ว ถ้าคุณจิ้นไม่รังเกียจ ทานข้าวก่อน แล้วค่อยพาเสี่ยวเป่ากลับก็ได้

จิ้นเฟิงเฉินพูด”ผมไม่รังเกียจหรอก ผมนำเสื้อของเสี่ยวเป่ามา ด้วย”

เจียงสื้อสื่อตกตะลึง ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ที่เขาพูดหมายความว่าอย่างไร จิ้นเฟิงเฉินพูด “เสี่ยวเป่าไม่ยอมกลับบ้าน ดังนั้นวันนี้ที่มาผมก็มี เรื่องอยากจะมาปรึกษากับคุณ ให้เสี่ยวเป่าอยู่ต่อที่บ้านคุณได้ไหม”

เจียงซื้อสื่อตกใจนิ่งไป “ไม่ค่อยดีมั้ง” ถึงแม้ว่าเธอจะชอบเสี่ยว เป่าแต่ก็ไม่มีเวลามานั่งดูแลเสี่ยวเป่าทั้งวันหรอกนะ

จิ้นเฟิงเฉินพอจะเดาใจเจียงสื้อสื้อออกเลยพูดอย่างจริงจังว่า “ทำแบบนี้อาจจะเดือดร้อนคุณ แต่ว่าผมอยากจะขอร้องคุณ พูดตรงๆ เลยแล้วกันเสี่ยวเป่ามีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคปิดกั้นตัวเอง ปกติจะดู ออกไม่ออกหรอก แต่พอมีเรื่อง เขาจะปิดขังตัวเองอยู่ในห้อง ปาข้าว ของ ยิ่งไปกว่านั้นอาจทำร้ายร่างกายตัวเอง ผมเคยปรึกษาจิตแพทย์มาแล้ว แล้วก็ดูแลเสี่ยวเป่าอย่างดีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผลเมื่อก่อนเสี่ยวเป่า ไม่เคยติดใครเลย แต่ตอนนี้เขารู้สึกดีกับคุณ ผมจึงต้องขอร้องคุณ”

เจียงสื้อสื่อฟังแล้วในใจก็รู้สึกสับสน เธอคิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเป่าจะ เป็นได้ถึงขนาดนี้ ดูยังไงก็ดูไม่ออก เธอแอบสงสัยว่าจิ้นเฟิงเฉินหลอก เธออยู่รึเปล่า แต่คิดดูแล้วตัวเองก็ไม่ได้น่าหลอก กลับกันเป็นเพราะ

เสี่ยวเป่าไม่ใช่เหรอที่ทำให้ตัวเองได้เงินรางวัลมาหนึ่งแสน

นึกถึงเรื่องนี้เจียงซื้อสื่อก็เลยไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันรู้จักเสี่ยวเป่าได้ ไม่ถึงสองวัน คงจะไม่มีผลอะไรต่อเสี่ยวเป่ามาก คุณอยากให้เขาอยู่ที่ นี่ ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ตอนกลางวันฉันต้องทำงาน”

“อันนี้แน่อยู่แล้ว”

เมื่อเขาเห็นว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็รู้สึกพอใจมาก แล้วก็ เปลี่ยนเรื่องพูด “อาหารค่ำเสร็จยัง ผมหิวแล้ว ” “อ่อ เสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันไปตักข้าวให้” พูดเสร็จเธอก็รู้สึกแปลก ๆ

เธอรู้สึกเหมือนภรรยาที่มาคอยรับสามีที่กลับจากที่ทำงาน

แหวะ !

ความคิดนี้ทำให้เธอตกใจ เธอคิดว่าเธอบ้าไปแล้ว เมื่อทานมื้อค่ำ

เสร็จ เธอภาวนาให้จิ้นเฟิงเฉินกลับไปไวไว

แต่พระเจ้าไม่เข้าข้างเธอ เสียงฟ้าร้องดังโครมและหลังจากนั้น ไม่นานฝนก็เทลงมา โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

เจียงซื้อสื่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างกลุ้มใจ ดวงตาของ

เธอดูหดหูมาก จิ้นเฟิงเฉินพูด “คุณเจียง ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับ ก่อนนะครับ ฝากดูแลเสี่ยวเป่าด้วย”
“ห้ะ กลับตอนนี้เหรอ ฝนยังไม่หยุดเลยเจียงสื้อสื้อพูดด้วยความ ตกใจ”

จิ้นเฟิงเฉินไม่สน แล้วพูดว่า “พยากรณ์อากาศบอกว่า วันนี้ตอน ค่ำฝนจะตกตลอดคืน ฝนไม่หยุดหรอกตอนนี้ก็ค่ำแล้วผมไม่รบกวน แล้ว”

เจียงสื่อสื่อฟังเสร็จก็รู้สึกสับสน สภาพอากาศแบบนี้ขับรถคง อันตราย ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ฉันจะรับผิดชอบยังไง

“เอิ่ม…ถ้าคุณไม่รังเกียจ คืนนี้นอนต่อที่โซฟาก็ได้นะ” เธอพูด อย่างเก้เก้กังกัง

นัยน์ตาของจิ้นเฟิงเฉินแอบแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “งั้นรบกวนหน่อย

นะ” เขาไม่มีแม้แต่การปฏิเสธแต่อย่างใดเจียงสื้อสื้อรู้สึกเหมือนกับ ตัวเองถูกหลอก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ