ลูกชายของประธาน..เรียกฉันหม่ามี..

บทที่ 28เรือนร่างที่เพอร์เฟคของหญิงสาวอยู่ในอ้อมอก



บทที่ 28เรือนร่างที่เพอร์เฟคของหญิงสาวอยู่ในอ้อมอก

“หือ?” จิ้นเฟิงเฉินตอบเธอเบาๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาจ้องมาอยู่ ที่เดิม

หัวใจของเจียงซื้อซื้อได้กระโดดขึ้นมาอยู่ที่ลำคอแล้ว เธอคิดใน ใจว่าเขาคิดจะทำอะไร?

จะจูบเหรอ?

ไม่ๆ ไม่ มาจงมาจูบอะไรกัน พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น

ต้องไม่ใช่แน่ๆ!

แล้วเขาคิดจะทำอะไรล่ะ?

ถ้าไม่มีอะไรแล้วจะมาเข้าใกล้ขนาดนี้ทำไม? หน้าจะติดกันอยู่ แล้ววววววว….

ตอนนั้นใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่ประมาณห้าเซนเท่านั้น

เจียงสื้อสื่อสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจอบอุ่นที่วิ่งผ่านใบหน้า ไปอย่างชัดเจน มันให้ความรู้สึกเบาบางและด้านชา เหมือนเอาขนนก มาสัมผัสและถูกไฟช็อตในเวลาเดียวกัน…..ตอนนี้ในจมูกเต็มไปด้วย กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขา

ด้วยความตกใจเธอจึงรีบเอามือมาผลักหน้าอกของเขาเอาไว้ พร้อมกับก้าวถอยหลังไปด้วย

แต่ในทันที เอวของเธอก็ถูกมือใหญ่ๆ ข้างหนึ่งเกี่ยวเอาไว้ “อย่าขยับ” น้ำเสียงที่แสดงถึงการตักเตือนดังอยู่ข้างหูเธอ

เจียงสื้อสื่อตกใจจนตัวแข็ง ไม่กล้าขยับไปไหน ได้แต่ยอมให้ เขากอดอย่างน่าสงสัยอยู่อย่างนั้น

เดิมทีจิ้นเฟิงเฉินแค่ต้องการมาดูใบหน้าที่บวมแดงของเธอ กอดกันแค่นี้เขาก็ได้กลิ่นหอมที่ชื่นใจถูกส่งออกมาจากตัวเธอ

เขารู้เลยว่า มันคือกลิ่นแชมพูที่เธอใช้
เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เธอกำลังสวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่ กลิ่น หอมไปทั้งตัว ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มและน่ารักที่ไม่อาจอธิบายได้ นี่สินะ เรือนร่างที่เพอร์เฟคของหญิงสาว

แววตาของจิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนไป นัยน์ตาของเขามีเปลวไฟสอง จุดกำลังลุกโชน เลือดลมสูบฉีดร้อนรุ่มไปทั้งตัวเหมือนถูกต้มอยู่ในน้ำ เดือด เลือดไหลเวียนอย่างรวดเร็วจนมันเริ่มไหลผ่านท้องน้อยลงไป แล้ว

อวัยวะบางส่วนของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว

แต่ว่าเขาก็รีบกดความรู้สึกพวกนั้นลงไปอย่างรวดเร็ว เขายังไม่อยากทำให้เธอตกใจกลัวจนต้องหนีไป!

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ปล่อยเธอออกจากมือ จัด ระเบียบร่างกายตัวเองใหม่ แล้วพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า “แก้มคุณบวมจริงๆ ด้วย”

สมองของเจียงสื้อสื้อยังคงรวนอยู่ นิ่งอยู่ตั้งนานกว่าจะได้สติ

กลับมา

ความจริงที่เขาเข้ามาชิดขนาดนี้ที่แท้ก็เพื่อที่จะดูรอยฝ่ามือบน แก้มเธอนี่เอง

ทำเอาเธอคิดอะไรเลอะเทอะเต็มไปหมด

ท่าทางที่เจียงสื่อสื่้อแสดงออกมามันค่อนข้างน่าอาย แล้วพูด ตอบไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วค่ะ นี่ก็ บวมน้อยลงแล้วด้วย”

จิ้นเฟิงเฉินดูเธอเหมือนไม่ค่อยใส่ใจมัน เขาจึงรู้สึกขัดใจ

สิ่งที่สำคัญสำหรับผู้หญิงที่สุดก็คือใบหน้า แต่ทำไมพอเป็นเธอ เธอกลับพูดเหมือนไม่สนใจมันเลย?

ต่อให้หน้าตาจะดีแค่ไหน ก็ไม่ควรละเลยอย่างนี้ ดูสิหน้าตาที่ สะสวยต้องมามีรอยฝ่ามือที่ขัดตามาพิมพ์อยู่ตรงหน้า!

จิ้นเฟิงเฉินเม้มปาก แล้วดึงตัวเธอมา จากนั้นก็บังคับให้เธอไปนั่งที่โซฟา

จากนั้นก็เดินไปที่ประตู ยกเอาน้ำถุงใหญ่นั้นมา แล้วหยิบนำ เปล่าขึ้นมาขวดหนึ่ง แล้วเอาไปประคบไว้ที่ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อ เบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุมว่า “ใช้อันนี้ประคบ มันแช่เย็นมาแล้ว ไม่ใช่น้ำแข็ง มันไม่น่าจะทรมาน”

ในที่สุดเจียงสื้อสื้อก็ได้รู้ถึงประโยชน์ของน้ำแพคใหญ่นั้นแล้วว่า เอามาทำไม มันน่าขำแต่ก็ดูอบอุ่นดี

“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณ

“ไม่เป็นไรครับ”

จิ้นเฟิงเฉินนั่งลงข้างๆ นั่งมองเธอประคบอยู่อย่างนั้น

ทั้งคู่นั่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบรรยากาศรอบๆ ก็เงียบลงไปทั้ง อย่างนั้น

เจียงสื่อสื่อทำตัวไม่ถูก เธอรู้สึกว่าต้องพูดอะไรบางอย่าง เพื่อให้ บรรยากาศโดยรอบผ่อนคลายลง

แต่ลิ้นของเธอกลับแข็งมาก มันพูดอะไรไม่ออกเลย ภาพที่เขา ดึงตัวเธอไปกอดไว้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ….

ใบหน้าก็ควบคุมไม่ได้ มันแดงขึ้นมาอีกแล้ว มันแดงมาจนถึงหลัง หูลามมาถึงคอ

หัวใจของเจียงสื่อสื้อเต้นรัว แล้วด่าตัวเองอยู่ในใจว่าจะคิดถึง เรื่องนั้นทำไมกัน

จิ้นเฟิงเฉินสังเกตถึงความผิดปกติของเธอ จึงได้ถามไปว่า “เป็น อะไรครับ? ปวดมากเหรอ? ทำไมหน้ายิ่งอยู่ยิ่งแดงล่ะครับ?”

เจียงสื่อสื่อรู้สึกอายจนอยากตาย แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะกลัว

ว่าเขาจะให้ใจว่าเธอกำลังเขินอาย จึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ แล้วตอบไปว่า “ค่ะ ปวดนิดหน่อย สงสัยเมื่อกี้คงชาจึงไม่รู้สึกอะไร พอประคบเย็น แล้วถึงค่อยรู้สึกปวดมั้งคะ…”

“จริงเหรอครับ? ไหนให้ผมดูหน่อย”

จิ้นเฟิงเฉินทำหน้ามุ่ย แล้วยื่นมือไปเพื่อจะหยิบขวดน้ำเปล่า

แต่มือของเขายังไม่ทันยื่นมาถึง เจียงสื้อสื้อก็เอี้ยวตัวหลบออก ไปทันที “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ! ว่าแต่คุณเถอะ ดึกป่านนี้แล้วยังต้อง ให้คุณถ่อมาถึงนี่อีก ฉันต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ….แล้วเรื่องที่ภัตตาคาร อีก ฉันต้องขอโทษด้วย”

“ทำไมต้องขอโทษ?”

จิ้นเฟิงเฉินจำต้องชักมือกลับไป แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉย เจียงสื่อสื่อก้มมองต่ำ แล้วตอบไปว่า “ก็ฉันทำอย่างนั้นกับเสี่ยว เป่าไป ….”

จิ้นเฟิงเฉินตอบ “เสี่ยวเป่าไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก เขาแค่กังวล อยู่ว่าคุณโกรธอะไรเขาอยู่หรือเปล่า เขาไม่โทษคุณหรอก และผมก็รู้ ดีว่าคุณเองก็ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี”

“แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ทำร้ายจิตใจเขาไปแล้ว….เจียงสื้อสื่อยิ้ม อย่างขมขื่น

ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ด้วยพฤติกรรมที่ แสดงออกมามันก็คงทำร้ายความรู้สึกเขาบ้างไม่มากก็น้อย พอนึกถึงสภาพของเสี่ยวเป่าในตอนนั้น เธอก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา

ทันที

จิ้นเฟิงเฉินเห็นหน้าที่รู้สึกผิดของเธอน้ำเสียงก็ค่อนข้าง เคร่งเครียด จึงได้ปลอบเธอไปว่า “ถ้าเจอกันครั้งหน้า แค่เอาอะไรไปฝากเขาหน่อยก็คงไม่เป็นไรแล้วครับ”

เจียงสื้อสื้อรู้สึกปวดใจ คิดในใจ คงไม่มีครั้งต่อไปแล้ว

เธอได้ตัดสินใจที่จะตีตัวออกจากพวกเขาแล้ว!

จิ้นเฟิงเฉินจ้องมาที่เธอ เขามองเห็นความลังเลที่อยู่ในตาของ

เธอ

แต่เขาก็ไม่ขัดอะไร

แต่ไม่ว่ายังไง ทุกอย่างมันอยู่ในการควบคุมในกำมือของเขา หมดแล้ว

รวมถึงเธอด้วย!

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ได้ดังขึ้น

พอเขารับโทรศัพท์ ก็ได้ยินเสียงที่ร้อนรนของจิ้นเฟิงเหราดังมา จากต้นสาย “โอ้! พี่ครับ ช่วยด้วย พี่รีบกลับมาเลย เสี่ยวเป่าเขาบ้าไป แล้ว!”

“เกิดอะไรขึ้น?” จีนเฟิงเฉินหว่างคิ้วชนกัน แล้วถามด้วยเสียงที่

ทุ้มลึก

จิ้นเฟิงเหราตอบ “ตอนที่ผมพาเขากลับมาก็บอกให้เขาเข้าไป อาบน้ำ ตอนแรกผมก็เตรียมน้ำอุ่นให้เขานะ แต่เสี่ยวเป่าเขาก็แอบ ปล่อยน้ำอุ่นออก แล้วเขาก็เปิดน้ำเย็นจากนั้นก็แช่อยู่ในน้ำเย็นครึ่ง ชั่วโมงเลย พอออกมายังจะตากแอร์ แล้วขังตัวเองไว้ในห้อง ไม่ยอม ให้ผมเข้าไป นี่ผมควรทำยังไงดี? ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเขาต้องป่วย แน่ๆ เลย…

พอได้ยินอย่างนั้น คิ้วทั้งสองข้างของจิ้นเฟิงเฉินก็พันกันเป็นปม ตอนไปยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมอยู่ๆ ถึงงอแงขึ้นมาได้?
เขาไม่ได้สนใจเลยว่าจิ้นเฟิงเหราที่อยู่ทางนั้นจะกระวนกระวาย มากขนาดไหน แต่เขาก็ตัดสายแล้วรีบลุกขึ้นจากโซฟาในทันที

เจียงสื้อสื่อก็ลุกตามขึ้นมา แล้วถามไปอย่างร้อนรนว่า “เกิดอะไร ขึ้นกับเสี่ยวเป่าเหรอคะ?”

ถึงแม้จะห่างกันเล็กน้อย เสียงของจิ้นเฟิงเหราก็ดังพอที่เธอจะ ได้ยินด้วยแต่ก็ได้ยินไม่หมดทุกคำ

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “เสี่ยวเป่าขังตัวเองไว้ในห้องอีกแล้ว ก่อน หน้านี้เขาก็เคยทำอย่างนี้มาบ้าง แต่ก็แค่เล็กๆ น้อยๆ แต่ครั้งนี้มันแตก ต่างออกไป ร่างกายของเสี่ยวเป่าอ่อนแอกว่าเด็กทั่วไป เจ็บป่วยง่าย พอมาทำแบบนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่ๆ”

พอเจียงซื้อสื่อได้ยินอย่างนั้น เธอก็ร้อนรนขึ้นมาทันที

สิ่งแรกที่เธอคิดก็คือ การที่เสี่ยวเป่าต้องมาเป็นแบบนี้มันเป็น ความผิดของเธอ

แล้วก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่จีนเฟิงเฉินเคยบอกกับเธอว่า เสียวเป่า เป็นเด็กที่เป็นออทิสติกอ่อนๆ และควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้พอมีอะไร

ไปกระทบจิตใจอาการก็จะยิ่งหนัก

เว้นระยะห่างอะไรกัน โลกสองใบอะไรกัน แค่แปบเดียวก็เห็นผี

แล้ว

เธอพูดอย่างร้อนรนว่า “คุณจิ้นคะ ฉันขอไปด้วยได้ไหมคะ?” จิ้นเฟิงเฉินได้รอให้เธอพูดคำนี้มานานแล้ว จึงตอบไปว่า “ได้อยู่

แล้วครับ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ