เกิดใหม่เปลี่ยนชะตา

ตอนที่ 3 หัวอ่อน



ตอนที่ 3 หัวอ่อน

นึกถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมา โจวเสาจีนก็แน่นหน้าอก หายใจไม่ ออก พักใหญ่กว่าจะสงบลงได้

หลังจากที่ฮูหยิน สานสัมพันธ์กับท่านขายได้แล้ว ก็มา เยี่ยมเยียนตระกูลเฉิงจวนบ่อยๆ ช่วงเวลานี้เพียงต้องส่งคน ไปสืบข่าวที่เรือนท่านขายสักหน่อย ก็คงจะรู้ได้ว่าตนเองและพี่ สาวจะต้องออกไปพบแขกหรือไม่

นางถามชื่อเสียง “วันนี้ภรรยาของหม่าฟูซานเข้ามาที่จวน หรือยัง”

หม่าฟูซานสองสามีภรรยาและบุตรชาย หม่าเชิง อาศัย อยู่ที่จวนตระกูลโจว ทว่าทุกวันภรรยาของหม่าฟูซานจะเข้ามา ที่จวนครั้งหนึ่ง มาดูว่าพี่น้องตระกูลโจวต้องการอะไรหรือไม่ และนำความไปบอกหม่าฟูซาน ให้เขาไปทำให้

ชื่อเชียงยิ้มพลางกล่าว “ป้าหม่าตามคุณหนูใหญ่ไปที่วัด เจ้าค่ะ เห็นว่ายามเซินเจิ้ง [1] ถึงจะกลับมาเจ้าค่ะ”

ได้ยินเช่นนั้น โจวเสาจีนคิ้วขมวดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ จึงตัวลงกับหัวเตียงอย่างเฉื่อยชา

ภรรยาของหม่าฟูซานเป็นคนมีไหวพริบและคล่องแคล่ว หลายปีที่เข้าๆ ออกๆ จวนตระกูลเฉิงมานี้ ล้วนมีความสัมพันธ์ อันเล็กๆ น้อยๆ กับคนของตระกูลเฉิงทุกจวน ส่งนางไปสืบ ข่าวเรื่องคนที่เรือนของท่านขายนั้นเหมาะสมที่สุดแล้ว

คิดไม่ถึงว่านางกลับตามพี่สาวไปที่วัดเสียแล้ว

หากรอพี่สาวกลับมา แล้วนางค่อยส่งภรรยาของหม่าฟู ซานไปทำธุระให้ โดยเฉพาะเรื่องที่ให้ไปสืบข่าวที่เรือนของ ท่านยาย พี่สาวต้องสงสัย สอบถามนางถึงเรื่องราวทั้งหมด เป็นแน่

เห็นทีต้องคิดแผนอื่นเสียแล้ว!

หาผู้ใดไปสืบข่าวดีนะ?

โจวเสาจิ๋นครุ่นคิด

อเชียงเห็นสีหน้าของนางไม่สงบ ลอบเป็นกังวล จึงขยับ มาด้านหน้าอย่างระวังและกล่าวเสียงอ่อนโยนว่า “คุณหนูรอง ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่ ต้องการให้ ข้าไปเชิญท่านหมอมาดูอาการท่านเดี๋ยวนี้หรือไม่เจ้าคะ
“ไม่ต้องแล้ว โจวเสาจนถึงสติกลับมา ทั้งสายตามองไป ที่ร่างของอเชียง

ให้ชื่อเสียงไปสืบข่าวของเป่าจาง

โจวเสาจิ่นสายศีรษะเบาๆ

ที่ผ่านมา ข่าวคราวของเรือนดอกไม้หอมจะเป็นสาวใช้ ข้างกายของพี่สาวเป็นคนออกหน้า หากซื้อเชียงผลีผลามวิ่งไป ถึงเรือนของท่านยาย ไม่แน่ว่าอาจทำให้ท่านยายตื่นตระหนก ตกใจ พานจะคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับนาง แผนที่อุตส่าห์ เตรียมมาอย่างดีอาจกลายเป็นเพลี่ยงพล้ำในตอนท้ายได้

ให้ชุนหวานไป?

เกรงว่าจะยิ่งไม่ได้เรื่อง

พี่สาวมักพูดว่าชุนหว่านนั้นมีนิสัยโผงผาง ทำอะไรไม่ค่อย สุขุมรอบคอบ ทั้งปากยังเก็บความลับไม่ค่อยอยู่ จนเดี๋ยวนี้ แล้วก็ยังได้เบี้ยรายเดือนเท่ากับพวกบ่าวเด็กเท่านั้น?

ให้ใครไปดีนะ?

โจวเสาจิ๋นครุ่นคิดอยู่ภายในใจ

ซือเซียงกลับมองดูด้วยใจระทึกเนื้อเต้นอย่างอยู่ไม่สุข
ถึงแม้ว่าเรือนดอกไม้หอมดูไปแล้วจะไม่มีอะไรผิดแผกไป จากช่วงเวลาปกติ ทว่าคุณหนูรองมีบางอย่างผิดปกติไป ซึ่งไม่ อาจปกปิดพวกนาง ผู้ที่คอยให้การรับใช้อยู่ข้างกายของคุณ หนูใหญ่และคุณหนูรองได้ ตอนนี้คุณหนูใหญ่ไม่อยู่จวนเสีย ด้วย ต้องห้าม ให้มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหนูรองในเวลานี้

นางรีบร้อนตะโกนขึ้น “คุณหนูรองเจ้าคะ” กล่าวเสียงสูง “สือจีน โต้วเลานั้น หากว่าเย็นแล้วจะไม่อร่อย ข้าบอกให้บ่าว เด็กยกเข้ามาให้ท่านเลยนะเจ้าคะ” ขณะที่พูดก็หมุนกายไปเปิด ตัวสูง “วันนี้ท่านจะสวมชุดอะไรดีเจ้าคะ กระโปรงจีบสีขาวตัว ที่ตัดใหม่เมื่อหลายวันก่อนเป็นอย่างไรเจ้าคะ? อากาศค่อยๆ ร้อนขึ้นแล้ว สวมชุดสีขาวทำให้ดูสดชื่นและเย็นสบาย…

“เจ้าอย่าใส่ใจเลย” โจวเสาจีนใจลอยเล็กน้อย กล่าว อย่างงัวเงียว่า “ตอนนี้ข้ายังไม่อยากลุกขึ้นจากเตียง เจ้าลงไป ก่อนเถอะ ข้าอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียว

ซือเซียงไหนเลยจะกล้าถามให้มากความ ถอยออกไป อย่างสั่นกลัว ยกเท้าวิ่งไปทางห้องของแม่นมฝานหลิวซื่อ

โจวเสาจิ๋นจิตใจว้าวุ่น
อันนี้ก็ไม่ได้ อันนั้นก็ไม่เหมาะสม หรือจะไปสืบข่าวด้วยตัว

เอง?

ความคิดหนึ่งวาบขึ้นมา

โจวเสาจีนตื่นตกใจอย่างแรงไป

ทีหนึ่ง

นางไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน

หากว่าถูกจับได้ขึ้นมา ไม่ต้องอับอายขายหน้าถึงเรือน ของท่านยายหรอกหรือ

นางยังต้องการจะเป็นคนต่อไปอยู่หรือไม่!

โจวเสาจิ๋นรีบปัดความคิดนี้ตกไป

เช่นนั้น ยังมีผู้ใดช่วยเหลือนางได้บ้าง? นางคิดไปคิดมา ก็ไม่มีผู้ที่เหมาะสมสักคนให้เลือกใช้

ขณะที่โจวเสาจิ๋นกระวนกระวายใจอยู่นั้น ร่างของชื่อเสียง ก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน กล่าวว่า “คุณหนูรอง ฮูหยินใหญ่เหม ยนมาเจ้าค่ะ” นายท่านผู้เฒ่าเฉิงเซวียนแห่งตระกูลเฉิงจวน เป็นลูกโทน ป่วยเสียชีวิตไปเมื่อสามสิบปีก่อน เขามีบุตรธิดา สามคน บุตรชายคนโตเฉิงเหมียน ธิดาคนโตเฉิงเฮ่อ บุตรชาย คนรองเฉิงหยวน ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเป็นภรรยาเอกของเฉิงเหม ยน เฉิงเฮอเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด โจวซูจีน
โจวเสาจิ่นรีบบอกชื่อเสียง ให้ต้อนรับและรับรองฮูหยิน ใหญ่เหมี่ยนที่ห้องหนังสือด้วยน้ำชา ให้ขุนหว่านเข้ามาช่วย ตนเองล้างหน้าและแต่งตัว

นางเพิ่งจะล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ ชื่อเสียงก็กลับเข้ามา

แจ้งว่า “ฮูหยินใหญ่กล่าวว่า คุณหนูรองกำลังไม่สบาย อย่า ให้การมาเยี่ยมของผู้ใหญ่ต้องเป็นเหตุให้อาการป่วยแย่ลง ให้ ข้ามาแจ้งแก่ท่านว่า ให้นอนอยู่บนเตียงก็พอแล้ว นางมาดู ท่านสักครู่ก็กลับเจ้าค่ะ” ขณะที่พูดอยู่นั้น ด้านนอกก็มีเสียงการ เคลื่อนไหวดังขึ้น

โจวเสาจีนเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่ง ทว่าก็ไม่ได้นอน

อยู่บนเตียง นางยืนรออยู่ในห้อง

ชื่อเสียงไปเชิญฮูหยินใหญ่เข้ามา

ฮูหยินใหญ่เพิ่งผ่านการจัดงานวันเกิดครบรอบสี่สิบปีไป เมื่อวันที่สองเดือนสองของปีนี้ เป็นสตรีที่รูปร่างเจ้าเนื้อผู้หนึ่ง ใบหน้ากลมราวพระจันทร์เต็มดวง นางสวมชุดเพ่ยจือสีน้ำผึ้ง ลายสี่แฉกของขั้วผลไม้ ทำผมเป็นมวยกลม ในมวยผมนั้น เพียงปักไว้ด้วยปิ่นปักผมฝังมุกจากทางใต้สามเม็ด รสนิยม เรียบง่าย ทว่าไม่ขาดความงดงาม หรูหราโอ่อ่า

โจวเสาจีนก้าวไปข้างหน้าเพื่อคำนับทำความเคารพ

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนไม่รอให้เข่าของโจ่วเสาจนถึงพื้นก็รีบ เดินไปข้างหน้าดึงนางให้ลุกขึ้น กล่าวว่า “ท่านขายของเจ้า ด้วยกลัวว่าจะทำให้เจ้าอาการแย่ลง เป็นกังวลต่ออาการเจ็บ ป่วยของเจ้าอยู่ตลอดแต่ก็ไม่กล้ามาเยี่ยมเจ้า ข้าเห็นท่านยาย ของเจ้าเป็นกังวลมากเยี่ยงนั้น ถึงได้บังคับตนเองให้มาที่นี่ด้วย ตัวเอง หากว่าเจ้ายังไม่เชื่อฟังคำของผู้ใหญ่เยี่ยงนี้ ข้าก็คงจะ ไม่กล้ามาอีกแล้ว

การที่นางแสร้งทำเป็นว่าป่วยอยู่ที่นี่ กลับทำให้พวก ผู้ใหญ่ต้องเป็นกังวล โจวเสาจีนให้รู้สึกละอายใจ พึมพำกล่าว ว่า “ลำบากท่านยายและท่านป้าใหญ่ให้ต้องเป็นกังวล ข้าดีขึ้น มากแล้วเจ้าค่ะ โจวเหนียงจื่อบอกว่ากินยาเทียบนี้แล้วก็ไม่เป็น อะไรแล้วเจ้าค่ะ พี่สาวเกรงว่าข้าจะแพร่เชื้อให้ท่านยายและ ท่านเข้า เลยให้ข้ายังคงอยู่แต่ในห้อง ให้ข้าพักอีกสักสองสาม วันแล้วค่อยออกไปข้างนอกเจ้าค่ะ”

สมาชิกตระกูลเฉิงยามเจ็บป่วยล้วนเชิญท่านหมอโจวจาก โรงหมอตระกูลโจวให้มาตรวจดูอาการ ทางบ้านเดิมของ ภรรยาของท่านหมอโจวเปิดร้านขายยา หลังจากที่นาง แต่งงานเข้าตระกูลโจวแล้ว นางก็เรียนทักษะการจับชีพจรและการวินิจฉัยโรคจากท่านหมอโจว ยามเมื่อบรรดาสตรีจากตระกูลใหญ่ที่อยู่ในจินหลิงเจ็บป่วย ล้วนแล้วแต่เชิญนางเข้าไปให้การรักษา ไปๆ มาๆ ชื่อเสียง ของ “โจวเหนียงจื้อ โด่งดังยิ่งกว่าสามีของนาง ท่านหมอโจว เสียอีก

“ดียิ่ง!” ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนดึงมือนำโจวเสาจีนไปนั่งลงบน ตั่งกระเบื้องเคลือบทรงกระบอกกลมด้านข้างโต๊ะกลมแกะสลัก ที่ทาด้วยน้ำมันเคลือบสีแดง สำรวจนางขึ้นลงอย่างละเอียดสัก พัก เห็นว่าผิวพรรณของนางยังดีอยู่ จึงถอนหายใจยาวออกมา ที่หนึ่ง แล้วรับน้ำชาจากชื่อเสียงมาจิบหนึ่งจิบ ถามขึ้นว่าโจว เสาจีนยังคงกินยาจากเทียบยาของเมื่อหลายวันก่อนอยู่ใช่หรือ ไม่ นอนหลับดีหรือไม่ ทานได้เจริญอาหารดีหรือไม่ ยามที่ไม่ ได้ออกไปไหนนั้น อยู่ในเรือนทำอะไรบ้าง….และอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องสัพเพเหระและจำเพาะเจาะจง

โจวเสาซิ่นตอบคำถามอย่างเคารพนบนอบ เพียงแต่ว่า หลายวันมานี้ไม่ค่อยได้นอนหลับดีนัก พอเวลาล่วงเลยนานเข้า ก็มีอาการเหนื่อยล้าแสดงออกมาให้เห็นอย่างช่วยไม่ได้

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเห็นดังนั้นจึงกับนางหลายประโยค ทำนองว่าให้ “พักฟื้นให้สบายใจแล้วก็ลุกขึ้นกล่าวอำลา

โจวเสาจีนส่งฮูหยินใหญ่เหมียนถึงหน้าประตู

มีบ่าวรับใช้รออยู่ที่ด้านนอกประตู ยามเห็นฮูหยินใหญ่เห มียนออกมา ก้าวไปข้างหน้าคำนับทำความเคารพ ยิ้มพลาง กล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าให้ข้ามาเรียนท่านว่า อีกสองวันจะมีแขก มาที่จวน ให้ท่านแวะไปหาครั้งหนึ่งหลังจากที่ออกมาจากเยี่ยม คุณหนูรองที่นี่แล้วเจ้าค่ะ”

ทันใดนั้น หัวใจของโจวเสาจีนราวกับถูกแมวตะปบเข้าใส่

ท่านยายครองตัวเป็นแม่หม้าย โดยปกติแล้วจะไม่รับแขก ทว่าหากต้องรับแขกแล้ว ถ้าไม่ใช่ญาติก็ต้องเป็นแขกคน

เป็นผู้ใดนะที่จะมา?

ต้องให้ใครสักคนไปสืบข่าวหรือไม่ พอคิดถึงเรื่องนี้ โจวเสาจีนก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้นางมีคนให้ใช้ได้ที่ไหนกัน

ไม่เหมือนเมื่อกาลก่อน ไม่ว่ามีเรื่องอันใดเพียงนางเอ่ย ปาก หากป้าเจ๋งที่คอยรับใช้นางทำให้ไม่ได้ หลินซื้อเพิ่งก็จะช่วยนางจนสำเร็จได้ ไหนเลยจะ เหมือนกับตอนนี้กัน

โจวเสาจีนครุ่นคิด ก็ให้รู้สึกมึนงงเล็กน้อย

เรื่องราวยังไม่ทันได้ทำให้กระจ่าง นางกลับมักถูกรบกวน ด้วยเรื่องราวในความทรงจำ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางเพียง กลัวว่าจะแยกไม่ออกว่าอะไรคือความเป็นจริง และอะไรคือสิ่งที่ ตัวเองจินตนาการขึ้นมา

อารมณ์ของโจวเสาจิ๋นดิ่งลง เอาตัวเองไปซุกอยู่ในผ้าห่ม สักพักตื่น สักพักหลับ สักพักในหัวปรากฏภาพของพี่สาวที่ ดวงตาทั้งคู่บวมแดง สักพักปรากฏใบหน้าดุร้ายของเฉิง …ผสมปนเปกัน ไม่รู้ว่าเป็นเวลายามใด จนกระทั่งตอนที่ซื้อเชื ยงปลุกนาง นางถึงได้พบว่าท้องฟ้ามืดแล้ว ภายในห้องก็สลัว ลงแล้ว

“คุณหนูรองเจ้าคะ” ชื่อเสียงที่เฝ้านางอยู่ด้านนอกประตู กับแม่นมผ่านหลิวซื้อมาทั้งวันนั้นยากที่จะซ่อนความตื่นเต้นไว้ ได้ “คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

โจวเสาจีนงัวเงีย ชื่อเสียงช่วยนางหวีผมและเปลี่ยนชุด อย่างรวดเร็ว
โจวซูจีนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยลำแสงแห่ง ความพึงพอใจ เห็นได้ชัดว่าเป็นการเดินทางที่ไม่เสียเที่ยว

พวกนางทั้งสองพี่น้องล้วนมีความละม้ายคล้ายโจวเจิ้น มี ใบหน้าที่งดงามอ่อนละมุนชวนดึงดูด ผิวเนื้อหยกที่ขาวเนียน ละเอียด ดวงตาที่สุกสกาวระยิบระยับ ร่างกายที่โปร่งบาง ส่วนที่ไม่เหมือนกันก็คือ บริเวณหัวคิ้วตรงหัวตาของโจวซูจีน นั้นเผยให้เห็นลักษณะของการยอมงอแต่ไม่ยอมหัก ทว่าโจว เสาจีนนั้นกลับมีลักษณะของการอ่อนขอยอมทำตามที่มากกว่า นอกจากนี้แล้วพวกนางนั้นมีอายุต่างกันเจ็ดปี โจวซูจีนเป็นสาว สะพรั่งแล้ว ขณะที่โจวเสาจีนยังเป็นเพียงเด็กสาวที่ยังไม่พ้นวัย ปักปั่น โจวซูจีนนุ่มนวลอ่อนโยนและสุขุมชาญฉลาด โจเสาจีน น่ารักบอบบางและขี้อายหัวอ่อน ผู้คนที่เคยเจอพวกนางทั้งสอง มาก่อนจะไม่รู้สึกว่าทั้งสองมีความคล้ายกัน

ผมอันดำเข้มของโจวชูจีนถูกม้วนขึ้นเป็นมวยอย่างง่ายๆ มีเพียงใบหูเท่านั้นที่ห้อยไว้ด้วยต่างหูไข่มุกขนาดเม็ดบัวคู่หนึ่ง ชายเสื้อด้านล่างและแขนเสื้อของชุดเพ่ยจื่อสีม่วงอ่อนลายดอก กล้วยไม้ชูช่อเขียวมรกตนั้นยับย่น เพียงมองก็รู้ว่าหลังจากที่ ลงมาจากรถม้า ยังไม่ได้กลับห้อง ก็ตรงดิ่งมาดูนางเลย

“เสาจีน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” นางนั่งลงที่ข้างเตียง จับมือน้องสาวไว้ กล่าวว่า “อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงวันเกิดของ ท่านพ่อแล้ว ข้าไปที่วัดมา จุดธูปขอพรให้ทั้งท่านพ่อและพวก เรา บริเวณหน้าผากของนางยากจะซ่อนความยินดีไว้ ถุงสี ทองปักด้วยลวดลายของดอกถานฮวา [2] ถุงหนึ่งถูกดึงออก มาจากอก “ยังของเครื่องรางแห่งความสงบสุขและปลอดภัย สําหรับพวกเราด้วย” นางยื่นถุงเครื่องรางส่งให้โจวเสาจีน “อัน นี้สำหรับเจ้า เจ้าเก็บรักษาให้ดี แขวนไว้ที่เอว จะช่วยปกป้อง และอวยพรให้เจ้าผ่านพ้นปีนี้ไปอย่างราบรื่น ปราศจากโชค ร้ายและความยากลำบาก

เป็นการขอให้นางเป็นพิเศษกระมัง?

วันเกิดของท่านพ่ออยู่เดือนหก ยังเหลืออีกตั้งเกือบสาม เดือน!

โจวเสาจีนรับถุงเครื่องรางมาอย่างเงียบๆ กล่าวขอบคุณ พี่สาวด้วยเสียงเบาอ่อนโยน

“กับพี่สาวไม่ต้องห่างเหินเช่นนี้” โจวซูจีนยิ้มอย่างอ่อน โยนขณะลูบหัวโจวเสาจีน “วันนี้เจ้าทานอะไรไปบ้าง มีอะไรที่ อยากทานเป็นพิเศษหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะให้ที่ห้องครัวเล็กทำให้เจ้า”

สีหน้าของซือเชียงเคร่งขึ้นเล็กน้อย

คุณหนูรองยังไม่ได้ทานอะไรเลยทั้งวัน ทว่าพวกนางก็ไม่ กล้าบังคับคุณหนูรองจริงๆ

เวลานี้โจวเสาจีนเพิ่งจะรู้สึกถึงความหิว

นางกล่าว “ข้าอยากทานสุ่ยจิงเกาสักสองสามลูกเจ้าค่ะ”

ชื่อเสียงรีบกล่าวขึ้น “ในครัวยังนิ่งเอาไว้อยู่เจ้าค่ะ ข้าจะ ไปยกเข้ามานะเจ้าคะ

“ทำมาใหม่ก็แล้วกัน!” โจวซูจีนกล่าวอย่างไม่พอใจเล็ก น้อย “ให้ในครัวเพิ่มเปิดกุ้ยฮวายา [3] อีกหนึ่ง และปลายงอ วี่ [4] อีกหนึ่ง”

กับข้าวสองอย่างนี้ล้วนเป็นอาหารที่โจวเสาจีนชอบกิน

ชื่อเสียงย่อตัวแล้วถอยออกไป

โจวซูจีนเองก็ยืนขึ้นมา ยิ้มกล่าวว่า “ข้าจะไปเปลี่ยนชุด เสียหน่อย รอให้กลับจากไปคารวะยามเย็นท่านยายแล้ว ค่อย มารับมื้อเย็นเป็นเพื่อนเจ้าพร้อมกัน

โจวเสาจีนส่งพี่สาวออกประตูไปแล้ว ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นหนึ่งรอบ นั่งรอพี่สาวกลับมารับมื้อเย็นด้วยกัน อยู่ข้างโต๊ะ จนกระทั่งโคมไฟสีแดงอันใหญ่ที่อยู่ภายในจวน ตระกูลเฉิงสว่างขึ้น โจวซูจีนถึงกลับมาจากไปคารวะยามเย็น หยินผู้เฒ่ากวน

“รอจนกระวนกระวายแล้ว?” โจวซูจีนพลางยิ้มขณะที่ฉือเซี ยงช่วยนางล้างมือ พลางบอกตงหวาน สาวใช้ของนางให้ตั้ง สํารับ

อาจจะเป็นเพราะในใจมีเรื่องให้ต้องปิดบัง หรืออาจจะ เป็นเพราะหลายวันมานี้ไม่ค่อยอยากอาหารนัก โจวเสาจีนทาน สุ่ยจิงเกาไปสองลูก กับปลาชงสู่อไปอีกไม่กี่ตะเกียบก็อิ่มแล้ว

โจวชูจิ่นแปลกใจเป็นอย่างมาก ทว่าก็ไม่ได้ฝันบังคับนาง แต่หันไปส่งสายตาให้ฉือเสียงที่หนึ่ง

ฉือเซียงพยักหน้าน้อยๆ แล้วรีบยกน้ำแกงถ้วยหนึ่งเข้ามา

“ข้าให้คนตื่นนี่มาให้เจ้าเป็นพิเศษ” โจวซูจีนกล่าวอย่าง คลุมเครือ “เจ้าดื่มเสียตอนที่ยังร้อนเถอะ! บำรุงเลือดลม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ