เกิดใหม่เปลี่ยนชะตา

ตอนที่ 6 รื้อฟื้นความทรงจำ



ตอนที่ 6 รื้อฟื้นความทรงจำ

“เจ้าอย่าโกรธเลย!” เฉิงอีกจมูกอย่างเดือดดาล พลางกล่าว

“เขาบอกว่าพอทราบว่าเจ้าไม่สบาย ก็ไปที่หุบเขาฉางชุนเพื่อ

ขอให้ส่งยาสำหรับรักษาโรคหวัดมาเป็นพิเศษแล้วให้บ่าวชาย

ส่งเข้ามาให้ ใครจะรู้ว่าจะทำให้เจ้าโกรธเคือง เขาไม่รู้ว่าเกิด

อะไรขึ้น เลยอยากขอโทษเจ้า” ขณะที่พูด เขาเห็นว่าสีหน้า

ของโจวเสาจิ๋นหนักอึ้ง ก็รีบอธิบาย “ข้าก็รู้ว่าเช่นนี้มันไม่เหมาะ

สม ทว่าเขานั้นพูดอย่างจริงจังและจริงใจมาก ยิ่งอยู่ต่อหน้า

พวกเฉิงนิ้วแล้ว ข้าเกรงว่าคงไม่ดีนักหากจะปฏิเสธ จำต้อง

แบกศีรษะมาที่นี่ครั้งหนึ่ง

โจวเสาจิ่นนิ่งเงียบ

ตระกูลเฉิงมีทั้งหมดห้าจวน เฉิงเป็นสาขาย่อยของจวน ห้า กับหัวหน้าตระกูลของจวนอื่นๆ ล้วนถือได้ว่าห่างกันค่อน ข้างมากแล้ว เขากำพร้าบิดาตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงแม้ว่า สถานะทางการเงินของครอบครัวจะอยู่ในขั้นดี ทว่าระบบช่วย ภาษีอากรกลับโหดร้ายยิ่งกว่าเสือ ตั้งชื่อมารดาของเฉิงลู่นั้นมี พื้นเพมาจากตลาดในเมือง ทางบ้านเดิมไม่มีผู้ใดที่พอจะให้ ความช่วยเหลือได้ เบื้องต้นจำต้องพึ่งพาจวนห้า ทว่าจวนห้านั้นแม้แต่ตัวเองก็ แทบจะดูแลไม่ไหว แล้วจะสามารถช่วยจัดการเรื่องของครอบ ครัวเฉิงได้อย่างไร ตั้งชื่อไม่มีทางเลือก หันมาพึ่งพิงจวน หยินผู้เฒ่ากวนที่ต้องเป็นหม้ายมาตั้งแต่อายุยังน้อย เห็นตั้งชื่อ ที่ต้องเป็นหม้ายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นเดียวกัน ก็อดไม่ได้เกิด ความเห็นอกเห็นใจ ให้นำที่ดินทรัพย์สินของครอบครัวเฉิงใส่ รวมภายใต้ชื่อของจวนสี่ ยกเว้นไม่ต้องจ่ายส่วยภาษีอากร ทั้ง ยังสนับสนุนให้เฉิงลู่ได้เข้าศึกษาที่สำนักศึกษาแห่งตระกูลเฉิง

ต่งชื่อซาบซึ้งในความใจกว้างของฮูหยินผู้เฒ่ากวน หมั่น เข้าออกจวนอยู่เสมอๆ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว เพิ่งเป็นผู้รักเรียนผู้ หนึ่ง ตั้งแต่อายุยังน้อยก็สอบผ่านข้อสอบระดับอำเภอและ ระดับเมืองติดต่อกัน ตั้งชื่อคิดว่าในวันข้างหน้ายังมีเรื่องให้ ต้องขอร้องจวนสี่เพื่อบุตรชายอีกมาก ฮูหยินผู้เฒ่ากวนมอง สองแม่ลูกคู่นี้แล้วก็ให้นึกถึงความยากลำบากของครอบครัว ตัวเองในกาลก่อน จึงเน้นย้ำกับบุตรชายบุตรสะใภ้ให้ช่วยกัน ดูแลครอบครัวเฉิงให้มากหน่อย ด้วยเหตุนี้เฉิงเก้าและเฉิง ช่วยดูแลเฉิงเป็นอย่างดี ฝ่ายหนึ่งก็มีใจ อีกฝ่ายหนึ่งก็มีความปรารถนาดี ครอบครัวเฉิงลู่และจานสี่จึงไปมาหาสู่กัน อย่างสนิทชิดเชื้อยิ่งขึ้น

เพราะเหตุนั้นเฉิงอี้เลยไม่กล้าปฏิเสธเฉิง?

ที่แท้ต้นเหตุมาจากคำพูดของนางที่ฝากซงซึ่งไปบอกแก่

เฉิงลู่

หากว่านางไม่ได้กล่าวถ้อยคำนั้นออกไป ก็คงจะไม่เกิด เรื่องหยุมหยิมพวกนี้ขึ้นใช่หรือไม่

โจวเสาจีนอารมณ์ขุ่นมัว ทว่าก็รู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะ มาสืบสวนเรื่องนี้ “จริงๆ แล้วท่านไม่ได้มาเยี่ยมข้า ทว่ามาส่ง สารให้เฉิง? หลอกให้ขาดีใจเปล่าไปแล้วรอบหนึ่ง

“ไม่ใช่ๆ” เฉิงอี้รีบโบกมือพัลวัน พลางกล่าว “ข้าตั้งใจมา เยี่ยมเจ้าจริงๆ เช้านี้ยามที่พี่ชายไปคารวะยามเช้าท่านยายยัง ถามถึงอาการป่วยของเจ้า ยามได้พบกับพี่หญิงใหญ่ก็ยังถาม ถึงอีกรอบ ส่วนธุระของเฉิงลู่นั้นเป็นการถือโอกาสมาถาม พร้อมกันเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ

ขณะทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ทันใดนั้นมีข่าว มาเคาะประตู “คุณหนูรองเจ้าคะ ชุ่ยหวนบ่าวข้างกายของคุณ หนูเจียมาเจ้าค่ะ”
เฉิง สะดุ้งโหยง ลุกขึ้นมองหาที่ซ่อน ปรากฏว่ากวาดตา มองหนึ่งรอบแล้วก็ยังหาที่ซ่อนไม่ได้ เขาลนลานขึ้นมาอย่าง ห้ามไม่อยู่ พลางบ่น “เฉิงเจียผู้นี้ ทำไมคิดจะโผล่มาก็มา รู้ทั้งรู้ ว่าเจ้าไม่สบาย นางยังจะให้คนมาหาเจ้าทำไมกัน และไม่รู้จัก บอกกล่าวก่อน!”

โจวเสาจิ๋นไม่ได้กล่าวอะไร

ความรู้สึกของนางที่มีต่อเฉิงเจียค่อนข้างซับซ้อน มีบาง ครั้งที่หลอกตัวเองว่า หากตนเองไม่คิดถึงมัน ก็จะสามารถทำ เสมือนว่าเรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

โดยเฉพาะในความทรงจำของนางนั้น เฉิงเจียถูกแต่ง ออกไปอยู่ห่างไกล ทั้งยังถูกห้ามไม่ให้กลับมาที่ตระกูลเฉิงอีก สำหรับคนประเภทที่ยึดถือชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเพื่อความมี เกียรติอย่างเฉิงเจียแล้ว บทลงโทษเยี่ยงนี้น่ากลัวว่าจะทำให้ นางเจ็บปวดยิ่งกว่าการตายเสียอีก?

นางชี้ไปยังเก้าอี้ไม้มีเท้าแขนในห้อง กล่าวกับเฉิงว่า “ท่านนั่งเงียบๆ ก็พอ ข้าจะออกไปดูสักหน่อย

“อย่างนั้นดียิ่งๆ” เฉิงสงบเงียบลง

โจวเสาจิ่นออกมาจากห้องหนังสือ ก็เห็นยหวนที่มีชื่อเสียงอยู่ด้วยนั้น ยืนอยู่ใต้แผงต้นองุ่น

“คุณหนูรอง!” ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ทั้งสองคนรีบก้าวมา ข้างหน้าคำนับทำความเคารพ

โจวเสาจีนมองสำรวจชุ่ยหวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เสื้อกั๊กเจีย [1] สีเขียวอ่อนที่ทำจากไหมหังโจวสีซีด กระโปรงจีบสีขาว บนหูประดับด้วยเครื่องประดับเงินทรงดอก ถึงเซียง [2] เล็กๆ สวมใส่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด สะอ้าน เสมือนกับดอกจาน [3] ที่บ้านอยู่ตรงริมกำแพง

ทว่าในความทรงจำที่ฝังอยู่ในใจของนางนั้น ชุ่ยหวนใน วัยย่างเข้าปีที่สามสิบนั้น ร่างอุ้ยอ้าย ผิวพรรณเหลืองแห้ง ห่อ หุ้มไว้ด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมจู่โจวสีเขียวนกแก้ว คุกเข่าอยู่หน้า ประตูเรือนชั้นในของนาง ยึดลำคอขึ้นตรงกล่าวว่า ท่านรู้สึกได้ รับความไม่ยุติธรรม นั่นเป็นสิ่งที่ท่านเลือกเอง คุณหนูของพวก ข้าจะไม่เสียหายได้อย่างไร การที่ท่านไม่ไปหาเป่าจางผู้นั้น เพื่อคิดบัญชี แล้วมาโกรธเกลียดคุณหนูของพวกข้าอยู่เช่นนี้จะ ให้คิดว่าอย่างไร? หากว่าไม่ใช่ความต้องการสุดท้ายของคุณ หนู ต่อให้ข้าเดินผิดทางก็ไม่มีวันมาเยือนถิ่นของฮูหยินหลินเช่นท่าน

สําหรับตนเองแล้วนางคือบ่าวชั่ว ทว่าสำหรับเฉิงเจียแล้ว

นางคือบ่าวผู้ซื่อสัตย์

การแสดงออกของ โจวเสาจีนค่อนข้างคลุมเครือยากจะ เข้าใจ ทว่าเมื่อไปตกอยู่ในสายตาของชุ่ยหวนและชื่อเสียงแล้ว มันดูกระสับกระส่ายและกระวนกระวายเล็กน้อย

ชุ่ยหวนและชื่อเสียงแลกเปลี่ยนสายตากัน ตะโกนขึ้น พร้อมกันว่า “คุณหนูรองเจ้าคะ

โจวเสาจีนดึงสติกลับมา สูดหายใจเข้าลึกลมหายใจหนึ่ง ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย

นางเอ่ยถามชุ่ยหวน “คุณหนูของพวกเจ้าให้เข้ามาทำ

อะไรหรือ”

ถ้อยคำนี้ดูเหมือนว่าจะถามออกไปอย่างไม่ค่อยสุภาพนัก ทว่าโจวเสาจิ๋นและเฉิงเจียนั้นเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ เสมือนกับพี่น้องแท้ๆ วันนี้ทะเลาะกันพรุ่งนี้ก็ดีกัน พรุ่งนี้กัน วันมะรืนก็ทะเลาะกันอีก ไม่ว่าอย่างไรก็หมุนไปไม่ถึงการยุแยง ของพวกบ่าวที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายสักที

ชุ่ยหวนยิ้มพลางกล่าว “คุณหนูของพวกข้าได้ยินว่าคุณหนูรองไม่สบาย ไม่สามารถออกนอกเรือนได้ คิด ว่าท่านอยู่แต่ในเรือนจะต้องเบื่อหน่าย เมื่อหลายวันก่อน คุณชายใหญ่เจิ้งและสหายอีกหลายคนไปที่เขาไถ ใช่หรือไม่ เจ้าคะ กลางดึกของเมื่อวานกลับมาถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู ของพวกข้าเห็นคุณชายใหญ่เพิ่งนำพัดหน้าสีขาวเปล่าที่มีโครง สีทองกลับมาด้วยหลายกล่อง ก็เลยขอไว้สองกล่อง กล่องหนึ่ง เก็บเอาไว้ใช้เอง อีกกล่องหนึ่งให้บ่าวนำมาส่งที่นี่ ให้ท่าน ระบายด้านหน้าของพัดเล่นยามที่ไม่มีอะไรทำเจ้าค่ะ รออีกไม่กี่ วันก็จะเข้าฤดูร้อนแล้ว จะได้ทันใช้พอดีเจ้าค่ะ”

ผู้ที่นางเอ่ยถึงว่า “คุณชายใหญ่เจิ้ง” ก็คือเฉิงเจิ้ง พี่ชาย ร่วมมารดาของเฉิงเจีย ผู้สืบทอดตระกูลของจวนสาม

โจวเสาจีนพยักหน้ารับ ให้ชื่อเสียงรับพัดมา พลางกล่าว “เจ้าไปบอกคุณหนูของพวกเจ้า อีกสองสามวันข้าถึงจะหายดี รอให้ข้าหายดีแล้ว จะไปเที่ยวหานางด้วยตัวเอง

ยหวนยิ้มพลางย่อเข่าลงคำนับ ได้ซูเซียงนำออกไปส่งโจวเสาจิ๋นหมุนกลับไปยังห้องหนังสือ
เฉิงที่อยู่ข้างในห้องจับหูข่วนแก้มอย่างยินดี กล่าวขึ้น “น้องสาวที่แสนดี เจ้าแบ่งพัดพวกนั้นมาให้ข้าสักสองสามเล่ม เถอะนะ! เช้าวันนี้พอข้าไปที่ห้องเรียนก็ได้ยินเขาพูดกันแล้ว ท่านพี่เพิ่งได้ผูกมิตรกับสหายสูงศักดิ์ผู้หนึ่งอยู่ที่เขาไถ คนผู้ นั้นมอบพัดหน้าสีขาวของ เย่ว์เจ้าถัง ให้เขาหลายกล่อง ลื่น ราวกับน้ำแข็งในฤดูร้อน บางเบาราวกับรังไหม รอเข้าฤดูร้อน แล้ว ข้าก็จะได้นำไปฝากคนได้

โจวเสาจีนหมุนตัวไปหยิบพัดเข้ามา ยัดทั้งหมดไปไว้ใน อกของเขา กล่าวว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนยกให้ท่าน พอใจแล้วนะ?”

“เจ้าจะไม่เก็บไว้สักสองสามเล่มหรือ” เฉิงตะลึงงัน

“ไม่ให้ท่าน ท่านก็หาว่าข้าใจแคบ ให้ท่าน ท่านก็บ่นว่า มากไป” โจวเสาจีนพูดพลางเดินไปจะหยิบพัดพวกนั้น “ตกลง ท่านจะเอาหรือไม่เอากันแน่

“เอาๆๆ” เฉิงอี้หมุนตัวกลับไป กอดพัดเอาไว้แน่น “น้อง สาวที่แสนดี ข้ากับเจ้าพูดคุยกันจบแล้ว พี่ชายถือโอกาสนี้ ขอบใจเจ้า ต่อไปหากเจ้ามีเรื่องอะไรเพียงบอกพี่ชาย พี่ชายจะ ยอมบุกน้ำลุยไฟ ต่อให้ต้องตายหมื่นครั้งก็ไม่ถอย
คนไม่มีสมองผู้นี้ เพียงอ้าปากก็กล่าวไร้สาระ

โจวเสาจีนกล่าวอย่างมีโทสะว่า “ ตายหมื่นครั้งก็ไม่ถอย นั้นไม่กล้ารบกวน เพียงต้องการให้ท่านอย่าประจบสอพลอเฉิง ลู่ผู้นั้น เป็นธุระแทน ให้เฉิงผู้นั้นอีกก็พอแล้ว”

เฉิง หัวเราะอย่างเขินอาย หาทางลงให้ตัวเองด้วยการ กล่าวว่า “ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ปากของน้องสาวแปรเปลี่ยนเป็น พูดได้คล่องเยี่ยงนี้? ข้าเถียงไม่ชนะเจ้าแล้ว ยอมแพ้แล้วได้ หรือไม่” กล่าวไปด้วย กอดพัดไปด้วยเตรียมจากไป

โจวเสาจนมึนงงแน่นิ่ง

จริงด้วย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ปากของนางแปรเปลี่ยนเป็น พูดได้คล่องเยี่ยงนี้! ถ้อยคำที่นางพูดหลังจากที่ตื่นขึ้นในหลายวันมานี้รวมกัน

ยังไม่มากเท่ากับที่นางพูดกับเฉิงในวันนี้

โจวเสาจีนเดินไปส่งเฉิง

เพิ่งจะออกมาจากประตูห้องหนังสือ ก็เห็นซือเซียงพร้อม

ด้วยหญิงชราผู้มีผมสีดอกเลา ทว่าร่างกายยังแข็งแรงผู้หนึ่ง กำลังเดินมาทางนี้อยู่ไกลๆ

โจวเสาจิ๋นและเฉิงอี้ชะงักด้วยความตกใจ

หญิงชราผู้นั้นดูเหมือนกับว่าจะเป็นหวังมามา….รอให้พวก เขาเดินเข้ามาใกล้อีกสองสามก้าวแล้วมองดูอีกที เสื้อคลุมผ้า ไหมหังโจวลายสมบัติทั้งแปดสีมะกอกอ่อน เข็มกลัดผมทองที่ ขึ้นมันเงาเล็กน้อย สร้อยประคำข้อมือไม้จันทน์แดง รอยเหี่ยว ย่นเต็มใบหน้า หากไม่ใช่หวังมามาแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้

เฉิงอี้วิ่งหนีในทันที “ที่นี่มอบให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”

เขาผลุบหายเข้าไปที่ด้านข้างของป่าไผ่ รวดเร็วราวริ้ว ควัน มองไม่เห็นเงาแล้ว

โจวเสาจีนจะทันจัดการกับเขาได้อย่างไรกัน

รีบเดินไปข้างหน้า ย่อเขาลงคำนับหวังมามา

หวังมามายื่นมือมาประคอง โจวเสาจีนให้หยุด ทว่า สายตากลับหันไปชำเลืองมองตามเสียงที่ดังกรอบแกรบมาจาก ป่าไผ่ พลางกล่าว “คุณหนูรอง ท่านทำให้ยายแก่ผู้นี้ท่วมท้นไป ด้วยความซาบซึ้งแล้ว!

“มามาเกรงใจเกินไปแล้วเจ้าค่ะ!” กลางหลังของโจวเสาจีนชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น คำนับไปได้ครึ่งหนึ่งก็ย่อลงไม่ได้ อีก ถูกหวังมามาจับให้หยุด

นางจำต้องยืนขึ้นมา

หวังมามายิ้มตาหยืมองนาง ริ้วรอยบนใบหน้ายิ่งลึกขึ้น “คุณหนูรอง ฮูหยินผู้เฒ่าให้ข้านความมาแจ้งท่าน ให้ท่านไป พบสักหน่อย”

โจวเสาจีนยากจะปกปิดความประหลาดใจ

หวังมามาเป็นแม่นมของท่านยาย ในปีนั้นได้ติดตามท่าน ยายมาจากเมืองจิงโจวยามที่แต่งเข้ามาที่จินหลิง ภายหลังจาก ที่นายท่านผู้เฒ่าจากไปด้วยความเจ็บป่วย นางช่วยดูแลงาน ต่างๆ ภายในจวนเคียงข้างท่านยาย ดูแลเอาใจใส่เด็กๆ จัดการเรื่องทั่วไปภายในจวน เป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อตระกูลเฉิง จวน ไม่ต้องพูดฮูหยินผู้เฒ่ากวนและท่านลุงทั้งสอง แม้กระทั่ง นายท่านใหญ่แห่งจวนหลักยามพบนาง ก็ยังยืนขึ้นแสดงความ เคารพเรียกนางเสียงหนึ่งว่า “หวังมามา

นางเลยวัยเจ็ดสิบปีมาแล้ว โดยปกติควรจะออกไปพัก

ผ่อนตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อนานมาแล้วในอดีต บุตรชาย

คนเดียวของนางได้เสียชีวิตจากไปตั้งแต่ยังเด็ก จวนจึงไม่อาจ

ปล่อยให้นางจากไปได้ นางจึงรับใช้ท่านยายอยู่ในจวนมาโดยตลอด สองสามีภรรยาอยู่ร่วมกันน้อยจากกันเสียมาก ไม่มี อะไรให้ต้องปรารถนาอีก สามีก็เสียชีวิตไปแล้ว ออกจากจวน ไปก็ไม่มีใครดูแลเอาใจใส่ ท่านยายให้นางรับบุตรบุญธรรม นางก็บอกว่าเกรงจะยุ่งยาก ไม่ยินยอม ท่านยายจึงแบ่งพื้นที่ สวนฝั่งตะวันตกสร้างเรือนขนาดประมาณสองถึงสามหมู่ (4) ให้นาง ให้บ่าวเด็กหนึ่งคนและป้าอีกหนึ่งคนคอยรับใช้ดูแล นาง ทั้งยังสั่งเอาไว้ว่า ในวันข้างหน้าหากถึงเวลาที่นางต้อง กระเรียนกลับสู่แดนสุขาวดี ให้เฉิงสวมผ้าฝ้ายขาวนำนางไป ส่งยังปลายทาง

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ยามพบเจอนางเฉิง ก็จะวิ่งหนี

หวังมามามักจะอยู่แต่ในเรือนไม่ออกมา เหตุใดวันนี้ถึงได้ มาส่งข่าวให้ท่านยาย

โจวเสาจีนกดความรู้สึกสงสัยนั้นเอาไว้ ยิ้มพลางเชิญหวัง มามาให้นั่งลงภายในห้องโถง ให้ชื่อเสียงและซุนหว่านช่วย แต่งตัว เลือกเสื้อกั๊กเจียสีแดงกุหลาบที่คนมีอายุค่อนข้าง โปรดปรานมาตัวหนึ่ง กระโปรงบานไม่มีลวดลายสีถั่วเขียว ที่ คาดผมไข่มุกขนาดเมล็ดถั่วเขียว และต่างหูทองขนาดเท่า เมล็ดข้าว

เพียงก้าวออกมาจากด้านในของห้องก็ได้รับคำชมจากหวังมามา “คุณหนูรองช่างสง่าและงดงามยิ่งนัก ใน ภายภาคหน้าไม่รู้ว่าตระกูลใดจะมีวาสนารับแต่งเข้าไป

โจวเสาจีนประหลาดใจยิ่ง

หวังมามาถึงแม้ว่าอายุจะมากแล้ว ทว่าตลอดชีวิตก็เป็น คนที่รอบคอบและระมัดระวัง ที่ผ่านมาไม่เคยกล่าวคำพูดที่ไม่ เหมาะสม อยู่ๆ เวลานี้กลับกล่าวถ้อยคำเยี่ยงนี้ออกมาหรือ ว่ามีใครเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของนางขึ้นมากัน?

นางคิดถึงตั้งชื่อ มารดาของเฉิง ยามที่จับมือของนาง เอาไว้แล้วกล่าวถึงนางอะไรทำนองว่า คู่ควรกับเหย้ากับเรือน [5]

หรือว่าต่งชื่อมาเยี่ยมท่านยาย

ภายในใจของโจวเสาจีนฉับพลันราวกับถูกกดทับด้วยหิน ก้อนใหญ่ บีบคั้นให้รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก ทว่ายังต้องก้ม หน้าก้มตาลง แสดงท่าทีเขินอายออกมาพลางกล่าวเสียง เบาว่า “มามากล่าวล้อเล่นแล้ว

หวังมามาหัวเราะร่าไปหลายที ไม่ได้กล่าวอะไรอีก คนกลุ่มหนึ่งออกมาจากเรือนสวนดอกไม้หอมอย่างเงียบเชียบนอบน้อม มุ่งหน้าไปทางเรือนไม้งามที่ฮูหยินผู้ เฒ่ากวนอาศัยอยู่

ระหว่างทาง ผู้ที่พบพวกนางล้วนถอยออกไปคำนับ ทำความเคารพ มือที่บิดผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ของโจวเสาจีนยังคง บิดไว้ไม่คลายออก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ