เกิดใหม่เปลี่ยนชะตา

ตอนที่ 5 เฉิงอี้



ตอนที่ 5 เฉิงอี้

ซือเซียงส่งซงชิงกลับไปแล้วก็หันหลังกลับมา เห็นสีหน้าของโจ วเสาจีนมีบางอย่างที่ไม่ปกติ ในใจพลันกระวนกระวายเล็ก น้อย

คุณหนูรอง โดยปกติแล้วพูดจาด้วยความสุภาพ อ่อนโยน เป็นมิตร และใจดี ทว่ายามจะดื้อดึงขึ้นมาแล้ว แม้แต่คุณหนู ใหญ่ยังต้องยอมประนีประนอมลงให้

หากว่าที่คุณหนูรองกล่าวออกไปว่าต้องการขีดเส้นกั้นที่ ชัดเจนกับคุณชายลู่ แล้วระหว่างที่ขบคิดเกิดเสียดายขึ้นมา เยี่ยงนั้นก็คงเป็นการกระทำแบบเด็กๆ ที่หยอกล้อแง่งอนกัน น่าขายหน้าแล้ว!

นางอดไม่ได้ร้องขึ้นเสียงเบา “คุณหนูรองเจ้าคะ” พลาง กล่าว “ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ

โจวเสาจีนดึงสติกลับคืนมา เห็นนางมีท่าทีที่ระมัดระวัง เป็นอย่างยิ่ง ก็อดไม่ได้หลุดหัวเราะออกมา พลางกล่าว “ทำไม เจ้ายังยืนอยู่ที่นี่อีก ข้ายังรอให้เจ้าไปซื้อผลเหมยจื่อและผลซึ่ง อกลับมาให้ข้าได้ชมสดๆ ใหม่ๆ อยู่นะ!
“เจ้าค่ะๆๆ” ชื่อเสียงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มยินดีจนหน้าบาน พูดไม่หยุดว่า “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แล้วเจ้าค่ะ!

โจวเสาจิ๋นสายศีรษะ เห็นนางออกจากประตูไปแล้ว ในใจ กลับมีความรู้สึกหนักอกเล็กน้อย

ทว่าก็ไม่ตำหนิ ชื่อเสียงจะไม่เชื่อนาง

แท้จริงแล้วที่ผ่านมานาง ใช้ชีวิตมาอย่างพล่าเลือนไม่ค่อย ได้ใส่ใจอะไรนัก เรื่องในจวนล้วนเชื่อฟังพี่สาว เรื่องนอกจวน มีท่านพ่อและท่านลุงใหญ่ นางเพียงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ ในจวนหลังใหญ่ ที่นายุ้งฉางได้ผลผลิตเป็นจำนวนเท่าไหร่ บรรดาบ่าวไพร่เหตุใดถึงมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ในเรือนของ ป้าทั้งหลายมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง นางไม่เคยถามไถ่มาก่อน เช่นนี้บรรดาสาวใช้จะหวังให้นางออกหน้าช่วยเหลือพวกนาง ได้อย่างไร บรรดาบ่าวชายที่ดูแลเรื่องในจวนจะหวังให้นาง ช่วยออกความเห็นหรือตัดสินใจแทนพวกเขาได้อย่างไร ถึง แม้ว่าทุกคนล้วนให้ความเคารพนาง ทว่ากลับไม่ใช่เป็นเพราะ นางคือคุณหนูรอง แต่เป็นเพราะนางคือน้องสาวของโจวซูจีน ไม่เหมือนกับที่ปฏิบัติต่อพี่สาว นอกจากความเคารพแล้ว ยัง มากไปด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจอย่างที่สุด
คิดถึงตรงนี้แล้ว โจวเสาจนอดไม่ได้หัวเราะออกมาอย่าง กระอักกระอ่วน ลุกขึ้นเดินไปยังห้องหนังสือที่อยู่ทางปีกตะวัน ตก เตรียมหาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา

ห้องหนังสือยังคงเป็นแบบที่อยู่ในความทรงจำของนาง โถงกว้างขนาดสามห้องถูกกั้นให้เป็นสามห้องด้วยฉากไม้ กฤษณาหกบานพับที่ฉลุลายดอกไม้และต้นไม้ ด้านตะวันออก เป็นห้องหนังสือของพี่สาว ด้านตะวันตกเป็นห้องหนังสือของ นาง ล้วนมีโต๊ะพิณวางไว้ที่บริเวณข้างหน้าต่าง บริเวณผนังเป็น ชั้นวางของประดับตกแต่งและชั้นวางหนังสือ โต๊ะเขียนหนังสือ ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างห้องด้านตะวันออกและตะวันตก และมี อ่างเคลือบลายดอกไม้และต้นไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย ห้อง หนังสือของพี่สาวแขวนไว้ด้วยม้วนภาพวาด ส่วนห้องหนังสือ ของนางนั้นเลี้ยงปลาทองหนึ่งอ่างช่วงฤดูหนาว และเลี้ยง ดอกบัวผันหนึ่งอ่างช่วงฤดูร้อน

ตอนนี้เพิ่งจะเป็นช่วงต้นฤดูร้อน มีเพียงใบบัวเล็กใหญ่ไม่ ใบลอยอยู่บนผิวน้ำ ปลาทองสีดำสลับทองสองสามตัวแหวก ว่ายไปมาอยู่ใต้ใบบัว

นางหยิบถุงอาหารปลาออกมาจากลิ้นชักข้างโต๊ะเขียน หนังสืออย่างคุ้นเคย ก้มศีรษะลงให้อาหารปลา

ปลาตัวเล็กๆ พุ่งเข้ามา โบกกระเพื่อมขึ้นเป็นสาย โจวเสาจิ๋นระบายยิ้ม

ทันใดนั้นมีหินก้อนหนึ่งตกลงไปในอ่าง น้ำสาดกระเซ็น ทำให้เสื้อด้านหน้าของโจวเสาจนเปียกชุ่ม

นางหมุนตัว ก็เห็นเด็กชายผิวขาวเนียนละเอียดผู้หนึ่ง สวมชุดจ่อตัว [1] สีดำ กลัดผมด้วยที่กลัดผมไม้ไผ่ กำลังพิง อยู่บนขอบหน้าต่างของห้องหนังสือ หันมาทางนางแล้วหัวเราะ อย่างชอบใจ

“ท่านพี่!” โจวเสาจีนแผดเสียงออกมา “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้ อย่างไร”

ท่านลุงใหญ่เหมียนมีบุตรชายเพียงสองคน เฉิงเก้าเป็น บุตรชายคนโต เฉิง เป็นบุตรชายคนรอง เด็กชายที่นั่งอยู่บน ขอบหน้าต่างของนางผู้นี้ก็คือคุณชายรองแห่งตระกูลเฉิงจวน เฉิง ผู้มีอายุสิบห้าปีนั่นเอง

เขาหัวเราะพลางหมุนตัวกระโดดเข้ามาให้ห้องหนังสือ ของโจวเสาจีน กล่าวขึ้น “เจ้าไม่สบายจริงๆ หรือ ทำไมข้าเห็น เจ้าก็สบายดี คงไม่ใช่ว่าเจ้า

นะ”

ในห้วงความคิดของขมขื่นอยู่ที่ยุ้งฉางกว้างเหตุเพราะ สอบการสอบขุนนางในนั้น

นั่นเป็นความทรงจำสุดท้ายของที่

และเป็นครั้งนั้น นางรู้ว่าจวนสี่และจานหลักมีเรื่อง แตกกัน ในสอบขุนนางไม่มีใดคอยชี้แนะ ใน ราชสำนักจวนพี่เค้าก็ยากลำบากนัก กระทั่งอายุสิบเจ็ดปีถึงได้รับการ แต่งตั้งที่มั่นคงได้ มองแล้วไม่อาจไปรุ่งโรจน์เหมือนเดิมได้ เฉิงสือแห่งจวนรองต้องการช่วงสืบทอดวงศ์ตระกูล จวน หลักต้องการผลักดันเฉิงรั่งบุตรชายของเฉิงเวีย ทว่าหยวนซื่อ มารดาของเฉิงสวี่ไม่ยินยอม แหล่งกวนให้ในตระกูลไม่ความสงบ จวนห้านั้นพอไม่มีการควบคุมจากจวนหลัก ก็เริ่มแอบนำทรัพย์สมบัติของตระกูล ไปขาย จานสี่ทราบเรื่องแล้วพอพูดไปก็เท่านั้น จวนสามทราบ เรื่องแล้วแต่กลับไม่พูดอะไร เพียงปิดบังจวนหลักและจานรอง เอาไว้ ตระกูลนี้จึงต้องสูญสิ้น ในไม่ช้า

ทว่าตอนที่ท่านที่เข้ามาเยี่ยมนางยามที่สอบชื่อ [2] ได้ แล้วนั้นกลับไม่เอ่ยถึงอะไรเลย

โจวเสาจีนมองใบหน้าเยาว์วัยและหล่อเหลาที่เปล่ง ประกายด้วยความภาคภูมิและความสุขนั้นแล้ว ในใจก็อ่อนลง ราวกับว่าสามารถหลั่งน้ำออกมาได้

นางยิ้มบางพลางกล่าว “ท่านทำไมไม่เดินเข้ามาดีๆ ทาง ประตู ชอบกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง? ไม่ใช่ว่าท่านโดด เรียนอีกแล้ว? ระวังเถอะข้าจะฟ้องท่านยาย

เฉิงหัวเราะร่า เดินอย่างองอาจตรงไปยังเก้าอี้ไม้มีเท้า แขนในห้องของนางแล้วนั่งลง กล่าวว่า “ป้าเจียงที่เฝ้าอยู่หน้า ประตู ดวงตามันวาวเอาเรื่องยิ่ง ข้าจะเข้ามาแต่ละที่ไม่ง่ายนัก กล่าวอีกว่า “เจ้ายังไปเรียนกับเฉินต้าเหนียงอยู่ใช่หรือไม่

เรื่องนี้โจวเสาจีนยังไม่ได้ตัดสินใจ ทว่าเป็นที่ประจักษ์ว่าเฉิง ไม่ใช่คนที่สามารถปรึกษาด้วยได้ และ นางก็ไม่ได้เตรียมตัวมาถกเรื่องนี้กับเฉิง จึงเลี่ยงที่จะให้คำ ตอบ กล่าวขึ้นว่า “ท่านไถลตัวเข้ามาจากฝั่งสวนดอกไม้เล็ก ของจวนห้าอีกแล้วหรือ

น้ำแกงทั้งหม้อเสียเพราะขี้หนูก้อนเดียวนั้น กล่าวแล้วนาง รู้สึกว่าคือตระกูลเฉิงจวนห้าโดยแท้

ตระกูลเฉิงนั้นเป็นตระกูลหนึ่งที่ทำการเพาะปลูกและมีการ ศึกษาอย่างตระกูลทั่วไปในเจียงหนาน มีหลักว่า ผู้ชายหากว่า อายุสี่สิบแล้วยังไม่มีบุตรจึงจะสามารถรับอนุได้ ให้ยึดปฏิบัติ นายท่านใหญ่เฉิงเป็นแห่งจวนห้ามีบุตรชายหนึ่งคนนามว่า เฉิงนิ้ว เขาไม่รับอน ทว่าอยู่ข้างนอกห้อมล้อมไปด้วยนาง เลี้ยงดูหญิงคณิกา และเที่ยวหอนางโลม ฮูหยินใหญ่เป็นเริ่ม ขมขื่นใจและริษยา ต่อมาทุกข์ใจเรื่องเงินทอง ในทุกๆ วันนาง คอยจับตาดูท่าทีของเฉิงเป็น ไหนเลยจะมีแก่ใจดูแลเรื่อง ภายในจวน หน้าที่ภายในจวนทั้งหมดมอบหมายให้แม่บ้านที่ นางไว้ใจเป็นผู้ดูแล ตนเองนั้นแสร้งว่าไม่สบายนอนอยู่บน เตียงทั้งวัน ภายในจวนอวลไปด้วยบรรยากาศที่ยุ่งเหยิง นาย ไม่ใช่นาย บ่าวไม่ใช่บ่าว ไร้ซึ่งกฎระเบียบ เฉง และอีกหลายคนอาศัยช่องโหว่นี้ ใช้สวนดอกไม้เล็กภายใน จวนห้า แอบพาเพื่อนฝูงเข้ามาประชันบทกลอนแข่งขันวาด ภาพ กินดื่มสร้างความบันเทิง เรื่องนี้พวกผู้ใหญ่ในตระกูลเฉิง ไม่ทราบเรื่อง หลังจากที่เกิดเรื่องของนาง หยวนซื่อตรวจสอบ ทั่วทั้งซอยจิ๋วหรู ถึงได้พบว่าภายในจวนห้านั้นไร้ซึ่งการจัดการ โชคดีที่จวนห้ามีเพียงเฉิงนิ้วเป็นลูกโทน ไม่มีบุตรสาว ไม่มี เหตุวุ่นวายอะไรเกิดขึ้น ทว่าเรื่องคลุมเครือระหว่างบ่าวชาย หญิงนั้นเกิดขึ้นไม่จบสิ้น ทำให้หยวนซื่อโกรธเป็นอย่างมาก เกือบจะหันกลับไปด้วยความโกรธ แล้วด่าทอท่านย่าเป็นต่อ หน้าคนตระกูลเฉิงและบ่าวรับใช้ด้วยถ้อยคำผรุสวาทเสียแล้ว

โจวเสาจิ๋นในเวลานั้นน่าจะไม่ทราบเรื่อง

เฉิงถูกทำให้กลัวจนเหงื่อเย็นท่วมตัว นั่งตัวตรงขึ้นใน ทันใด มองนางด้วยใบหน้าที่ระแวดระวัง กล่าวอย่างร้อนรนว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร” กล่าวจบ เขาก็แสดงอาการราวกับว่าเพิ่งนึก อะไรขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ตะโกนขึ้นว่า “ข้ารู้แล้ว ต้องเป็น เฉิงแน่ๆ ที่บอกเจ้า!” เขาด่าทอเฉิงอย่างเดือดดาลว่า “คน ทรยศ! ตกลงกันแล้วว่าต้องเก็บเป็นความลับ! ทำไมเขาถึงได้ ปากสว่างเยี่ยงนี้ ต่อจากนี้เวลาออกไปเล่นกันจะไม่ชวนเขาอีกแล้ว

ที่จริงแล้วเฉิงลู่กับพวกเขาเที่ยวเล่นด้วยกันด้วยหรือ

โจวเสาจีนประหลาดใจ

ในความทรงจำ เวลานั้นที่หยวนซื่อตรวจพบแล้วก็มีเฉิงอ จากจวนรอง เฉิงจากจวนสี่ เฉิงตั๋วจากจวนหาและเฉิงจาก ตระกูลเฉิงสายรอง ยังมีเฉิงสวีที่สุดท้ายแล้วถูกพวกเขาลากลง ไปในน้ำ ทว่ากลับไม่มีเฉิง

พอมาคิดดูในยามนี้แล้ว ต้องเป็นพวกเขาที่กล่าวคำ สาบานแห่งมิตรสหาย ช่วยกันปกปิด ให้กับเฉิง

ทว่าเฉิงอวี่แห่งจวนรองกับคุณชายใหญ่เฉิงสือแห่งจวน รองเป็นพี่น้องร่วมมารดา นายท่านใหญ่เฉิงแห่งจวนรองนั้น ไม่ค่อยใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องราวภายในจวน ฮูหยินใหญ่ยังเป็น ผู้ฝึกใช้ไปในทางธรรม เฉิงอวี่กับเฉิงสืออายุห่างกันสิบปี ไม่ว่า จะเป็นเรื่องการเรียนการบ้าน หรือค่าใช้จ่ายเรื่องการกินการ แต่งตัวล้วนแต่เป็นเฉิงสือที่เป็นผู้จัดการดูแล การที่พวกเฉิงอ กับเฉิงอี้พากันเที่ยวเล่นพิเรนทร์เช่นนี้ เฉิงสือไม่น่าที่จะไม่ทราบ เรื่องถึงจะถูก!
ยิ่งคิดโจวเสาจีนก็ยิ่งสับสน สิ่งเดียวที่นางพอจะมั่นใจได้ คือ ถึงแม้ว่าเรื่องราวในความทรงจำของนางจะมีหนึ่งเรื่องที่ สอดคล้องกัน ทว่ากลับปรากฏบางอย่างที่ไม่ตรงกันเล็กน้อย กับสิ่งที่นางรู้ในตอนนี้

นางจ้องเฉิงอี้พลางเอ่ยถาม “กล่าวเช่นนี้ แสดงว่าพวก ท่านพาเพื่อนฝูงมากินดื่มสร้างความบันเทิงกันที่สวนดอกไม้ เล็กของจวนห้าจริงๆ? เฉิงอยู่ด้วยกันกับพวกท่านจริงๆ? เยี่ยงนั้นทำไมพวกท่านถึงปกปิดเรื่องนี้ให้กับเฉิงลู่ด้วย?

เฉิง ได้ยินเช่นนั้นก็กระโดดโหยงสูงสามจื่อ [3] พลาง กล่าว “อะไรกันที่เรียกพวกข้าว่าปกปิด ให้กับเฉิง พวกข้า ตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่ว่าเป็นผู้ใดที่ทำเรื่องผิดพลาดขึ้น ก็ให้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ต้องไม่ดึงผู้อื่นมาเกี่ยวข้อง ด้วย” เขากระซิบกล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าคำพูดของเฉิงลู่จะเชื่อ ถือไม่ได้” กล่าวจบ เขารู้สึกว่าตนเองที่อยู่ต่อหน้าโจวเสาชิ้นนี้ ร้อนรนเล็กน้อย อดไม่ได้ยืนขึ้นและยืดตัวตรง พลางกล่าว แก้ตัวเสียงสูงว่า “ที่พวกข้าทำนั้นไม่ใช่ สร้างความบันเทิง นั่นคือ การไม่ถูกจำกัดอยู่ในกฎ มีอิสรเสรี เป็นรสนิยมของคนผู้ได้รับการศึกษา เข้าใจหรือไม่ เฉิงในตอนนี้กับโจวเสาจีนในตอนนั้นก็เหมือนกัน ที่ไม่รู้

ถึงความเลวร้ายของเรื่องราวนี้ เขาพูดอย่างอาจหาญและ มั่นใจ โจวเสาจีนกลับอดไม่ได้แย้งขึ้นว่า “การไม่ถูกจำกัดอยู่ ในกฎต้องดื่มเหล้า และการมีอิสรเสรีต้องแต่งกายเลอะเทอะ อย่างนั้นหรือ ข้าเห็นว่านั่นคือการทำตามอำเภอใจ มุทะลุ ไม่ ยอมอยู่ในแบบแผนต่างหาก! ทำไมไม่เห็นท่านเสือแห่งจวน รองเป็นเยี่ยงนี้ ทำไมไม่เห็นท่านพี่เจิ้งแห่งจวนสามเป็นเยี่ยงนี้ บ้าง มีเพียงพวกท่านสามสี่คน…

“ไอ้หยา” เฉิงกระวนกระวายเล็กน้อยขณะเอ่ยชัดคำ พูดของโจวเสาจีน “เรื่องของพวกผู้ชาย เจ้าเป็นแค่เด็กผู้หญิง คนหนึ่งจะไปเข้าใจอะไร เจ้าตั้งใจเรียน บัญญัติสอนหญิง และ วิถีแห่งความดีงามของสตรี ของเจ้ากับเฉินต้าเหนียงไป เถอะ” จากนั้นก็ข่มขู่นางว่า “เรื่องนี้ห้ามเจ้าบอกกับผู้อื่นเป็นอัน ขาด! ไม่เช่นนั้นข้าจะเปิดโปงเฉิง” ทั้งยังถามต่อว่า “สรุปว่า เจ้ายังไปเรียนกับเฉินต้าเหนียงอยู่หรือไม่

โจวเสาจิ่นรู้สึกหดหู่

คิดไม่ถึงว่าในสายตาของทุกคน นางนั้นเป็นกังวลอย่าง มากเกี่ยวกับเฉิงลู่
นางอดไม่ได้กล่าวว่า “เรื่องของข้าท่านไม่ต้องยุ่ง ต่อจาก นี้ท่านก็อย่าไปกินดื่มสร้างความบันเทิงกันที่สวนดอกไม้เล็ก ของจวนห้าอีกก็พอแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องบอกท่าน ยาย!

เฉิงอี้เบิกดวงตากว้าง พลางกล่าว “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะ ลากเฉิง ออกมา?

“เฉิงก็คือเฉิง ข้าก็คือข้า เขากับข้ามีอะไรเกี่ยวข้อง กัน! โจวเสาจีนรีบชี้แจงให้ชัดเจน ท่านไม่ต้องเอาพวกข้าสอง คนไปพูดด้วยกันอีก คนที่ไม่รู้ก็จะเข้าใจไปว่าข้ากับเขามีอะไร กัน! คนเป็นพี่ชายเขาทำเยี่ยงท่านกันหรือ

ดวงตาของเฉิงยิ่งเบิกกว้างขึ้น กล่าวว่า “เช่นนั้นทำไม เฉิงยังให้ข้ามาถามเจ้าว่ายังไปเรียนกับเฉินต้าเหนียงอยู่หรือ ไม่”

โจวเสาจีนเข้าใจในทันที

คนที่อาศัยอยู่ในซอยจิ๋วหรูทั้งหมดล้วนเป็นคนตระกูลเฉิง สำนักศึกษาแห่งตระกูลเฉิงนั้นตั้งอยู่ที่ท้ายซอยของซอยจิ๋วหรู ซึ่งต่อเติมออกมาจากสวนเล็กที่ตั้งอยู่ห่างไกลแห่งหนึ่งของจวน ตระกูลเฉิง และจวนห้าที่กั้นกางด้วยซอยเล็กซอยหนึ่ง ผู้ชาย ในตระกูลเฉิงเข้าศึกษาในสํานักศึกษาแห่งตระกูลเฉิง ภายหลังได้ทำการสร้างห้อง หนังสือชื่อว่า ห้องศึกษาสันติสุข” ขึ้นบริเวณด้านข้างป่าไผ่ที่ สวนดอกไม้ของจวน ให้เด็กผู้หญิงได้เรียนอ่านเขียนกับ อาจารย์หญิงอยู่ที่นั่น สวนดอกไม้เล็กภายในของจวนห้ากับ สวนดอกไม้ภายในของจวนตระกูลเฉิงกั้นกางด้วยน้ำที่หัน เข้าหากัน ตรงกลางมีสะพานแผ่นหินซิกแซ็กเชื่อมต่อถึงกัน หากว่านางไปเรียนที่ ห้องศึกษาสันติสุข” เฉิงที่อยู่ฝั่งศาลาริม น้ำของจวนห้าสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวที่ห้องศึกษา สันติสุขได้รางๆ ถึงแม้ว่าไม่อาจพูดคุยกัน ทว่าสามารถให้บ่าว รับใช้ของจวนหานความมาทักทายได้

นี่เขาคิดจะแอบนัดพบตนเองเป็นการส่วนตัว

โจวเสาจิ๋นยิ้มเย็น

ตั้งแต่เมื่อก่อนนางก็ไม่เคยนัดพบกับเขาเป็นการส่วนตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้

โจวเสาจีนมองท่าทางที่ไม่รู้จักคิดของเฉิงนั้นแล้ว ทั้งน่า โมโหและน่าขบขัน กล่าวขึ้นว่า “ข้าที่ผ่านมาเคยเป็นศัตรูกับ ท่านหรือ ท่านจึงได้ทำร้ายข้าเยี่ยงนี้ คำพูดของข้าท่านไม่เชื่อ แม้สักประโยค ทว่าเฉิงลู่พูดอะไรท่านกลับไม่สงสัยแม้สักนิด เดียว เขาให้ประโยชน์อะไรกับท่านหรือ ท่านถึงได้เป็นธุระช่วยเขาเยี่ยงนี้ หากท่านยังเป็น เยี่ยงนี้อีก ข้างจําต้องไปฟ้องท่านยายจริงๆ แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ