เกิดใหม่เปลี่ยนชะตา

ตอนที่ 7 เรือนหลัก



ตอนที่ 7 เรือนหลัก

เรือนไม้งามตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของจวน เป็นเรือนหลัก ของจวน ฮูหยินผู้เฒ่ากวนเป็นหญิงหม้าย ภายหลังจากที่นาย ท่านผู้เฒ่าเสียชีวิตจากความเจ็บป่วย ตามธรรมเนียมแล้วนาง ควรจะย้ายไปอยู่ห้องสันติสุขทางฝั่งตะวันตก ทว่า ณ เวลานั้น ลูกๆ ล้วนยังเล็ก ในจวนก็ไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่อง นี้สักเท่าไหร่ กระทั่งยามที่เฉิงเหมี่ยนแต่งงาน ฮูหยินผู้เฒ่ากวน จัดการทําความสะอาดเรือนหลักสำหรับให้ครอบครัวที่สมควร จะเข้ามาอยู่อย่างครอบครัวของบุตรชายคนโต เฉิงเหมียนก ลับไม่ยินยอม ห้องสันติสุขนั้นตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเรือนปีก ตะวันตก อยู่ติดกับจวนห้าพอดี ทางฝั่งจวนห้านั้นตลอดทั้งวัน ไม่เงียบสงบนัก เขาเกรงว่าจะรบกวนมารดา ยิ่งเกรงว่าหาก มารดาได้ยินเสียงเหล่านั้นแล้วจะยิ่งเครียดและเป็นกังวล

หลังจากที่ปรึกษากับเฉิงหยวนและภรรยาแล้ว จึงสร้าง เรือนใหม่ขึ้นบริเวณสะพานทานชิวด้านหลังของเรือนไม้งาม

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำการตัดสินใจหยินผู้เฒ่ากวนไม่อาจโต้แย้งคำของบุตรชายได้ รวมถึงตั้งใจ หลีกเลี่ยงเรื่องกวนใจเหล่านั้นของจวนหาด้วย จึงอาศัยอยู่ที่นี่ ต่อไป

ยามที่โจวเสาจีนเดินเข้าไปในเรือนไม้งามนั้น หมอกยาม เช้าได้ระเหยออกไปหมดแล้ว ด้านหนึ่งต้นหลิวสีเขียวห้อยระย้า ลงมาอย่างนุ่มนวล ต้นกุ้ยให้ร่มเงาสบาย ดอกยี่เข่งสีม่วง ดอกกุหลาบเย่ว์ ดอกวิ่งซุนสีเหลือง และดอกยี่โถล้วนแข่งกัน เบ่งบาน กลิ่นของดอกหญ้าต้นไม้ผสมปนเปไปด้วยกลิ่นหอ มอ่อนๆ ของดอกไม้ ทำให้ผู้คนที่ได้สูดกลิ่น รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า

ผู้ที่มาต้อนรับพวกนางคือชื่อเอ๋อร์ สาวใช้ใหญ่ข้างกาย ของฮูหยินผู้เฒ่ากวน

นางสวมเสื้อกั๊กเจียผ้าฝ้ายสีแดงชาด ใบหน้ากลมนั้น ประดับไว้ด้วยรอยยิ้มหวาน ตั้งแต่ไกลๆ ก็ย่อเข่าลงทำความ เคารพพวกโจวเสาจีน พลางกล่าว “คุณหนูรอง ฮูหยินผู้เฒ่า กำลังรอท่านอยู่เจ้าค่ะ”

โจวเสาจีนยิ้มพลางผงกศีรษะให้นาง ก้าวเข้าไปในห้อง

โถง

ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่บนตั่งตัวเตี้ยแกะสลักทาด้วยน้ำมันเคลือบสีแดงมีพนักพิงหลังที่ตั้งไว้ด้วยหิน จากหลิงซานอยู่ในห้องโถง กุมมือของ โจวซูจีนที่ยืนอยู่ด้าน หน้าของตั่ง กําลังพูดคุยกันอยู่

นางในปีนี้อายุห้าสิบหก ผมสีดอกเลา มองดูแล้วดูสูงวัย กว่าความเป็นจริงไปห้าถึงหกปี สวมชุดเพ่ยจื่อสีฟ้าไพลินลาย ก้อนเมฆโค้งมนกลม

ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว นางจึงหันศีรษะกลับมา

ในสายตาที่อ่อนโยนนั้นประดับไว้ด้วยรอยยิ้มแห่งความ ปรารถนาดี ความรักและความเมตตา

ทันใดนั้นน้ำตาของโจวเสาจีนก็ตื้นขึ้น

นางรีบก้มศีรษะลง ย่อเขาลงคำนับทำความเคารพ พลาง ร้องขึ้น “ท่านยาย” ในน้ำเสียงนั้นมีเสียงสะอื้นอยู่หลายส่วน

โดยไม่รู้ตัว

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหัวเราะร่า พลางกล่าว “ถูกกักตัวอยู่ใน เรือนไม่กี่วัน รู้สึกว่าได้รับความไม่ยุติธรรมแล้วหรือ มา มาหา ยายนี่”

โจวเสาจิ๋นขยับไปด้านหน้าสองสามก้าว

บรรดาสาวใช้รีบยกตั้งกระเบื้องเคลือบทรงกระบอกกลม สองตัวเข้ามาวางไว้ด้านหน้าของตั่งตัวเตี้ย
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหยิบขนมรังไหม [1] ออกมาจากกล่อง เก็บของทรงกลมบนตั่งส่งให้นาง พลางกล่าว “นี่เป็นของขวัญ ที่พี่ชายเก้าของเจ้าให้สหายนำกลับมาจากเมืองหลวงมาให้ข้า โดยเฉพาะ หวานยิ่ง เจ้าก็ชิมดูหน่อยเถอะ

ท่านยายชอบเด็ก จึงมักจะมีขนมติดตัวอยู่เสมอ ยามเจอ เด็กๆ ก็จะหยิบสองสามชิ้นส่งให้ เด็กๆ ในจวนไม่ว่าจะเป็น คุณชายน้อยคุณหนูน้อยหรือบ่าวชายหญิงล้วนชอบนาง

การถูกมองและถูกปฏิบัติด้วยเช่นเด็กน้อยเยี่ยงนี้ ความ กดดันในใจของโจวเสาจีนฉับพลันมลายหายไปราวหมอกเมฆ ที่กระจัดกระจายไปในอากาศ แทนที่ด้วยความรู้สึกได้รับการ เอาอกเอาใจ อดไม่ได้มีน้ำตารื้นขึ้นมาอีก

“เจ้าเด็กคนนี้ เอาหละ ร้องไห้อะไรกัน?” ฮูหยินผู้เฒ่ากวน หยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้นาง พลางกล่าว “มีอะไรก็ต้องบอกกล่าว ออกมา! ร้องไห้แล้วจะดีขึ้นได้หรือ รีบหยุดร้องได้แล้ว!

ฮูหยินผู้เฒ่าเผชิญการจากลากันด้วยความตายมามาก ไม่ ชอบให้ผู้อื่นร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นที่สุด

โจวเสาจีนรีบเช็ดน้ำตา หัวเราะพลางกล่าว“ไม่ได้พบท่านขายมาหลายวัน คิดถึงของกินอร่อยๆ ของท่าน ยายเจ้าค่ะ!”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนเห็นนางที่ถึงแม้จะกำลังหัวเราะ ทว่า ดวงตายังมีร่องรอยเปียกชื้นอยู่หลายส่วน ราวกับฝนที่ตกลง มาใส่ดอกสาลี่ ดูบอบบางและอ่อนแอ อดไม่ได้รู้สึกรักทั้งกาย และใจ กล่าวเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงอย่างนั้นก็จะร้องไห้อย่างนี้ อยู่เสมอไม่ได้! เด็กสาวนานๆ ครั้งหลั่งน้ำตาสองสาย อันนั้น เรียกทองเท่าเมล็ดถั่ว หากร้องไห้บ่อยๆ อันนั้นเรียกว่า ไม่มี อะไรเป็นพิเศษแล้ว

โจวเสาจีนประหลาดใจเล็กน้อย

ในความทรงจำของนาง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ท่านขายส่ง สอนนางด้วยค่าสอนเช่นนี้

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรู้สึกของนางที่มีต่อท่านขายนั้น ค่อนข้างเปราะบาง เนื่องด้วยปรารถนาให้ท่านยายเอ็นดูและ เห็นนางสำคัญ ทั้งยังรู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นเพียงหลานในนาม ของท่านยายเท่านั้น ไม่ว่าตนเองจะเชื่อฟังเฉลียวฉลาดและ อ่อนน้อมว่านอนสอนง่ายอย่างไร ก็ไม่สามารถเทียบได้กับพี่ สาวผู้ที่ร่วมสายโลหิตเดียวกันกับท่านขายได้
ยิ่งไปกว่านั้น ยามท่านยายปฏิบัติต่อนางและพี่สาวนั้นมี ความแตกต่างกันอยู่

กับนางนั้นมักจะใจกว้างและใจดีอยู่เสมอ

ทว่ากับพี่สาวนั้นกลับเข้มงวดกวดขันยิ่ง

ในวัยเด็กตอนที่ยังโง่เขลานั้นยังไม่รู้สึก กระทั่งโตขึ้นมา หน่อย ตอนที่เข้าใจว่าบางครั้งความเข้มงวดกวดขันก็เป็น ความรักรูปแบบหนึ่ง เป็นความรักที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าความใจกว้าง และความใจดีเสียอีก ภายหลังจากที่ทราบความสัมพันธ์ของ นางกับตระกูลเฉิงแล้ว นางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นรู้สึกอึดอัดและ เอาใจออกห่าง เริ่มที่จะ หากสามารถไม่พบท่านขายได้ก็จะไม่ มาพบท่านยายให้มากที่สุด หากสามารถอยู่แต่ในห้องได้ก็จะ อยู่แต่ในห้องให้มากที่สุด

วันนี้ท่านยายเป็นอะไรไป?

โจวเสาจนอดไม่ได้หัวเราะพลางกล่าว “ขอบพระคุณท่าน ยายยิ่งนักที่ชี้แนะ ข้าจำเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ”

ท่านยายหัวเราะพลางพยักหน้าให้ ท่าทางพึงพอใจยิ่ง กล่าวกับคนให้ห้องว่า “เจ้าเด็กคนนี้โตขึ้นแล้วจริงๆ พวกเจ้า เสาจีน เป็นครั้งแรกที่พูดกับข้าได้อย่างคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉงเยี่ยงนี้

ทุกคนต่างก็หัวเราะขึ้นมา

โจวเสาจีนนั้นกลับนึกถึงท่าทางเออๆ ออๆ ของตัวเองเมื่อ กาลก่อนยามอยู่ต่อหน้าท่านยาย ที่ดูเลื่อนลอยจมอยู่ในห้วง ความคิด

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนชี้ไปยังตั้งกระเบื้องเคลือบทรงกระบอก กลม ให้พวกนางนั่งลง พวกสาวใช้ยกน้ำชาและขนมขึ้นมา

โจวเสาจีนและโจวซูจีนนั่งลง หวังมามากลับนั่งเพียงครึ่ง

ตัว

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยิ้มพลางสายศีรษะ แต่ก็คร้านจะโต้เถียง กับนาง จึงกล่าวกับโจวเสาจีนว่า “ข้าได้ยินพี่สาวเจ้าบอกว่า เจ้าดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้ฮูหยินของท่านเจ้าเมืองแห่งจินหลังจะ พาบุตรในจานมาคารวะข้า ถึงยามนั้นเจ้ากับพี่สาวของเจ้าก็มา พบพร้อมกันเถอะ!

โจวเสาจีนทั้งประหลาดใจทั้งยินดี กล่าวขึ้น “ข้า ข้าหรือ เจ้าคะ?”

“ก็ใช่น่ะสิ! ท่าทางของโจวเสาจีนเป็นที่ชอบใจของฮูหยิน ผู้เฒ่ากวน ฮูหยินผู้เฒ่ากวนกล่าวเย้าแหย่นางว่า “หรือว่าในนี้ ยังมีโจวเสาจิ๋นคนที่สองอยู่ด้วยหรืออย่างไร

“เจ้าค่ะๆๆ” เรื่องที่เป็นกังวลอยู่ในหัวมาตลอด เพียงชั่ว ครู่เดียวความฝันกลับกลายเป็นความจริง เป็นความยินดีที่ยาก จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ โจวเสาจีนรีบกล่าวขึ้น “ถึงยาม นั้นข้ากับท่านที่จะช่วยกันดูแลแขกอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” เสียง พูดยังไม่ทันได้แผ่วลง ในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย นางยังป่วยอยู่ ทำไมอยู่ๆ ท่านยายถึงให้นางพบแขก นางอด ไม่ได้หันไปมองทางพี่สาว

พี่สาวกำลังยิ้มพลางหันมาขยิบตาให้นาง

โจวเสาจีนเข้าใจแล้ว ต้องเป็นพี่สาวที่ช่วยพูดอะไรบาง อย่างเพื่อนางต่อหน้าท่านยายเป็นแน่

นางมีความรู้สึกวิงเวียนราวกับถูกกระแทกด้วยความ

สุขใจอันมโหฬาร

“ท่านพี่” นางอดไม่ได้กล่าวขึ้น “ขอบคุณท่านยิ่งนัก

เจ้าค่ะ!”

โจวชูจิ่นอมยิ้ม

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนมองแล้ว บนใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม กว้าง “นี่ถึงจะถูกต้อง! สองพี่น้อง ควรจะรักใคร่ปรองดอง เกรงอกเกรงใจกัน ทั้งยังกล่าวกับโจวซูจีนว่า “ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วสินะ! พรุ่งนี้พวกเจ้า สองคนพี่น้องติดตามข้าไปพบแขกพร้อมกัน

“ขอบคุณท่านยายยิ่งนักเจ้าค่ะ!” สองพี่น้องลุกขึ้นพร้อม กันโดยมิได้นัดหมาย คำนับคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากวน

“ไปเถอะๆ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนแสร้งขมวดคิ้วมั่น แสดง ท่าที่ราวกับทนความวุ่นวายไม่ได้อีกต่อไป พลางกล่าว ส่ง เสียงดังจนข้าปวดหัวไปหมดแล้ว รีบให้ข้าได้อยู่อย่างสงบ เถอะ!”

โจวซูจีนหัวเราะร่า จูงมือโจวเสาจีนถอยออกไป

“เจ้าเด็กคนนี้!” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยังคงยิ้มละไม กล่าวกับ หวังมามาว่า “ไม่ว่าจะทำอะไรล้วนนึกถึงน้องสาวของตัวเอง กล่าวจบ รอยยิ้มนั้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหดหู่ใจ ถอน หายใจพลางกล่าว “ถึงกระนั้น นี่ก็เป็นลักษณะของจวงชื่อ ได้ รับส่วนข้อนี้มา ก็ไม่รู้ว่าควรจะยินดีไปด้วยกับเด็กคนนี้หรือ ปวดใจกับเด็กคนนี้ที่ต้องลำบาก

บ่าวที่คอยรับใช้อยู่ในห้องเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ากวนและ หวังมามาสนทนาเรื่องส่วนตัวขึ้นมาล้วนเบามือเบาเท้าถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ

หวังมามากล่าวปลอบโยนว่า “การกินและดื่ม สวรรค์เป็น

ผู้กำหนด ท่านก็อย่าเป็นกังวลจนเกินไปเลยเจ้าค่ะ ข้าเห็นว่า คุณหนูใหญ่นั้นเป็นผู้มีวาสนาดี มิเช่นนั้นจะได้พบกับจวงซื่อได้ อย่างไร หากว่าผู้ที่ท่านบุตรเขยแต่งด้วยไม่ใช่จางซื่อ คุณหนู ใหญ่คงจะไม่ได้เติบโตอยู่ภายใต้การดูแลของท่าน

“ก็จริง” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนที่ผ่านมาเป็นผู้มีจิตใจกว้างขวาง ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจอยู่อย่างแข็งแรงมาจนถึงบัดนี้ได้ นาง ได้ยินเช่นนั้นก็ยินดีขึ้นมาในทันใด พลางหัวเราะ “นายท่านสิบ สามแห่งตระกูลเดี่ยวได้รับความไว้วางใจจากตระกูลของพวก เขาให้เดินทางมาที่นี่ ต้องการให้ทำการกำหนดวันแต่งงาน ของซูจิ่นและบุตรเขยตระกูลเดี่ยวให้แล้วเสร็จ นายท่านได้ ตกลงเรียบร้อยแล้ว จดหมายที่ส่งไปให้ท่านบุตรเขยก็อยู่ ระหว่างทางแล้ว คาดว่าเมื่อครบกำหนดพิธีไว้ทุกข์ของฝั่งโน้น ก็จัดพิธีแต่งงานได้ รอให้ถึงยามต้องหาตระกูลดีๆ สำหรับ เรื่องแต่งงานให้เสาจีนอีกครั้ง หน้าที่ของข้าก็ถือว่าสิ้นสุดลง แล้ว” กล่าวจบ มีความรู้สึกราวกับได้รับการปลดปล่อยจาก ภาระอันหนักอึ้ง
หวังมามาฟังแล้วก็ยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว “กล่าวถึงคุณหนู รองขึ้นมา ข้ารู้สึกว่าลักษณะอย่างคุณหนูรองไม่เหมาะที่จะเป็น ฮูหยินเอกของตระกูลหรือเป็นสะใภ้ใหญ่ จะดีที่สุดหากว่าเป็น บุตรชายคนรองหรือบุตรชายคนเล็กของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง เจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนเห็นด้วย กล่าวขึ้น “ข้าก็คิดเช่นนั้น ยาม พบเจอปัญหาอะไรนางมักจะเก็บไว้ในใจ ทั้งยังอ่อนไหวง่าย และคิดมาก มักจะเศร้าซึมอยู่บ่อยๆ อยู่ที่จวนยังดี หากว่าแต่ง ออกไปแล้ว เกรงว่าจะทนต่อสายตาเย็นชาของแม่สามีไม่ได้ เหนือบุตรชายคนรองนั้นมีบุตรชายคนโต โดยปกติล้วนไม่ ค่อยได้รับความสนใจเท่าไหร่ แม่สามีที่มีนิสัยเด็ดขาดจะแลก เปลี่ยนทัศนะกับสะใภ้คนโตด้วยตัวเอง การกำหนดกฎระเบียบ ปลีกย่อยจะมาไม่ถึงคราวของนาง ส่วนบุตรชายคนเล็กนั้น โดย ปกติแล้วล้วนเป็นดังดวงใจของมารดา แปดถึงเก้าในสิบส่วน ล้วนมีนิสัยค่อนข้างเอาอกเอาใจ ลักษณะนิสัยของเสาจีนนั้น เป็นคนว่านอนสอนง่าย ยามพบเจอปัญหาก็อดทนอดกลั้น สองสามีภรรยาจะสามารถปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพซึ่งกัน และกันอย่างแน่นอน แม่สามีที่เห็นแก่บุตรชายคนเล็ก ไม่อาจ จะจงใจสร้างความลำบากให้นางได้ ไม่แน่ว่ายามถึงเวลาแยก จวน ยังอาจจะแอบช่วยเหลือพวกเขาอย่างเงียบๆ ข้าเห็นว่า ไม่เพียงต้องหาคนที่เป็นบุตรชายคนรองหรือ บุตรชายคนเล็กเท่านั้น จะให้ดีที่สุดยังต้องเป็นจวนที่เรียบง่าย หน่อย หากว่ามากคนมากความ นางก็อาจจะรับไม่ไหว” ขณะ ที่พูด ฮูหยินผู้เฒ่าก็หัวเราะขบขันตัวเองขึ้นมา พลางกล่าว “พวกเราอยู่ที่นี่เป็นกังวลแทนนาง ไม่แน่ว่าอาจเป็นการกังวลที่ สูญเปล่า เจ้าดูรูปโฉมนาง กลัวแต่ว่าไม่ว่าผู้ชายคนไหนล้วน แล้วแต่อยากจะกอบกุมนางเอาไว้ในอุ้งมือ มีแม่คนไหนบ้างที่ จะต้านทานบุตรชายของตัวเองได้ ถึงยามนั้นพวกเราเพียง ต้องหาตระกูลสักตระกูลหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับบุตรชายหญิง ก็พอแล้ว”

หวังมามาเองก็หัวเราะตาม พลางกล่าว “ข้าเองก็อยู่มา อายุปูนนี้แล้ว นอกจากจวงชื่อแล้ว ก็เป็นคุณหนูรองนี่แหละ เจ้าค่ะ เป็นเด็กสาวที่มีรูปโฉมงดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา เพราะฉะนั้นข้าถึงได้พูดอยู่บ่อยๆ ว่าคุณหนูใหญ่นั้นมีนิสัย ใจคอที่ซื่อตรงและจริงใจ หากว่าเป็นผู้อื่น ซึ่งเป็นพี่สาวน้อง สาวกันเยี่ยงนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไร กลัวแต่ว่าจะทนกันไม่ได้ สงสัยว่าที่คุณหนูใหญ่แห่งจวนสามมักจะสร้างข้อเปรียบเทียบ สูงต่ำกับคุณหนูรองนั้น เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างว่าขึ้นมา เสียแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

หวังมามาจึงกล่าวต่อว่า “ท่านเห็นว่าคุณชายรองเป็น อย่างไรบ้างเจ้าคะ?”

“อี้เอ๋อร์?!” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนประหลาดใจ

“ใช่เจ้าค่ะ!” หวังมามากล่าวอย่างมีความนัยว่า “ยามที่ข้า นำความไปแจ้งแก่คุณหนูรองนั้น คุณหนูรองออกมาจากห้อง หนังสือ ข้าเหมือนกับว่าจะเห็นคุณชายรองหลบเข้าไปซ่อนตัว อยู่ในป่าไผ่ อย่างไรก็ตาม ข้าก็แก่แล้วดวงตาฝ้าฟาง อาจจะ มองผิดไปก็เป็นได้เจ้าค่ะ”

สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ากวนเคร่งเครียดขึ้นมา

โจวเสาจีนอายุสิบสอง เฉิง อายุสิบห้า ถึงแม้จะกล่าวได้ ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อาศัยอยู่ในจวนเดียวกัน เป็นปกติที่จะ สนิทสนมกัน ทว่าก็ถึงเวลาแล้วที่ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้มีข้อครหา เกิดขึ้น

“เจ้าอย่ามาแสร้งทำเป็นว่าสายตาฝ้าฟางต่อหน้าข้าเลย! นางกล่าวอย่างห้วนๆ ว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเห็นชัดแล้ว เจ้าได้สืบดู ให้แน่ชัดแล้วหรือยังว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร
“ในความเห็นของบ่าวแก่ผู้นี้แล้ว ท่านน่าจะปล่อยให้เป็น

ไปตามธรรมชาติดูเจ้าค่ะ” หวังมามากล่าวอย่างสงบเสงี่ยม “คุณหนูรองนั้นเติบโตขึ้นมาภายใต้การเลี้ยงดูของพวกเราเอง อย่างอื่นไม่ขอเอ่ยถึง ที่สำคัญที่สุดคือได้รับการอบรมสั่งสอน มาอย่างดี สอนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนกับ คุณหนูใหญ่ที่ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนมีความเห็นที่เด็ดขาด ทว่า เป็นที่แน่นอนว่าอยู่ในกรอบ ทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ย่อมดีกว่าการแต่งงานแบบคลุมถุงชนที่ไม่รู้จักประวัติเบื้อง หน้าเบื้องหลัง และยังได้ใช้โอกาสนี้แจ้งข่าวดีเรื่องงานแต่งนี้ แก่คุณชายใหญ่เก้าด้วยเจ้าค่ะ!

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนตกใจจนลุกขึ้นมานั่งในทันใด นางกล่าว อย่างไม่สบายใจว่า “เจ้าจะบอกว่า เก้าเอ๋อร์เขา?

หวังมามาหัวเราะแล้วหัวเราะอีก พลางกล่าว “ข้าสังเกต ว่าตั้งแต่คุณหนูรองป่วยเป็นต้นมา คุณชายใหญ่ทุกๆ วันล้วน ถามถึงอาการป่วยของคุณหนูรองหนึ่งรอบเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนไม่ได้เอ่ยอะไร ขมวดคิ้วมั่น พลางลูบ ขอบถ้วยน้ำชาลายครามนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจหวังมามาแสร้งจิบน้ำชาหนึ่งอย่างเรื่อยๆ

สิ่งที่ควรจะกล่าวนางก็ได้กล่าวไปแล้ว ผลสุดท้ายจะเป็น อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ