หมอหญิงรวย

ตอนที่ 2 เมื่อเข้าจวน โหว (2)



ตอนที่ 2 เมื่อเข้าจวน โหว (2)

ยเวยขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยเสียงเบา “ทว่า หากคุณชายสาม แห่งจวนโหวสมรสอีกครั้ง ทั้งคุณหนูใหญ่ยังไม่มีบุตรชายหรือ บุตรีหลงเหลืออีก หากผ่านไปนานเข้า ความสัมพันธ์ระหว่าง จวนพวกเราและจวนโหวคงจะห่างเหินเจ้าค่ะ”

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกกระมัง” เหยาเยี่ยนอวี่เลิกคิ้วขึ้น ตาม หลักบรรทัดฐานทางสังคม สิ่งที่ชุ่ยเวยกล่าวนั้นไม่ได้ไร้เหตุผล เลย

ชุ่ยเวยสรุปเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ได้ยินมาว่านี่เป็น ความต้องการของนายท่าน คุณหนูเตรียมการไว้ล่วงหน้าเถอะ เจ้าค่ะ”

“” จะสามารถเตรียมการสิ่งใดได้เล่า เรื่องเช่นนี้ขึ้นอยู่ กับข้ากระนั้นหรือ เหยาเยี่ยนอวถอนหายใจออกมา นาง ครุ่นคิดในใจ นี่นางจำต้องสมรสกับสามีที่เคยแต่งงานจริงหรือ นางจำต้องเป็นที่เรียน[1]ของผู้อื่นจริงหรือ

สิ่งที่นางกังวลกลายเป็นเรื่องจริง หลังจากผ่านไปเพียง ครึ่งเดือน

ขณะนั้นเหยาเยี่ยนอวีและเหยาเหวี่ยหวาไปน้อมทำความ เคารพท่านย่า ในเรือน ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงฮูหยินผู้เฒ่าพูดคุยกับฮูหยิน

“ส่งตัวเขียนเจี่ยเอ๋อร์ไปก่อน เพิ่งเจียเออร์ที่ล้มป่วยอยู่

นั้นจะได้มีคนคอยดูแล พวกเราอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ล้วนมองไม่เห็น และไม่อาจจับต้อง อีกทั้งไม่ อาจวางใจได้ หลังจากที่มารดาหลวงหวางฮูหยินพูดประโยค นี้จบ นางก็ถอนหายใจอีกครั้ง จากนั้นนางก็พูดด้วยความ ลำบากใจว่า “แต่การที่ไม่จัดพิธีสมรส แล้วส่งคนไปเช่นนี้ จะ ทำให้เยี่ยนเจี่ยเอ๋อร์ไม่ได้รับความเป็นธรรม

“ยังคงอยู่ในช่วงไว้อาลัยของแคว้น ไม่อาจไม่ใช้แผน รับมือชั่วคราวนี้ได้ ขอเพียงพวกเขาอย่าได้มีการหยวนฝัง[2] เพียงพอแล้ว อีกทั้งเพิ่งเจี่ยเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ คงไม่อาจให้ หลานเขยหย่าร้างแล้วสมรสใหม่ แม้จะไม่มีการไว้ทุกข์ของ แคว้น แต่นี่ก็ไม่ใช่โทษเบา” ฮูหยินผู้เฒ่าส่งถอนหายใจยาว “เช่นนี้ดีหรือไม่ สินสมรสของเยี่ยนเจี่ยเอ๋อร์ข้าให้เพิ่มเสีย หน่อย จากนั้นเอาร้านค้าที่พวกเรามีในเมืองหลวงอีกสักสอง สามร้านเป็นสินสมรสออกเรือนให้นาง อย่างไรเสียเตรียมไว้ เพื่อก็ดี ขอเพียงแค่อย่ามากเกินกว่าของเพิ่งเจี่ยเอ๋อร์ก็พอแล้ว สั่งให้คนจัดเตรียมให้เรียบร้อยแล้วส่งไปพร้อมกันกับนางที่ไป เมืองหลวงเถอะ”

หวางฮูหยินเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เสริมขึ้น “หากเพิ่ง เจียเออร์เป็นอะไรขึ้นมา สิ่งของของนางล้วนตกเป็นของเยี่ยน เจี่ยเอ๋อร์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้ถือว่าไม่ยุติธรรมกับนางแล้ว”

เหยาเยี่ยนอวี่ยืนอยู่ที่นอกหน้าต่าง หลังจากที่นางฟังจบประโยคก็แทบจะล้มหน้าคะมา เหตุใดจึงเร็วเยี่ยงนี้ การหา สาวใช้มารับใช้ยังต้องมีสัญญาว่าจ้างไม่ใช่หรือ? การกระทำ เช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการออกเรือนของสตรีได้ด้วย หรือ?

เหยาเหวี่ยหวามองดูสีหน้าซีดขาวของพี่รอง ภายในใจ เจ็บยิ่งนัก เหยาเหวี่ยหวารีบเข้าไปพยุงร่างนางเอาไว้ พร้อม กล่าวพูดเสียงเบา “พี่รอง ท่านเป็นอะไรหรือไม่

เหยาเยี่ยนอวี่ทำจิตใจให้สงบพลางส่ายหน้า จากนั้นก็ ก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า สาวใช้ที่กำลังพูดคุยอยู่ตรงระเบียง ทางเดิน เมื่อเห็นพวกนางสองพี่น้องเดินเข้ามา ก็รีบวิ่งมาเปิด ม่านพร้อมพูดขึ้นเสียงเบาว่า “คุณหนูรองกับคุณหนูสามมา แล้วเจ้าค่ะ”

ด้านหลังฉากกั้นขนาดใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าส่งและหวาง หยินจบบทสนทนาในทันที ตอนที่สองพี่น้องเหยาเยี่ยนอวี่เดิน เข้ามานั้น ฮูหยินผู้เฒ่าส่งยกยิ้มพลางกวักมือเรียก “หากพวก เจ้ายังไม่มา ข้าจะให้คนตั้งอาหารเช้าแล้ว”

เหยาเยี่ยนอวี่มีเรื่องหนักใจ ด้วยเหตุนี้นางจึงยิ้มอย่างไม่ เป็นธรรมชาติ “เมื่อคืนไม่รู้ว่าจิ้งหรีดจากที่ใดกระโดดเข้ามา ภายในเดือน ส่งเสียงร้องจี๊ดจี๊ดดังระงมกว่าครึ่งค่อนคืน กลาง ดึกถึงจะหยุดร้อง ด้วยเหตุนี้ เช้าวันนี้หลานจึงตื่นสายเจ้าค่ะ ท่านย่าอย่าได้กล่าวโทษหลานเลยเจ้าค่ะ”

“เรื่องเช่นนี้ บอกกับสาวใช้ให้จัดการก็สิ้นเรื่อง” ฮูหยินผู้เฒ่าฟังหัวเราะ นางหันหน้าไปสั่งเหล่าสาวใช้ “ตั้งโต๊ะเถอะ ให้ พวกเขียนเจี่ยเอ๋อร์กินเสร็จแล้วก็กลับไปนอนพักผ่อนเสียก่อน การร่ำเรียนวิชากุลสตรีหยุดไปชั่วคราวก่อนเถอะ เรียนให้รู้ ความคร่าวๆ ก็พอแล้ว อย่างไรสุขภาพร่างกายก็ย่อมสำคัญ ยิ่งกว่า

เหล่าสาวใช้รับคำ แล้วหันหลังเดินออกไปยกอาหาร เห ยาเยี่ยนอวี่อัดอั้นเรื่องในใจไว้มากมาย จึงทำให้กินอาหารได้ น้อย จากนั้นนางก็อ้างว่าไม่สบายตัวจึงขอตัวกลับไปก่อน

ตกเย็นมา สาวใช้ในเรือนหวางฮูหยินเข้ามาส่งสารว่า หยินเชิญคุณหนูรองไปพบ เหยาเยี่ยนอวี่พูดในใจ ท้ายที่สุดก็ ไม่อาจหลีกหนีเรื่องนี้ไปได้ ด้วยเหตุนี้ นางจึงแต่งตัวและแต้ม เครื่องประทินโฉมอย่างเรียบง่ายพร้อมให้ชุ่ยเวยติดตามสาว ใช้ผู้นั้นไปยังเรือนหวางฮูหยินด้วยกัน

เมื่อหวางฮูหยินเห็นนาง จึงพูดขึ้นด้วยวาจาทว่ากลับ ไม่มีความจริงใจ

เช่น “การที่เจ้าไปหาพี่ใหญ่ในครั้งนี้คือการไปเยี่ยมเยียน พี่ใหญ่ของเจ้าแทนข้าและท่านย่า ตอนที่พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ใน จวน นางทั้งรักและเอ็นดูเจ้า นางชื่นชอบนิสัยอ่อนโยนของเจ้า ไม่เหมือนน้องสามของเจ้าที่เจอเรื่องใดก็ล้วนกระวนกระวาย และตื่นตกใจ

“จวนโหวนั้นเป็นตระกูลที่เลื่องชื่อ ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งตระกูล โหวเป็นถึงเสด็จป้าของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน อีกทั้งยังบอกว่าองค์หญิงต้านั่งยังมีรูปโฉมงดงาม ฐานันดรศักดิ์สูงส่ง ตอนที่ เจ้าไปถึงที่นั่น ไม่ว่าจะทำการใดต้องรู้จักระมัดระวัง เชื่อฟังคำ พูดของพี่ใหญ่”

เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของเจ้า ข้าได้สั่งให้สาวใช้ จัดเตรียมเอาไว้แล้ว หากพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นอะไรขึ้นมา เจ้า อยู่ที่จวนโหวแทนพี่ใหญ่ของเจ้า แม้ว่าจะเสื่อมเสียเกียรติและ ชื่อเสียงไปบ้าง แต่ท่านผู้เฒ่าได้ปรึกษาหารือกับท่านโหว เรียบร้อยแล้ว รอให้ผ่านการไว้ทุกข์ของแคว้นแล้วค่อยหยวน ฝัง ถึงเวลานั้นค่อยเชิญแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดี เจ้า จะลำบากเพียงครึ่งค่อนปีเท่านั้น วันข้างหน้าเจ้าจะได้กลาย เป็นฮูหยินน้อยสามแห่งจวนโหว และเจ้าก็จะได้สุขสมกับลาภ ยศที่ไม่มีวันหมดสิ้น

การที่ต้องเผชิญหน้ากับคำพูดเหล่านี้ของมารดาเอกหวา งฮูหยิน เหยาเยี่ยนอวี่มีสิทธิ์เพียงแค่รับฟังเท่านั้น หากโต้เถียง กลับไป แน่นอนว่าหวางฮูหยินย่อมมีวิธีทำให้นางยินยอมแม้จะ ต้องฝืนใจตน ถึงเวลานั้นจะกลายเป็นเพียงตนที่ต้องอัปยศอดสู

หากอยากจะมีชีวิตที่อิสระ จำเป็นต้องออกไปจากจวน ข้าหลวงใหญ่เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่พอ ออกจากจวน ข้าหลวงใหญ่แล้วไปจวนติ้งโหว ในยุคสมัยนี้ การที่สตรีอยาก จะยืนด้วยลำแข้งของตนเองนั้น ช่างเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแม้แต่ น้อย

เมื่อหวางฮูหยินเห็นว่าเหยาเยี่ยนอวีไม่พูดสิ่งใด แค่พยัก หน้าเท่านั้น นางก็รู้สึกวางใจ
เพราะอย่างไรบุตรีอนุภรรยาผู้นี้ก็มีนิสัยไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าจะให้นางท่าสิ่งใดนางก็ทำสิ่งนั้น นอกจากชื่น ชอบที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในเรือนแล้ว ก็ยังชื่นชอบในการอ่าน ตำรา ไม่มีความชื่นชอบอื่นอีก

เดิมที่รู้สึกว่านางโง่เขลา ทว่าคิดไม่ถึงหลังจากที่นางอายุ สิบสามปี ตอนที่สั่งให้นางขึ้นมาช่วยงานในเรือนหลักนั้น การ พูดจาและทำงานช่างเป็นระเบียบ และรู้จักวางตัวให้เหมาะสม ตอนออกคำสั่งและจัดสรรหน้าที่ให้บ่าวรับใช้ก็สะสางอย่าง ชัดเจน เหล่าสาวใช้ล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี และไม่เคยผิด พลาดมาก่อน กิริยาท่าทางนั้นคล้ายบุตรีตระกูลสูงศักดิ์ นาง ยอดเยี่ยมยิ่งนัก แม้แต่ซอเหอ สะใภ้ของหลานชายที่เป็นคุณ หนูสามที่หยิ่งยโสแห่งจวนโหว เมื่อได้เห็นยังเอ่ยชมว่านาง ทำการยอดเยี่ยม ไม่เหมือนเป็นบุตรีอนุภรรยาแม้แต่น้อย

หากไม่เป็นเช่นนี้ หวางฮูหยินก็คงไม่วางใจส่งบุตรี อนุภรรยาไปจวนโหว อย่าเพิ่งกล่าวถึงผลประโยชน์ของตระกูล เลย หากนางทำการทำงานได้ไม่ดี มารยาทที่นางมีไม่อาจเชิด หน้าชูตาได้ ก็ถือว่าเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของจวนข้าหลวง ใหญ่แล้ว

สมัยโบราณ การสมรสล้วนเป็นคำสั่งของบิดามารดา คำ พูดขอของแม่สื่อ แม้ว่าเหยาเยี่ยนอวี่จะมีจิตวิญญาณที่ข้าม ภพมาจากศตวรรษที่ 21 ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงโชคชะตานี้ได้

หลังจากวันเกิดที่ครบอายุสิบหกปี เหยาเยี่ยนอวี่ตื่นตั้งแต่ ฟ้ายังไม่สว่าง ชุ่ยเวยปรนนิบัติรับใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับออกไปนอกเรือน จากนั้นนางได้ไปกล่าวอำลาท่านย่า ท่านพ่อและ ท่านแม่ บอกน้องสาวเหยาเหวี่ยหวา ให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้นจับมือของ เหนียงที่อยู่ด้วยกันนานอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วเดินวนเรือนหลังเล็กของตนไปรอบหนึ่ง จากนั้นพายเวย และบรรดาสาวใช้รวมถึงตัวจื่อคนสนิทออกไป

บุตรชายคนโตแห่งจวนข้าหลวงใหญ่เหยาเหยียนเป็นพา บ่าวรับใช้และสาวใช้ของทั้งสองเรือนมารวมกันสิบกว่าคน เพื่อส่งเหยาเยี่ยนอวี่เดินทางขึ้นเหนือไปเมืองหลวง ข้าวของ เครื่องใช้ที่นำไปนั้นวางเต็มเรือสินค้าทั้งสองชั้น

ชาวบ้านที่ท่าเรือเห็นเช่นนั้นล้วนพูดคุยกันว่าจวนข้าหลวง ใหญ่นั้นช่างใจกว้างมีน้ำใจกับบุตรียิ่งนัก คุณชายใหญ่เข้า เมืองหลวงเพื่อเยี่ยมเยียนน้องสาว เอาข้าวของไปมากมายถึง เพียงนี้ ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่างอีกฝั่งของเรือก ลับฝืนยิ้มด้วยความทุกข์ระทม ใครบ้างที่รู้ว่าสิ่งของที่อยู่บน เรือนั้นคือสินสมรสออกเรือนของตน

ทว่าสวรรค์ก็ยังเมตตากับนางอยู่บ้าง นับตั้งแต่ข้ามภพมา นั้นนางได้มีชีวิตที่สุขสบายนานกว่าสิบปี แม้ว่านางจะเป็นเพียง บุตรีอนุภรรยา แต่เพราะในตระกูลมีบุตรไม่มาก อีกทั้งท่านพ่อ ยังเป็นผู้ที่มีไหวพริบและเฉลียวฉลาด บุตรีมีไว้สมรส เชื่อมสัมพันธ์ย่อมถูกเลี้ยงภายในจวนอย่างดี ลงทุนลงแรงใน การอบรมบ่มเพาะ ตลอดสิบปีที่ผ่านมา นางจึงถือว่ามีชีวิตที่ สุขสบาย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ