หมอหญิงรวย

ตอนที่ 1 เมื่อเข้าจวนโหว (1)



ตอนที่ 1 เมื่อเข้าจวนโหว (1)

ปลายฤดูวสันต์ ณ จวนใต้เท้าเหยาซึ่งเป็นจวนพักอาศัยของเห ยาหยวนจือ ผู้เป็นข้าหลวงใหญ่ปกครองสองเมือง เวลานี้ บุปผาในจวนกำลังผลิบาน ต้นไม้ใหญ่และเงาไม้ไหวไปมาเกิด เป็นภาพร่ายรำกัน กลิ่นหอมบุปผาพัดโชยมาตามกระแสลม เป็นบรรยากาศที่ร่มรื่นยิ่งนัก

คุณหนูรองนามว่าเหยาเยี่ยนอวี่และน้องสาวของนางนาม ว่าเหยาเชยหวา ทั้งสองเดินตามติดกันออกไปจากเรือนหนึ่ง รุ่ย ซึ่งเป็นเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง และเดินอ้อมสวนหลังเรือน แล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนจิ้งรุ่ยที่เป็นเรือนนั่งเล่นของมารดาเอก หวางฮูหยิน

“พี่สาว ได้ยินมาว่าอาการของพี่ใหญ่ของพวกเรานับวันก็ ยิ่งแย่ลงไปทุกที” เหยาเหวี่ยหวากุมมือของเหยาเยี่ยนอไว้ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา

เหยาเขียนอนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นเปรยเสียงแผ่วเบา “พี่ใหญ่เป็นคนมีวาสนา อาการของนางต้องดีขึ้นอย่าง แน่นอน”

เหยาเชยหวาหันหลังกลับไปมองพวกสาวใช้และตัว จื่อ ที่กำลังเดินตามหลังอยู่ แล้วไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เมื่อครู่ ตอนที่อยู่ในเรือนของท่านย่า นางก็ได้ยินอย่างชัดเจน คนที่มาจากเมืองหลวงได้ส่งสารมาว่า พี่สาวที่เป็นบุตรคนโตของ มารดาเอกของพวกนางป่วยจนอาการทรุดหนักเกินเยียวยา เกรงว่าคงจะมีลมหายใจไม่พ้นฤดูร้อนนี้

พี่ใหญ่ที่เหยาเหวี่ยหวาเอ่ยถึงคือบุตรีภรรยาหลวงแห่ง จวนเหยา เหยาเฟิงเกอ

สามปีก่อน เหยาเพิ่งเกอได้สมรสกับบุตรชายคนที่สาม ของทิ้งโหว โดยมีภรรยาหลวงเป็นผู้ให้กำเนิด ในเวลา เดียวกันบุตรคนโตของติ้งโหว สตรีผู้มีนามว่าซอเหอก็ได้ สมรสกับบุตรชายคนโตของ ใต้เท้าหวางแห่งจวนเจียงหนึ่งคือ จ้าวซึ่งเป็นบุตรที่ภรรยาหลวงให้กำเนิด ซึ่งเป็นตระกูลเดิมของ หวางฮูหยิน ฮูหยินของข้าหลวงใหญ่ปกครองสองเมือง

การสมรสแบบสามเส้านี้เคยเป็นเรื่องมงคลที่น่าตื่นเต้น หยินผู้เฒ่าแห่งจวนติ้งโหวหรือองค์หญิงต้าจึงเป็นเสด็จป้าของ ฮ่องเต้ที่ขึ้นครองราชย์ในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ จวนติ้งโหวถือว่า เป็นพระญาติของราชวงศ์ จึงมีฐานะที่สูงศักดิ์กว่าผู้อื่น การ สมรสแบบสามเส้านี้ไม่เพียงแต่ขยายอำนาจของตั้งโหว อีกทั้ง ยังสามารถทำให้รากฐานในราชสำนักของตระกูลหวางและ ตระกูลเหยามั่นคงกว่าเดิม

เวลานี้ครอบครัวบุตรคนโตและสะใภ้คนโตของจวนเจียง หนังสือจ้าวได้มีทายาทซึ่งเป็นบุตรีให้กับตระกูลหวางแล้ว แต่พี่ สาวที่เป็นบุตรคนโตของเหยาเยี่ยนอวี่ เหยาเพิ่งเกอยังไม่มี อะไรในจวน อีกทั้งเวลานี้นางก็ล้มป่วยเจียนใกล้ตาย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งนัก มันอาจจะส่งผลกระทบต่อ อนาคตของข้าหลวงเหยาในราชสำนักได้ ดังนั้น เหยาเยี่ยนอ ที่เป็นบุตรคนรองจึงยึดติดกับหลักการ พูดมากก็ยิ่งผิดมาก นางจึงคงความเงียบขรึมและไม่พูดสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เรื่องที่นางทะลุมิติข้ามภพมาเป็นความจริง และการที่นาง อาศัยอยู่ในจวนนี้มากว่าสิบปีก็คือเรื่องจริง เพราะเหตุนี้ นาง ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ข้ามภพมาก็คงจะรู้ดีว่า คนเราไม่สามารถ ขัดขืนกับบรรทัดฐานทางสังคมได้ ก่อนหน้านี้ นางก็ได้เห็น นิยายหลายเล่มล้วนบอกเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวที่ทะลุมิติ มาอยู่ในยุคโบราณ และได้กลับมาเปลี่ยนโชคชะตาชีวิตของ ตัวเอง แต่พอนางมาเจอด้วยตัวเอง นางกลับรู้สึกจากใจจริงว่า ถ้าทุกอย่างมันเป็นไปตามนี้ สุดท้ายก็คงทำได้เพียงรีบสิ้นใจ เพื่อจะได้ไปผุดไปเกิดให้เร็วขึ้น

การใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดมากนัก เพียงต้องการให้อยู่อย่างสันติสุขจนกระทั่งแก่เฒ่า เหยาเยี่ย นอวกำลังขบคิดภายในใจอย่างเงียบๆ และนางก็ได้เดินมา ถึงที่หน้าประตูเรือนของหวางฮูหยิน

เวลานี้เป็นยามเซ็น[2] ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลามื้อค่ำ แต่ก็ ผ่านเวลานอนพักกลางวันมานานแล้ว

โดยปกติในเวลานี้ เรือนที่นี่จะค่อนข้างครึกครื้น ผัวจ๋อมัก เข้าออกเป็นประจำ เพื่อที่จะรายงานสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ไป จัดการ สะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองก็จะมานั่งอยู่ตรงหน้าท่านแม่ ในเวลานี้ บางครั้งก็มารายงานงานที่ได้รับมอบหมาย บางครั้งก็มานั่งคุยเล่นกันที่นี่

แต่วันนี้ ในเดือนนี้กลับเงียบสนิท บรรดาสาวใช้นั่งอยู่ใต้ ชายคาระเบียงอย่างเงียบๆ บ้างก็ยุ่งกับงานเย็บปักถักร้อยของ ตน บ้างก็นั่งนิ่งเพื่อที่จะรอฟังคำสั่งจากด้านใน

หลังจากที่เหยาเยี่ยนอวี่เข้ามาตรงหน้าประตูใหญ่ทางเข้า เรือน สาวใช้แต่ละคนก็เหยียดกายลุกขึ้น แล้วค้อมตัวลงเล็ก น้อย จากนั้นก็พูดขึ้น “น้อมทำความเคารพคุณหนูรองและคุณ หนูสามเจ้าค่ะ”

“ท่านแม่ยุ่งอยู่หรือไม่ เหยาเยี่ยนอวถามขึ้นเสียงเบา

สาวใช้ที่รู้งานที่สุดของหวางฮูหยินนามเงินจูจึงตอบกลับ เสียงค่อย “นายท่านกำลังคุยกับฮูหยินอยู่เจ้าค่ะ คุณหนูโปรด รอสักประเดี๋ยว ให้บ่าวเข้าไปแจ้งข้างในก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ

เหยาเยี่ยนอวี่คิดในใจ ไหนๆ ตนก็มาเยือนถึงที่นี่แล้ว จะ ให้กลับไปโดยที่ไม่พูดอะไรก็กระไรอยู่ ด้วยเหตุนี้ นางจึงพยัก หน้า

เงินจูจึงเข้าไปข้างในอย่างเงียบๆ ไม่นานนางก็ออกมา แล้วน้อมคำนับเหยาเยี่ยนอวี่และน้องสาว “ฮูหยินบอกให้คุณ หนูทั้งสองท่านเข้าไปได้เจ้าค่ะ” ในขณะที่พูด นางก็ยกมือขึ้น พร้อมเปิดม่านไม้ไผ่ออก เหยาเขียนออมยิ้มพลางกุมมือเหยา เชวี่ยหวาเข้าไปด้านในเรือน

เรือนที่นี่ไม่ใช่ห้องโถงหลัก เป็นห้องโถงด้านข้างของหวางฮูหยิน ปกติมีไว้นั่งเล่นเท่านั้น พอเข้าไปจะมีเก้าอี้นวมทรง เตี้ยที่วางอยู่ทางทิศเหนือ และทางทิศใต้มีโต๊ะเดี๋ยวางอยู่ ทั้ง สองข้างมีเบาะรองที่นั่งห่อหุ้มด้วยผ้าสีน้ำเงินเคล้าด่า และปัก ลายบุปผา อีกทั้งมีหมอนรองศีรษะ และหมอนหนุนหลัง ด้าน ซ้ายและด้านขวาต่างมีเก้าอี้เกือกม้าวางอยู่ข้างละคู่ ฟูกที่นั่ง สีน้ำเงินเคล้าดำปักลายบุปผาวางอยู่บนเก้าอี้ ตรงกลางมีโต๊ะ ไม้วางอยู่ บนโต๊ะมีกระถางไม้ประดับอันสวยงาม ของใช้ใน เรือนส่วนใหญ่ทำจากไม้จันทน์ที่เลอค่า

ใต้เท้าเหยาหยวนจือนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก หวางฮูหยินนั่งอยู่ ข้างขวา ทั้งสองต่างยกถ้วยน้ำชาขึ้น โดยที่ไม่เอ่ยคำใด

“น้อมคารวะท่านพ่อและท่านแม่เจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวีและ เหยาเชยหวาคำนับพร้อมๆ กัน

“นั่งเถอะ” เหยาหยวนจือไม่ได้เงยหน้าขึ้น แต่กลับจิบชา

ต่อด้วยความตั้งใจ

“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่และน้องสาวกล่าว ขอบคุณ จากนั้นพวกนางก็นั่งลงบนเก้าอี้สองตัวที่อยู่ด้านขวา

หวางฮูหยินวางถ้วยน้ำชาในมือลงข้างๆ จากนั้นก็มองเห ยาเยี่ยนอวี่พลางถามขึ้น “พวกเจ้ามาจากที่ใด

เหยาเยี่ยนอวี่จึงรีบตอบกลับ “มาจากเรือนของท่านย่า เจ้าค่ะ”

หวางฮูหยินไม่พูดอะไรเพิ่มเติมอีก จากนั้นเหยาหยวนจือจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วมองเหยาเยี่ยนอวีที่นั่งอย่างสง่างาม สีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

หลังจากนั้นก็มีสาวใช้ยกถ้วยน้ำชาสองถ้วยเข้ามาวางลง บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ระหว่างเหยาเยี่ยนอวีและน้องสาว จากนั้นก็ ถอยออกไปข้างนอก โดยไม่ส่งเสียงใดๆ เหยาเขียนอวี่ยกถ้วย น้ำชาขึ้น นางเพียงดมกลิ่นซา ทว่าไม่ได้ดื่ม ทั้งสี่คนที่อยู่ใน เรือนต่างก็อยู่ในความเงียบสงบ ไม่มีใครเอ่ยพูดสิ่งใดออกมา

ผ่านไปสักพัก หวางฮูหยินเปรยขึ้น คล้ายว่ากำลังพึมพำ กับตัวเอง “พี่ใหญ่ของพวกเจ้าป่วยเกรงว่าอาการคงไม่ดีขึ้น

เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกหม่นหมองใจ จึงปลอบโยน “ท่านแม่ อย่าได้กังวลใจไปเลย พี่ใหญ่เป็นคนมีวาสนา ในจวนโหว หมอหลวงคอยดูแล อาการของพี่ใหญ่ต้องดีขึ้นแน่นอนเจ้าค่ะ”

หวางฮูหยินมองเหยาเยี่ยนออย่างจนปัญญา นางถอน หายใจแล้วกล่าวพูดขึ้น “เจ้าช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ทันใดนั้นเอง เหยาหยวนจือก็หันไปถามหวางฮูหยิน “ปีนี้

เยียนเจี่ยเอ๋อร์อายุสิบหกแล้วใช่หรือไม่

หวางฮูหยินหยุดชะงักไป แล้วมองสีหน้าของเหยาหย่วน จือเพียงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ รอให้ผ่าน เดือนห้าซึ่งเป็นเดือนเกิดไปก่อน ก็ครบสิบหกแล้วเจ้าค่ะ

“อืม” เหยาหยวนจือไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นก็กลับไปครุ่นคิดอะไรบางอย่างเหมือนเดิม

เหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่รู้ เรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตของตน เวลานี้ ท่านพ่อที่ฉลาดหลักแหลมของนางกำลังครุ่นคิดเรื่อง ของนาง และได้ตัดสินใจโดยฉับพลันไปแล้ว

หวางฮูหยินผายมือ ให้เหยาเขียนอวี่และน้องสาว “พวก เจ้าทั้งสองกลับไปก่อนเถอะ ได้เวลาอาหารค่ำค่อยมา

“เจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวีและเหยาเหวี่ยหวาวางถ้วยน้ำชา ลง จากนั้นก็ค้อมตัว “ลูกขอตัวลาเจ้าค่ะ”

ม่านไม้ไผ่ดังขึ้นเสียงเบา สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเปิดม่าน ออก เหยาเยี่ยนอวี่พาเหยาเชวี่ยหวาเดินก้าวถอยหลังไปไม่กี่ ก้าวจนถึงประตู จากนั้นก็หันหลังเดินออกประตูไป แล้วพาสาว ใช้และตัวจื่อของตนกลับไปด้วย

หลังจากที่กลับถึงจวนของตน เหยาเยี่ยนอวี่วางพัดในมือ ลง นางเอนตัวลงพิงบนเก้าอี้กุ้ยเฟย[3] จากนั้นก็หยิบเอาตำรา ขึ้นมาอ่านเล่น

ไม่นาน ชัยเวยที่เป็นสาวใช้คนสนิทของนางก็เดินเข้ามา ในเรือนอย่างเงียบๆ จากนั้นก็สั่งให้สาวใช้สองคนที่อยู่ใน เรือนออกไป แล้วคุกเข่าลงข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่พลางพูดขึ้น ด้วยเสียงเบา “คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่บ่าวได้ยินหมัวมัว[4] ใน เรือนฮูหยินบอกว่านายท่านจะส่งตัวคุณหนูไปเมืองหลวง เจ้าค่ะ”
เปลือกตาของเหยาเยี่ยนอวี่กระตุกขึ้นมาในทันที จากนั้น นางเอ่ยถามเสียงค่อย “ข้าเป็นเพียงสตรีตัวคนเดียว จะให้ข้า ไปเมืองหลวงทำสิ่งใดเล่า

ชัยเวยกดเสียง ให้ต่ำลง “ครั้งนี้ อาการของคุณหนูใหญ่ คงจะไม่ดีขึ้นแล้ว แต่ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวดองกับจวนโหวกลับ ไม่สามารถตัดขาดกันได้…

“ไม่ใช่ว่ายังมีพี่สะใภ้ใหญ่หรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว ต่อให้พี่ใหญ่สิ้นใจไปแล้ว พี่สะใภ้ของครอบครัวท่านนายังคง เป็นคุณหนูลูกผู้ลากมากดีในจวนติ้งโหว ถึงจะเป็นญาติที่เกี่ยว ดองกันอย่างห่างๆ แต่ก็ถือว่าเป็นญาติที่เกี่ยวดองกันอยู่ ยิ่งไป กว่านั้น ตระกูลหวางและตระกูลเหยาต่างก็อยู่ในเจียงหนาน พี่ คนโตก็ได้สมรสกับหลานสาวของท่านแม่ ตระกูลเหยาและตระ กูลหวางเกี่ยวดองกันเยี่ยงนี้ ความสัมพันธ์ที่เป็นทองแผ่น เดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางแตกแยกกันอยู่ดี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ