อุบัติรักเหนือลิขิต

บทที่ 15 ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่



บทที่ 15 ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่

เถียนจิ้งโทรหาเถียนต้าตงอยู่ตั้งสามครั้งกว่าเขาจะรับสาย

“ฮัลโหล…”

แค่เสียงแหบแห้งของพี่ชายเพียงพยางค์เดียว เถียนจิ้งก็รับรู้ ได้ทันทีว่าสถานการณ์ที่เมืองนอกของพี่ชายไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ นัก เธอถามเขาออกไปด้วยความกังวล “พี่ชาย พี่เป็นอะไรไปน่ะ? ทำไมเสียงดูเหนื่อยล้าขนาดนั้น?

ทันทีที่เถียนต้าตงได้ยินเสียงของน้องสาว ก็อึ้งไปสองวินาที ถึงจะตอบว่า “จิ้งจิ้ง พี่ไม่ได้เป็นอะไร สบายดีมาก

เถียนจิ้งจึงยังคงถามต่อด้วยความกังวล “พี่ชาย รูปที่พี่ส่งมา ให้แม่ดูฉันเห็นแล้วนะ พวกเรารู้สึกว่าสีหน้าของพี่ดูไม่ค่อยดีเท่า ไหร่ อยู่ที่นั่น สบายดีจริงๆเหรอ?”

เถียนต้าตงยิ้มเบาๆ เสียงยังคงแหบแห้งอยู่เหมือนเดิม แต่ว่า ไม่ได้ดูเหนื่อยล้าเหมือนเมื่อกี้แล้ว “ยัยน้องสาวชื่อซื้อของพี่ ไม่ ต้องเป็นห่วงหรอก พี่สบายดีมากๆ ที่สีหน้าไม่ค่อยดี ก็คงเพราะ ว่าพอถึงมหาลัยแล้วมีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะมาก เหนื่อยกับ การออกแบบทั้งคืน อาจจะต้องรออีกซักพักให้ปรับตัวกับที่นี่ได้

เถียนจึงคิดอยู่ครู่นึงก็คลี่ยิ้มออกมา “โอเค พี่บอกว่าสบายดี สบายดี แต่สิ่งที่ฉันอยากบอกพี่ก็คือ ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ได้ สนับสนุนให้พี่ไปทำตามฝัน แต่ว่าฉันสนับสนุนพี่ตลอดนะ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ฉันกับแม่ใหญ่ก็จะสนับสนุนพี่ ถ้าเกิดว่าอยู่ที่นั่นแล้ว เจอปัญหาอะไรก็ตาม พวกเราก็จะช่วยเหลือให้ถึงที่สุด ถ้ามอง จากมุมของเธอ ทุกๆคนต่างมีสิ่งที่ตัวเองอยากทำ การที่พี่ชายไป ทำตามฝันของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรเลย

ในอีกฝั่งของมหาสมุทร เธอไม่สามารถเห็นได้ว่า หลังจากเธอ พูดประโยคเมื่อกี้ออกไป ใบหน้าของพี่ชายก็เต็มไปด้วยความ ละอายใจ เขาเงียบอยู่หลายวินาที ก่อนจะตอบอย่างซึ้งใจว่า “จิ้ง จิ้ง ขอบคุณมากนะ พี่โชคดีมากที่มีน้องสาวที่ความคิดดีแบบเธอ ตอนที่พี่ไม่อยู่บ้าน ฝากดูแลแม่ด้วยนะ”

เถียนจิ้งยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน “ดูเกรงใจเข้าสิ ฟังแล้ว อารมณ์เสีย อยู่เมืองนอกอย่ามัวแต่เป็นหนอนหนังสือนะ ใน ฐานะที่ฉันได้เลือดพ่อมาเต็มๆ จึงขอบ่นอะไรแทนเขาหน่อย เรื่อง การมีทายาทสืบต่อตระกูลเถียนของเราเนี่ยก็ต้องเป็นหน้าที่ของ พี่นะ แล้วอีกอย่างอายุพี่ก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว รีบหาแฟน แต่งงาน มี ลูก เข้าใจไหม?”

เธอเลียนแบบสำเนียงของพ่อได้เหมือนเป๊ะ

เถียนต้าตงหัวเราะออกมา แล้วเสียงแหบแห้งของเขาก็ตอบ กลับมาเบาๆ “เข้าใจครับเข้าใจ ผมจะรีบมีให้เร็วที่สุดนะ

พอได้ยินน้ำเสียงที่เริ่มเปลี่ยนไปของพี่ชาย ดวงตาของเถียน งก็เริ่มเป็นประกายขึ้นมา “มีเป้าหมายแล้วเหรอ?”

เถียนต้าตงตอบแบบไม่ต้องคิด “ใช่” เป้าหมาย มีมาตั้งนานแล้ว
เถียนจึงยิ้มอย่างมีความสุข แล้วเธอก็พูดจาหยอกล้อว่า “งั้นก็ ต้องพยายามหน่อยนะ จีบผู้หญิงเนี่ย ถ้าเจอปัญหาเมื่อไหร่ อนุญาตให้รบกวนฉันได้ตลอดเวลา ฉันEQสูงจะตาย จะจัดการ สิ่งที่มากีดขวางเส้นทางความรักของพี่ชาย ให้ราบคาบ

เถียนต้าตงหัวเราะออกมาอีกครั้ง “โอเค พี่จะพยายามเต็มที่ เดี่ยวครั้งหน้ากลับประเทศไป จะพาพี่สะใภ้ไปแนะนำให้รู้จัก

“ดีมาก”

“ใช่สิ แล้วเธอสบายดีไหม? ซูดีกับเธอไหม?”

สบายดี เมื่อคืนมีงานข้อตกลงลูกผู้ชาย อบรมเกี่ยวกับ อารมณ์ความรู้สึกกับพี่ชายแล้วนั้น เถียนจึงไม่เคยปิดบังอะไร เลย

พอเถียนต้าตงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจ “ถ้างั้นก็ดีแล้ว พี่จะได้ สบายใจ”

สองพี่น้องคุยกันต่ออีกซักพักก็วางสาย

เถียนต้าตงที่อยู่ที่ฝรั่งเศส หลังจากวางสายแล้วนั้น มีหน้าที่ เขาพยายามซ่อนไว้เมื่อกี้ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาถอน หายใจยาว เขานั่งอยู่ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาล เอาศอก ไว้ที่หัวเข่าพร้อมเอามือสองข้างปิดหน้าอย่างละอายใจ ไม่ว่าจะ พยายามกดความรู้สึกไว้ยังไงก็กดไว้ไม่ได้”

เถียนจึงกลับมาที่ห้องรับแขก แล้วก็นั่งคุยกับหยูจึงหญิงอยู่ นาน ช่วยพูดเรื่องพี่ชายให้เธอสบายใจ พอแม่ใหญ่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกวางใจ

ซูคุยกับเถียนไม่เรียนอยู่ในห้องอ่านหนังสือจนถึงเวลา อาหารกลางวัน

เถียน โม่เขียนเดินลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าสบายใจ สภาพ จิตใจของเขาแตกต่างจากตัวเองเมื่อสองชั่วโมงก่อนอย่างกับ คนละคน

เถียนจึงแค่มองก็รู้แล้วว่าทั้งสองคนน่าจะเจรจากันได้อย่าง ราบรื่น เธอมองไปที่ผู้ชายที่ยืนสูงตระหง่านดูเคร่งขรึมที่อยู่ข้างๆ ความซาบซึ้งใจปรากฏออกมาทางสายตาของเธอ

ซูยรับรู้ถึงความรู้สึกของเธอ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ดึง เก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างเป็นสุภาพบุรุษ

พอเถียน โม่เชียนกับหยูจิงหญิงเห็นการกระทำของซูเมื่อกี้นี้ก็ ยิ้มออกมา

แต่เหอหย่าที่เห็นดังนั้น สายตาก็เต็มไปด้วยความชัง แต่ว่า เธอก็สามารถซ่อนสีหน้าได้อย่างไว แล้วก็ยิ้มต้อนรับให้ทุกคนมา ทานข้าว

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้ถือว่าอบอุ่นและกลมกลืน ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ถือว่ากระอักกระอ่วนเท่าไหร่

เถียน โม่เขียนพยายามทำให้บรรยากาศคึกคัก โดยการหา เรื่องมาชวนซูยี่คุย

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่ก็ตอบกลับอย่างมีมารยาทตลอด

หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ เถียน โม่เรียนก็รู้สึกดีกับ ลูกเขยคนนี้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ

ระหว่างทางกลับบ้าน

ซูซี่กับเถียนจิ้งนั่งอยู่ที่เบาะหลัง

ทั้งสองคนนั่งห่างกัน แล้วก็ต่างมองดูวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง

ผ่านไปซักพัก เทียนจิ้งก็ทำลายความเงียบ เธอเป็นคนเปิดเผย และตรงไปตรงมา รู้สึกว่าอะไรที่ควรจะแสดงออก ก็ควร แสดงออกมา “คุณซูคะ ขอบคุณเรื่องกู้ธนาคารด้วยนะ

ในตอนนี้ เธอแสดงความรู้สึกขอบคุณออกมาจากใจจริง ขอบคุณที่คุณชูให้เกียรติเธอ แถมยังออกปากจะช่วยเหลือเรื่องนี้ ด้วยตัวเอง

ซูเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เถียนจิ้งรออยู่ซักพัก แล้วก็ดึงแขนเสื้อเขาเบาๆ “คุณซูคะ? ฉัน พูดกับคุณอยู่ ได้ยินไหม?”

ทันใดนั้นซูก็ได้สติกลับมา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา เหมือนถูกเมฆปกคลุมอยู่ ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมามองเถียน งด้วยสายตาอึมครึมและบอบช้ำ

เถียนจิ้ง ใจสั่น เธอเสียวสันหลังวาบ สายตาของเขามันน่า กลัวเกินไปแล้ว แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้สังเกตอะไรต่อ สายตาของเขาก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

นิ้วของเธอยังคงจับอยู่ที่แขนเสื้อของเขาอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาที่ สดใสของเธอเต็มไปด้วยความสับสน

หลังจากนั้น ก็ยื่นมือไปกุมมือของเธอไว้ราวกับว่าต้องการ ปลอบให้เธอหายตกใจ แล้วก็เอ่ยออกมานิ่งๆด้วยเสียงแหบแห้ง ว่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอก

เถียนจิ้งมองตาเขา ราวกับว่าต้องการหาสายตาเมื่อกี้นี้ แต่ว่า ตอนนี้สายตาของเขากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ราวกับว่า สายตาที่อึมครึมน่ากลัวเมื่อกี้เป็นเพียงแค่ภาพหลอนเท่านั้น

เธอยังคงสงสัย เมื่อกี้เขากำลังคิดอะไรอยู่กันนะ? เมื่ออดีตเขา เคยผ่านอะไรมาถึงได้ปรากฏออกมาทางสายตาแบบนั้น?

อากาศช่วงต้นฤดูร้อนจะเปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อย ตอนเช้าก็ แดดออก แต่ว่าตอนนี้ อยู่ดีๆ ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆครึ้ม

ปัง

วินาทีต่อมาก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่น

อากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้น่ากลัวมาก แถมยังมีเสียงฟ้าร้อง ทะลุเมฆครึ้มออกมาอีก

เถียนจึงยังไม่ทันจะได้มีปฏิกิริยาอะไร อยู่ๆผู้ชายด้านข้างก็ดึง เธอไปกอดไว้ในอ้อมอกอย่างแน่น แล้วก็พูดกระซิบออกมาเบาๆ ว่า “ไม่ต้องกลัว…ผมอยู่นี่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ