บทที่ 7 เพื่อนร่วมงานหน้าคุ้น
“ทุกคนคะ เป็นที่ทราบกันดีว่าร้านเราพนักงานไม่พอ ดังนั้น จึงเปิดรับพนักงานใหม่และวันนี้เป็นวันเริ่มทำงานวันแรกของเธอ พี่ขอแนะนำสมาชิกใหม่เลยละกันนะ”
หน้าตายิ้มแย้มของพรินที่กำลังจะแนะนำพนักงานคนใหม่ของ ร้าน ซึ่งเข้ามาทำงานวันแรก สายตาของทุกคนในนั้นต่างเฝ้ารอ สมาชิกคนใหม่ด้วยความตั้งใจ ก่อนที่เสียงฝีท้าวค่อยๆ ก้าวออก มา พร้อมรอยยิ้มที่ร่าเริงสดใส เมื่อสายตานันทิชาจับจ้องไปยัง เพื่อนร่วมงานคนใหม่กับต้องประหลาดใจ เพราะใบหน้าที่ แสดงออกถึงความสดใสนั้นคือคนคุ้นเคยที่เห็นหน้ากันทุกวันใน รั้วมหาลัย
“พริม! นี่ เธอ…” นันทิชาดวงตาเบิกโพลงด้วยความแปลก ประหลาดใจ ยังไม่ทันที่นันทิชาจะพูดจบ
“ทุกคนคะ นี่คือพริมเพื่อนร่วมงานใหม่ของพวกเราในวันนี้ พี่ หวังว่าพวกเราจะปรับตัว และสามารถแนะนำการทํางานให้เพื่อน ร่วมงานคนใหม่ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร อ่อ ทิชาพี่รู้ว่าเธอสนิท กับพริม ดังนั้นพี่ฝากด้วย ขออย่างเดียวตั้งใจทำงาน อย่า พยายามทำปัญหา เข้าใจใช่ไหม” สายตาสุดท้ายของเจ้าของ ร้านจับจ้องมาที่ทั้งสอง
“เข้าใจค่ะ” สองเสียงผสานตอบรับพร้อมกัน
“แยกย้ายทํางานค่ะ” สิ้นเสียงเจ้าของร้าน พนักงานทั้งหมดต่างแยกย้ายกันออกมาทำหน้าที่ของตนก่อนร้านจะเปิด
“นี่พริม เธอเข้าทำงานที่นี่ได้อย่างไร นี่ฉันสับสนไปหมดแล้ว” นันทิชาปรี่เข้าไปหาเพื่อนสาว ที่จู่ๆ ก็โผล่มาทำงานที่เดียวกัน เสียดื้อๆ จนเธอคาดไม่ถึง
“ทิชา ปล่อยก่อน มันแปลกตรงไหนที่ฉันจะมาทำงานกับเธอ ที่ เดียวกับเธอ”
นันทิชานิ่งทบทวน ใช่สิมันน่าแปลกตรงไหนกัน เพียงแค่สาว ร่างอวบเอ่ยปากกับเจ้าของร้านเพียงคำเดียว หญิงชราคงรีบ ตอบรับในทันทีเปรียบเสมือนได้คนไว้ใจมาทำงานเพิ่มอีกคน เพราะเจ้าของร้านเห็นเธอป้วนเปี้ยนมาหานันทิชาอยู่หลายปีนั้น คงไม่แปลกอะไรมากกระมัง
“แล้ว….นี่ เธอคิดยังไง ถึงมาทำงานหาเงินเอง
นันทิชายังคงสงสัยและดูจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับเธอ ที่ อยู่ๆ เพื่อนจอมเพี้ยนคิดหางานทำ ช่างสวนทางกับนิสัยของพริ มอย่างสิ้นเชิง ที่วันๆ เอาแต่พูดมาก ยิ่งเกี่ยวกับเรื่องเรียนแล้วขึ้ เกียจตัวเป็นขน ดีที่ว่าเวลาสอบคราใดคะแนนออกมาสูงลิ่ว โด่งเพื่อนร่วมชั้น
“นี่ทิชา บ้านฉันก็ไม่ได้รวยนะ แต่ที่ผ่านมาฉันขี้เกียจเอง โดน แม่กับป้าบ่นทุกวันจนหูซาฉันไม่รู้จะไปทำงานที่ไหน ก็เลยแวะมา คุยกับพี่รินดู ดีที่พี่รินต้องการคน มันจะแปลกก็ตรงที่ฉันไม่ได้ บอกเธอก่อนเท่านั้นแหละ
นันทิชาพยักหน้าสนใจฟังสิ่งที่คนอวบสาธยายยาวเหยียดจนร่างบางต้องเผยรอยยิ้มออกมา เพราะท่าทางจริงจังของพริมนั้น ดูน่าขบขันไม่น้อยทีเดียว เธอมักจะทำอะไรแปลกๆ ตามใจตัว เองเสมอและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นันทิชาเจอ แต่ร่างบางไม่เคยชิน กับการกระทําแปลกๆ ของเธอสักครั้ง
วันนี้เป็นการทำงานวันแรกของพริมลูกค้าในร้านก็มากมาย เหมือนเช่นทุกๆ วัน จดออเดอร์โต๊ะนั้น เสิร์ฟโต๊ะพนักงาน ทุก คนดูวุ่นวายกันหมด สมกับเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในย่านนั้น ทั้งสองทำงานจนร้านปิด ล่ำลาเพื่อนร่วมงานและรับซองขาว เสร็จ จึงพากันเดินมารอรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน
“พริม เป็นยังไงบ้าง” นันทิชาถามพร้อมเอามือน้อยๆ ค่อยๆ ลูบหลังเพื่อน
“เหนื่อยสิ นี่แค่พูดฉันยังเหนื่อยขากล้ามือก็ไม่มีแรง จะมีแรง กลับบ้านหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
พริมพยายามทุบแขนของตัวเองอย่างเบาวนไปวนมาช้าๆ เพื่อ คลายความปวดเมื่อย นันทิชาเผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา นึกถึงวัน แรกที่เธอเข้ามาทำงาน สภาพเธอเองก็ไม่ต่างจากพริมตอนนี้เท่า ไหร่นัก สะบักสะบอมเหมือนได้ฟัดกับลูกหมามายังไงอย่างนั้น
“วันแรกก็แบบนี้แหละ
นันทิชาพูดปลอบใจ พริ้มพยักรับหน้าเบาๆ หน้าตาบ่งบอกว่า เธอเหนื่อยล้า เพราะผิวหน้าที่ซีด ผมดูยุ่งเหยิง มีเหงื่อไหลแซม ออกมา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้โกหก นันทิชาตบไหล่เบาๆ ก่อน ทั้งสองจะพากันขึ้นรถแยกย้ายกลับบ้านยังดีที่ร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนนที่พลุกพล่าน มีสายรถเมล์ลึกๆ วิ่งผ่าน เธอจึงประหยัดเงิน ค่าแท็กซี่ได้มากโข เพราะเงินแต่ละบาทนั้นหมายถึงอนาคตของ เธอ เพื่อนร่วมมหาลัยหลายคนมีชีวิตที่ต่างจากเธอราวฟ้ากับเหว กระเป๋าใบหนึ่งของพวกหล่อนอาจเท่ากับเงินที่เธอทำงานมาทั้งปี จุดหมายเดียวที่เธอตั้งไว้คือการเรียนให้จบ มีงานที่เงินเดือนเพิ่ม ขึ้นและได้ใช้ชีวิตที่เหลือดูแลผู้เป็นบิดา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ