ลิขิตรัก ในกรงแค้น

บทที่ 4 มัดมือชก



บทที่ 4 มัดมือชก

“เหนื่อยไหม ทิซา” หญิงสูงอายุเจ้าของร้านเดินเข้ามาพร้อม กับซองขาวทีนันทิชาได้รับเป็นสดกลับมาเหมือนเช่นทุกๆ วัน สาวน้อยยิ้มส่ายหน้าพลางยื่นมือรับซองมาวันนี้ที่ร้านลูกค้าไม่ น้อยเลยทีเดียว นันทิชากวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อนร่วมงาน ต่างพากันเปลี่ยนชุด บ้างเตรียมเดินเข้ามารับเงิน บ้างแต่งแต้ม ใบหน้าหลังจากเสร็จงาน

พนักงานเสิร์ฟสี่คนไม่สามารถต้อนรับลูกค้าได้ดีเท่าที่ควร แต่ กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ลูกค้าถึงกับไม่พอใจ พนักงานคนใหม่ที่พี่ริน รับเข้ามาจะเริ่มทำงานในอีกสามวันข้างหน้าถ้าเวลานั้นมาถึง นันทิชาและเพื่อนร่วมงานจะมีคนมาช่วยแบ่งเบาและเหนื่อยน้อย ลงกว่าเดิม

ห้าทุ่มคือเวลาเลิกงานของเด็กสาวที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความฝัน มันไม่หรูหราสําหรับใครหลายคน แต่สำหรับเธอนั้นเธอเรียกมัน ว่า “โอกาส” ก่อนที่ความคิดนั้นจะจางหายนันทิชาหันไปเห็น เพื่อนรักอย่างพริมกลับโผล่หน้ามาหาเธอในเวลานี้ หญิงร่าง อวบเดินวนรอนันทิชาอยู่หน้าร้าน ในความเป็นจริงเพื่อนตัวแสบ นั้นควรกลับบ้านไปหลังเลิกเรียน แต่ทว่ากลับมาทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ในเวลานี้ นันทิชาเดาได้ทันที ว่าหญิงร่างอวบจะต้องหาทาง ทําเรื่องแปลกๆ อีกเป็นแน่

“นั่นไง เพื่อนของเธอมารอแล้ว” หญิงเจ้าของร้านหันมายิ้มบอกนันทิชา หลังจากดูพฤติกรรมของหญิงร่างอวบไม่นานนัก

“ถ้าอย่างนั้น ทิชาขอตัวกลับนะคะ” นันทิชาหันมาบอกเจ้านาย ด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยความเกรงใจ ก่อนที่หญิงเจ้าของร้าน พยักหน้ายิ้มรับ พร้อมกับหันไปหยิบสลัดผักที่ห่อไว้อย่างดี ยื่น ให้

“เอาไปกิน เหลือไว้ก็ทิ้งเปล่าๆ ” มือเรียวเล็กเอื้อมไปหยิบ พลางก้มตัวลงเล็กน้อย

“ค่ะพี่ริน” ก่อนจะยกมือไหว้ ด้วยมารยาทที่นอบน้อม “นี่ ช้า ๆ หน่อยสิ เธอจะพาฉันไปไหนพริม!” นันทิชาหยุดเดิน เมื่อถูกเพื่อนสาวกึ่งจูงถึงลากเธอ ตั้งแต่หน้าร้านและมาหยุดตรง ฟุตบาทริมถนน

“แท็กซี่” พริมกวักมือเรียกแท็กซี่ คันที่วิ่งมาถึง โดยทำเหมือน ไม่ได้ยินคําถามของนันทิชา สาวร่างอวบเปิดประตูรถได้ จึงหัน มาจับร่างของนันทิชายัดเข้ามานั่งในรถทันที ตามด้วยตัวอวบ อ้วนของเธอพยายามเบียดดันร่างบางของนันทิชาจนเธอต้อง ขยับเข้ามาด้านใน

“ปัง” เสียงปิดประตูดังขึ้น บรรยากาศเงียบมีเพียงเสียงเพลง คลอเบาๆ เท่านั้น พริมค่อยๆ หันมองหน้าเพื่อนอย่างเพื่อนๆ หลังพบกับดวงตากลมโตที่เวลาไม่พอใจยิ่งทำให้ดูน่ากลัว หญิง สาวผู้ทำผิดกลืนน้ำลายเชือกใหญ่

“วันนี้ฉันจะพาเธอไปปลดปล่อยไง” พริมละล่ำละลักพูดแก้ ให้ ตัวเองพ้นผิดแบบติดๆ ขัดๆ
“แล้วทำไมต้องลากฉัน นี่มันดึกมากแล้วนะพริม” ถึงแม้ฉันที ชาจะไม่แสดงอาการโกรธออกมาอย่างชัดเจน แต่น้ำเสียงที่เปล่ง ออกมานั้นทําให้คนอวบก้มหลับตาปี

“ก็ถ้าบอกเธอตรงๆ เธอก็ไม่ไปน่ะสิ เดี๋ยวเธอก็อ้างโน่นอ้างนี้ อ้างว่าเปลืองค่ารถ ไม่ไปกับฉันอีก” พริมพยายามรวบรวมความ กล้าก้มหน้าก้มตาพูด แม้ในใจไม่ได้รู้สึกผิดอะไรมากมายนัก เพียงแต่เวลานี้บีบคั้นหัวใจช่างชวนอึดอัดจนบรรยายไม่ถูก

“แล้วมันสำคัญอะไรขนาดที่เธอต้องลากฉันมา แล้วยังจะขึ้น แท็กซี่อีกไม่เสียดายเงินบ้างหรือ” นันทิชามองหน้าเพื่อนสาวที่ พยายามก้มหลบหน้าหลบตา

“ถ้าไม่ขึ้นแท็กซี่ก็ไปไม่ทันพอดี ก็ฉันบอกป้าให้เตรียมของไว้ หมดแล้ว แล้วถ้าฉันพาเธอไปไม่ได้ ป้าจะต้องเสียใจ” พริมให้ เหตุผลเพื่อให้นันทิชาเห็นใจป้าของตน และยอมไปแต่โดยดี ซึ่ง คนอวบไม่ต้องการฟังคำถามที่น่าอึดอัดเช่นนี้ ความจริงแล้วพริม ผู้หญิงแสนสดใสร่าเริงเพียงแค่ต้องการปลดปล่อยหลังสอบเสร็จ เท่านั้น แต่เหตุผลเท่านี้ไม่เพียงพอที่นันทิชาจะฟังหล่อน คนถูก ลากมาได้แต่ถอนหายใจเมื่อถูกเพื่อนรักมัดมือชก คนอวบมักจะ ทําอะไรตามใจตัวเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คือเพื่อนที่ดีที่สุด ของนันทิชา

“จอดหน้าบ้านหลังนี้แหละค่ะ” เสียงพริมบอกคนขับ พลางยื่น มือจ่ายเงินค่าโดยสาร นันทิชาจึงหันมองเข้ามายังตัวบ้านอย่าง แปลกตา บ้านหลังใหญ่โตเปิดไฟสว่างจ้าเกือบทั้งหลัง พอให้ เห็นสวนหน้าบ้านและรอบๆ ถูกจัดแต่งอย่างดีแสดงถึงการเอาใจใส่ของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก หญิงสูงอายุที่ยืนรออยู่ใน รั้วเห็นเป็นจังหวะดี จึงเปิดรั้วให้ทั้งสองสาวเดินเข้าไป โชคดีที่ เวลานี้แม่บ้านอีกคนพักผ่อนได้พักผ่อนไปแล้ว

“สวัสดีค่ะ” นันทิชายกมือไหว้ ผู้สูงอายุยิ้มละมุนและรับไหว้ แบบฉบับผู้ใหญ่ใจดี ก่อนจะหันมองซ้ายและขวาเพื่อสังเกตด้วย กลัวว่าจะมีใครมาพบเข้า

“ทั้งสองคนตามป้ามานะ” ป้านารีบพาหลานและเพื่อนเดิน อ้อมเข้ามายังเรือนคนใช้ นันทิชาสังเกตบริเวณรอบบ้าน ข้าง นอกว่าใหญ่โตแล้ว ข้างในนั้นใหญ่โตยิ่งกว่า มีบ้านพักรับรอง อีกสองหลังแยกออกจากเรือนใหญ่ ทางเท้าที่เดินเข้ามาปูด้วย หินอ่อน ขนาดเรือนคนใช้ที่เห็นด้านหน้า ยังดูสะอาดสะอ้าน ต้นไม้ทุกมุมถูกจัดแต่งอย่างสวยสดงดงาม ทำให้บ้านทั้งหลัง ร่มรื่นและน่าอยู่เป็นอย่างมาก แสงไฟยามค่ำคืนเป็นแสงสีส้ม ละมุน อย่างกับหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกตื่นตาตื่นใจ เป็นอย่างมาก

เสียงโทรศัพท์มือถือทำให้แทนคุณละจากการสนทนากับ พนักงานของบริษัทอยู่ในร้าน พลางล้วงกระเป๋ากางเกงด้านข้าง หยิบมือถือที่กำลังสั่นขึ้นมา กดรับ

“ครับ ม่าน” เขาหมุนเก้าอี้ตัวโปรดหันไปอีกด้านหนึ่ง

“แทนอยู่ไหนคะ ออกมาทานข้าวเย็นกับม่านได้ไหม” เสียง ปลายสาย ทำให้แทนคุณหลุดยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย โดยไม่ สนใจพนักงานที่กำลังร่วมคุยงานอยู่อีกสองถึงสามคน ซึ่งต่างมองหน้าแล้วพากันอมยิ้ม พวกเขารู้ได้ในทันทีว่าเจ้านายสนทนา กับผู้หญิงคนใดโดยไม่ต้องเอ่ยถาม

“ม่านมาที่ร้านสาขาสามของผมได้ไหมพอดีผมติดคุยงานอยู่ แทนคุณพยายามเก๊กหน้านิ่ง เมื่อหันไปสบตากับพนักงานหนึ่ง ในนั้นกำลังอมยิ้มกรุ้มกริ่มมองเขาอยู่

“ได้ค่ะ ม่านกำลังออกจากบ้าน ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่ร้านนะคะ

“ครับ” แทนคุณหันกลับไปคุยงานต่อ แม้จะมีเสียงกระเซ้าเย้า แหย่ดังประโคมเข้ามาหลังจากวางสายเพื่อนสาวไป แต่เขาก็ สามารถจัดการกับพนักงานจอมจุ้นพวกนั้นได้อยู่หมัดเพื่อคุยงาน ต่อจนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นหันมารอเพื่อนสาวอยู่บนโซฟาหรูใน ร้าน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ