บทที่ 12 นี่คือบริษัทของผม
“ทำไม ผมจะกลับมาเอาข้าวของของตัวเองไม่ได้เหรอ?”
จางผิงมองไปที่หลี่จิน แล้วพูดเบา ๆว่า “ไอ้จำหลี แค่คุณได้ เป็นหัวหน้า คุณก็ทําเหมือนทั้งบริษัทเป็นของตนเองเลยหรือ?”
“บังอาจ คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ พวกคุณทำอะไร กันอยู่ ยังไม่รีบไล่เขาออกไป!? ไอ้ขยะไร้ประโยชน์อยู่ที่นี่ดันแต่ จะก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และหากทำให้เจ้านายคน ใหม่โกรธ พวกคุณไม่สามารถรับผิดชอบผลที่ตามมาได้?”
หลี่จินเปล่งเสียงราวกับเป็ดตัวผู้ จ้องมองผู้คนที่อยู่รอบ ๆ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าตนเองจะไม่สามารถเอาชนะจางผิงได้ ตอนนี้ตนเองก็จะลงมือจัดการเอง
แม้ว่าพนักงานชายหลายคนจะไม่เต็มใจ แต่เพื่อไม่อยากล่วง เกินไอ้าหลี่ พวกเขาทำได้เพียงแค่เดินไปที่ด้านจางฝั่ง ชาย คนหนึ่งที่เป็นคนซื่อ ๆเตือนเขาด้วยความหวังดีว่า “จางผิง ช่าง มันเถอะ คุณเป็นคนที่มีความสามารถ อย่างมากก็แค่เปลี่ยน บริษัทใหม่ ไม่จำเป็นต้องต่อกรกับไอ้จำหลี คุณไม่สามารถ เอาชนะเขาได้หรอก”
จางฝั่งยิ้มให้ชายคนนั้นอย่างเป็นมิตร ชายคนนั้นชื่อโจวเก่ แม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถอะไรมากนัก แต่เขาเป็นคนจิตใจ งดงาม และเป็นคนซื่อตรง เคยช่วยเหลือเขาหลายครั้ง
“โจวเก๋ คุณวางใจได้ ผมไม่ได้มาหาเรื่อง ผมมาที่นี่เพื่อเอา ของบางอย่าง เมื่อได้ของแล้วผมก็จะไป
“อ้ยหยา นายอย่าโง่ จะบอกตามตรงว่า อีกสักครู่เจ้านายคน ใหม่กำลังจะเข้ามาบริษัท ไอ้หลี่บอกว่ายังไงก็ไม่ให้คุณเข้า มาบริษัท เอาอย่างนี้ ของของคุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปเอามันออก มาให้ ถ้าหากไปแหย่ไอ้าหลี่ คุณจะเสียเปรียบนะ
โจวเก๋ ไม่ยอมแพ้ ยังอยากจะห้ามปรามจางผิง ถ้าทำให้ได้จำ หลี่โกรธ เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง และเขาอาจจะส่งคนไป เอาทําร้ายจางผิง มันได้ไม่คุ้มเสีย!
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว ผมจะยืนรออยู่ห่าง ๆ หลังจากที่คุณเสร็จ ธุระแล้ว ผมก็จะกลับมาแล้วคุณช่วยเอาของออกมาให้ผม
เพื่อให้โจวเถหมดกังวลในตัวเอง จางฝั่งก็เลยต้องออกไป
ก่อน อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซุนอวี่มาถึง เขาจะติดต่อตนเอง มัน
แค่เป็นช่วงเวลาประเดี๋ยว
เมื่อเห็นว่าจางผิงเดินจากไป หลี่จินก็คิดในใจ ถือว่าไอ้หมอนี่ รู้จักเอาตัวรอด!
หลังจากจางผิงเดินจากไปประมาณสิบนาที มีรถเมอร์เซเดส เบนซ์ใหม่เอี่ยมจอดอยู่หน้าอาคาร ชายวัยกลางคนในชุดสูท มุ่ง หน้าเดินมาตรงที่ทีมงานยืนต้อนรับอยู่
เมื่อหลี่จินเห็นคน ทันใดนั้นความปีติก็ปรากฏขึ้นในดวงตา เขาก็รีบเดินไปต้อนรับ เหมือนหมาที่ขี้ประจบสอพลอ
“ประธานชม คุณมาแล้ว! เชิญครับ เชิญครับ!”
นอกล่าวมค่หนึ่ง มองไปรอบ ๆ เขาขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “คุณจางยังมาไม่ถึงอีกหรือ?”
“คุณจาง? ไม่มีนะ พวกเรามารอตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว นอกจากคุณแล้ว ยังไม่เห็นบุคคลที่สองเลยครับ”
หลี่จินรีบตอบ ในใจเขาจดจําชื่อแซ่ของเจ้านายคนใหม่ อีก สักครู่เมื่อเขามาถึงแล้ว ตนเองจะต้องปฏิบัติอย่างดีต่อเขา
“โอเค งั้นผมจะโทรศัพท์ไปถามเขา
ซุนอมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม แม้ว่าจะยังไม่เท่า ไหร่ แต่ก็ควรถาม ให้กระจ่าง เกรงว่าคุณจางอาจไปผิดสถานที่ ตนเองอาจเตือนเขาได้ทันเวลา
“สวัสดีครับ คุณจางใช่ไหมครับ? ผมชื่อซุนอวี่ เมื่อไหร่คุณจะ มาถึงที่นี่? อะไร….อะไรนะ? คุณมาถึงนานแล้ว ทำไมผมถึงไม่ เห็นคุณ?”
ท่าทางของซุนอวี่กลายเป็นตื่นตระหนกเล็กน้อย แล้วเขาก็มอง ไปรอบ ๆ เขารู้ว่า บริษัทของเขามีมูลค่าแค่ไหนเขารู้ดีกว่าคนอื่น เขาคำนวณแล้วอย่างมากแค่สิบกว่าล้าน ตอนนี้มีคนขอซื้อใน ราคาสูงขาดนี้ เป็นเรื่องที่แม้แต่ฝันก็ยังไม่กล้าฝัน ถ้าหากเป็น เพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทำให้การซื้อขายล้มเหลว มันจะทำให้ เขาคิดอยากตายไปเลยทีเดียว
ขณะนี้เอง จางผิงเดินออกมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกล เขาโบกมือให้ซุนอวี่ “ประธานซุน ผมอยู่นี่
“อั้ยหยา คุณทําให้ผมตกใจแทบแย่!”
ซุนอ รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อต้อนรับเขา หลังจากที่เห็นการ ปรากฏตัวของจางผิง เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย คนที่ร่ำรวยอันดับ ต้นๆ ทำไมถึงถ่อมตนขนาดนี้? การแต่งตัวธรรมดาเช่นนี้ ถ้า ไม่ใช่ว่าเพิ่งโทรไปเมื่อสักครู่ จะบอกยังไงก็ไม่เชื่อว่าคนเช่นนี้จะ นำเงินสามสิบล้านมาซื้อบริษัทของเขา
หลี่จินขยี้ตา ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกว่าร่างนี้ดูคุ้นเคยเล็กน้อย เขา รีบเดินเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นเขาตกใจจนแทบจะนั่งลงกับพื้น
ในสมองของเขามึนงง รู้สึกเหมือนท้องฟ้าหมุนวนผืนดินพลิก กลับ เหมือนโลกกำลังจะดับสูญ
นี่คือจางผิง!? เป็นไปไม่ได้ คนไร้ประโยชน์ยาจกอย่างเขาจะ
เอาเงินสามสิบล้านมาจากไหน
เขารีบเดินไปที่ด้านข้างซุนออย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวเสียงดัง ว่า “ท่านประธาน คุณอย่าไปเชื่อเขา เขาเป็นคนหลอกลวง! นี่”
ซุนอวี่กับจางผิงกำลังเดินเข้ามาในประตูอาคารอย่างช้า ๆ เมื่อถูกหลี่จินก่อกวน เขาจึงต้องหยุดเดิน แล้วกล่าวอย่างไม่ พอใจว่า “หัวหน้าหลี่คุณสามารถกินข้าวส่งเดชได้ แต่คุณจะ พูดจาส่งเดชเช่นนี้ไม่ได้! คุณจางเป็นคนที่คุณจะสามารถวิจารณ์ ได้เหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ! ท่านประธาน ไอ้หมอนี่ชื่อว่าจางผิง ก่อนหน้านั้นเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผม ต่อมาเพราะเขาไม่ตั้งใจทำงาน เขามักจะขาดงาน นิสัยหยาบคาย เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท ผมจึงไล่เขาออกไป ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่า เขาจะใช้วิธีที่น่า รังเกียจเช่นนี้ตอบโต้!”
หลี่จินหน้าแดงก่ำ ยืนยันว่าจางผิงเป็นคนหลอกลวง ขณะพูด คุย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กำลังจะโทรหาตำรวจ
จางผิงยิ้มเรียบ ๆ แล้วกล่าวกับซุนอว่า “ประธานซุน ดูแล้ว พนักงานของบริษัทคุณไม่ค่อยยินดีต้อนรับผม เอาอย่างนี้ ธุรกรรมซื้อขายของพวกเรารอบนี้ก็ยกเลิกไปเลยแล้วกัน”
เมื่อซุนอได้ยินเช่นนี้ เขากังวลขึ้นมาทันที หากจางผิงเป็นคน หลอกลวง เงิน30 ล้านที่เพิ่มขึ้นในบัญชีของเขา มันก็เป็นเรื่อง ชวนขนหัวลุกสินะ?
เมื่อเห็นว่าธุรกรรมซื้อขายครั้งใหญ่ของเขากำลังจะถูกหลี่จีนก อกวน เขาจึงยกฝ่ามือใหญ่ขึ้น แล้วฟาดออกไปเต็มแรง
หลังจากสิ้นเสียงดัง เห็นหลี่จินที่กำลังจะโทรศัพท์ ถูกตบที่ ใบหน้าจนทำให้ฟันกระเด็นออกจากปาก โทรศัพท์ในมือก็ไม่รู้ ว่ากระเด็นไปที่ไหน ไม่ทันได้พูดอะไรสักค่า ตัวเขาก็สลบไปเลย
“คุณจาง คุณอย่าเข้าใจผิด นับจากตอนนี้เป็นต้นไป บุคคลนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทของเรา คุณโปรดอย่าถือสา
“อ้อ? ถ้าเป็นเช่นนี้ งั้นเราเข้าไปข้างในกันต่อเลย ผมรู้สึก สนใจบริษัทนี้มาก”
จางผิงเหลือบมองหลี่จีนที่หมดสติอยู่บนพื้น แล้วเดินตามซุนอ เข้าไปในบริษัทอย่างช้า ๆ
สำหรับพนักงานที่เตรียมพร้อมที่จะต้อนรับจางผิง ขณะนี้พวก เขาทุกคนยังตกตะลึง กำลังสงสัยว่าพวกเขากำลังฝันอยู่หรือ เปล่า ส่วนพนักงานหญิงที่ถือช่อดอกไม้ ก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
ถ้าหากรู้ว่าจางผิงนั้นเจ๋งขนาดนี้ พวกเธอควรจะเริ่มจีบเขา ก่อนถึงจะถูก! ตอนนี้สาวงามทั้งหลายรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก
โจวเถกลืนน้ำลาย แล้วเขาก็หยิกมือเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ ข้างๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องว่า “โจวเก๋ คุณจะบ้าหรือไง อยู่ดี ๆ คุณหยิกฉันทำไม!!
เมื่อเห็นสีหน้าโกรธของเพื่อนร่วมงาน โจวเถกล่าวอย่าง ประหลาดใจว่า “พวกเราไม่ได้ฝันไปจริง ๆ ใช่ไหม?!”
“ จู่ ๆจางผิงก็เปลี่ยนจาก พนักงานตัวเล็ก ๆ เป็นคนใหญ่คน โต ที่สามารถทำให้ประธานของเราเคารพได้!”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ