ประธานซาตาน เราแต่งงานเถอะ

บทที่ 11 ฉันไม่ได้เป็นคนผลัก



บทที่ 11 ฉันไม่ได้เป็นคนผลัก

บทที่ 11 ฉันไม่ได้เป็นคนผลัก

วันแรกที่ออกไปข้างนอก นอกจากไม่มีความสุขในตอน เช้าที่ต้องเจอกับมู่จิ่งเหยียนแล้ว อาจกล่าวได้ว่าสำหรับ ชีวิตในมหาวิทยาลัยในอนาคต เธอเต็มไปด้วยความหวัง เป็นเรื่องที่ดีจริงๆที่ได้ฟื้นฟูชีวิตที่เป็นอิสระ!

เสียงที่ร่าเริงของโทรศัพท์ ดังขึ้นอย่างชัดเจนภายใน หอพักที่เอะอะยุ่งเหยิง โทรศัพท์ถูกรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงของผู้หญิงที่ตื่นตระหนก ทำให้มู่จิ่งเหยียนชะงัก ชั่ว ขณะหนึ่งคิดว่าตัวเองโทรผิด

“คุณคือคู่หมั้นของไป่หลิงซีใช่ไหม ฉันเป็นรูมเมทของ หลิงซี ชื่อว่าหมู่จิ่น”

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรอ!”

คำตอบของมู่จิ่งเหยียนทำให้หมู่จิ่นรู้สึกแปลกใจเล็ก น้อย วินาทีต่อมาเธอพยักหน้าอย่างร้อนรน: “ใช่แล้ว ใช่ แล้ว คืนนี้ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้อาเจียนและท้องเสียตลอด เลย เมื่อกี้เพิ่งจะถูกส่งไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน เธอหน้าซีดมาก ท่าทางดูเหมือนจะทรมานมากเลย คุณ… …

“รอก่อน ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
หมู่จิ่นยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกซู่จิ่งเหยียนขัดขึ้นมา จน กระทั่งเสียงวางสายดังขึ้น หมู่จิ่นถึงจะดึงสติกลับมาได้ คว้าเสื้อคลุมบนเตียงของไป่หลิงซี แล้วรีบวิ่งออกไปทันที

ในตอนที่มู่จิ่งเหยียนมาถึงห้องพยาบาล แม้แต่อาจารย์ ใหญ่ของมหาลัยก็ยังยืนอยู่ด้านนอกห้องพยาบาลแล้ว หม้จิ่นกับหลิวซือเจียใบหน้าตกใจ ไม่รู้ว่าไป่หลิงซีเป็น ใครกันแน่ ทําไมถึงได้ทำให้คณะกรรมการทั้งหมดใน โรงเรียนตื่นตระหนกกันหมด

“คนเป็นยังไงบ้าง?” ทันทีที่มู่จิ่งเหยียนมาถึงก็พุงไปที่ ห้องพยาบาลทันที อาจารย์ใหญ่และผู้อาวุโสที่ยืนข้างๆ อาจารย์ใหญ่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหัวเราะ “คุณ มู่ วางใจเถอะ คุณหนูไป่ก็แค่กินอาหารที่ไม่ดีเข้าไป กระเพาะและลําไส้อักเสบเฉียบพลัน ตอนนี้ไม่เป็นอะไร แล้วหละ!”

“กินอาหารที่ไม่ดี? อาหารในโรงเรียนของพวกคุณไม่ สะอาดหรอ?”

มู่จิ่งเหยียนหันกลับไป สายตาหล่นลงบนร่างของ อาจารย์ใหญ่ ทำให้อาจารย์ใหญ่ที่ยืนข้างๆตกใจจน โบกมือค้าน เกือบจะทำเอาคุณปู่คนนี้คุกเข่าแล้ว

“ไม่ไม่ไม่ คุณมู่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่เพราะอาหารในโรงเรียนของเราไม่สะอาด คือวันนี้คุณหนูไปเธอไม่ ได้กินข้าวในโรงเรียน เธอออกไปข้างนอกกับรูมเมท โรงเรียนของเราไม่สามารถ จํากัด เสรีภาพของนักเรียน จริงไหม?”

คำพูดของอาจารย์ใหญ่ ทำให้สายตาของมู่จิ่งเหยียนไป หล่นอยู่บนร่างของหมู่จิ้นกับหลิวซือเจียที่อยู่ข้างๆ ทันใด นั้นจิตใต้สำนึกของหมู่จิ่น ก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของตัว เองถูกแช่แข็ง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

“พวกเรา พวกเราก็แค่อยากจะฉลอง ไม่ได้มีเจตนาอื่น เลยนะ!”

หลิวซือเจียโบกมือ และรีบอธิบาย ทั้งที่พวกเขาก็กิน อาหารอย่างเดียวกัน ทำไมพวกเธอทั้งสองไม่เป็นอะไร แต่ไป๋หลิงซีกลับต้องเข้าห้องพยาบาล

“พวกคุณพาเธอไปกินอะไร?”

“หม้อไฟ นอกจากหม้อไฟแล้วพวกเราไม่ได้กินอะไรแล้ว จริงๆ พวกเราสามคนกินกันหมด คิดไม่ถึงเลยว่าหลิงซี

หม้จิ่นลังเล ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความกังวล! ถ้ารู้ว่าจะ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอไม่มีทางพาไป่หลิงซีไปแน่นอน
“หม้อไฟ?”

“ใช่ใช่ใช่ คือหม้อไฟ พวกเรารับรองเลยว่า ไม่ได้กิน อย่างอื่นแล้วจริงๆ

หลิวซือเจียใบหน้าสาบาน สําหรับผู้ชายที่หล่อเหลา ราวกับซาตานคนนี้ เธอทั้งชอบและกลัวเหมือนกัน ผู้ชาย คนนี้คงจะไปพุ่งมาทำร้ายพวกเธอหรอกใช่ไหม!

“คราวหลักอย่าพาเธอไปกินอะไรที่ไม่สะอาดแบบนี้อีก”

มู่จิ่งเหยียนพูดออกมาด้วยความเย็นชา และหันหลังเดิน เข้าไปในห้องพยาบาล อาจารย์ใหญ่ที่อยู่ข้างๆจะตาม เข้าไป กลับถูกจู่จิ่งเหยียนกันให้ออกมา

ภายในห้องที่เงียบสงบ มีเพียงเตียงคนไข้สีขาวแค่เตียง เดียว ไป่หลิงซีใบหน้าซีดขาว ยังคงหลับอยู่ และยังขมวด คิ้วด้วยความเจ็บปวด ริมฝีปากที่เคยอมชมพู ตอนนี้กลับ ขาวซีดไปหมด มีเหงื่อเล็กน้อยที่หน้าผาก คนทั้งคนนอน อยู่บนเตียงอย่างอ่อนแอ

“ฉันไม่ได้ผลัก ฉันไม่ได้เป็นคนผลักจริงๆ เธอล้มลงไป เอง ฉันไม่ได้ทำ!”

แม้แต่ในความฝัน ไป่หลิงซีก็ยังแข็งทื่อไปทั้งร่างภายในหัวมีแต่ภาพตอนที่เจียงรั่วจึงตกจากบันไดเมื่อห้า ปีก่อน

เธอยังไปได้แตะเจียงรั่วนิ่งเลยสักนิด ทำไมเธอถึงตกลง ไปได้ เธอไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ ทำไมไม่มีใครเชื่อเธอเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ